ช่วงนี้แม้จะอยู่ในฤดูหนาว เริ่มต้นช่วงฤดูท่องเที่ยวของภาคเหนือ หลังจากที่ซบเซาจากโควิด-19 ปีนี้เชียงใหม่จึงได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่อีกครั้ง แต่ในความยินดีเชียงใหม่ก็กำลังคืบคลานเข้าสู่ฤดูฝุ่น ที่ทุกคนไม่อยากเจอะเจอ แต่ก็หมุนกับมาเจอกันอีกครั้ง และดูว่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
![](https://thecitizen.plus/wp-content/uploads/2023/12/IMG_0253.jpg)
ถ้าพูดถึงปัญหาฝุ่นควัน หากพอจะติดตามข้อมูลข่าวสารมาบ้าง ก็น่าจะพอรับรู้ข้อมูลว่าปีนี้หลายๆหน่วยงาน องค์กร มีการขยับ วางแผน พูดคุยกันเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาไฟป่าฝุ่นควัน จนมีแนวทางเรื่องของป่าแปลงใหญ่ และการพูดถึง 7 กลุ่มป่า!
![](https://thecitizen.plus/wp-content/uploads/2023/12/7-ป่า3.jpg)
นโยบาย 7 ป่ามีจุดเริ่มมาจากการพยายามแก้ปัญหาฝุ่นในเชียงใหม่ ซึ่งหากย้อนกลับไป แนวทางการทำความเข้าใจ และแก้ไขปัญหาเรื่องฝุ่นควัน Pm 2.5 ที่ผ่านมาปัญหาไฟป่าถือว่าเป็นสาเหตุหลักๆที่สร้างฝุ่นควัน ในอดีตย้อนกลับไปสัก10ปี เราจะเข้าใจและรับรู้ว่าปัญหาฝุ่นควันเกี่ยวข้องกับพื้นที่ปลูกข้าวโพด แต่ภาพทุ่งข้าวโพดโล่งๆ สุดลูกหูลูกตากลับไม่ใช่สาเหตุหลักของปัญหาฝุ่นควันในเชียงใหม่ หรือแม้กระทั่งฝุ่นควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ก็ไม่ใช่สาเหตุหลักเช่นกัน จากการสืบค้นและศึกษาเชิงข้อมูลภาพถ่ายทางดาวเทียมที่เก็บข้อมูลร่องรอยการเผาไหม้ย้อนหลังไปมากกว่า10ปี พบว่าไฟในพื้นที่ป่าเป็นสาเหตุหลักของปัญหาฝุ่นควันในเชียงใหม่ จึงมีการพยายามผลักดันให้การจัดการมีความชัดเจนและเป็นแนวทางที่ถูกต้องมากขึ้น
ผ่านมาการแก้ไขเรื่องไฟป่า จะถูกโยนให้เป็นหน้าที่ทั้งชุมชนชาวบ้าน โดยแบ่งกันดูแลตามเขตการปกครองเป็นหลัก พูดง่ายๆก็คือ บ้านใครบ้านมัน แต่ในสภาพความเป็นจริงไฟป่าไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้เลย! เมื่อเกิดการลุกไหม้ลามไปเรื่อยๆ เขตการปกครองต่างๆ กลับเป็นปัญหาที่ทำให้การจัดการไฟไม่มีศักยภาพ ซึ่งหากต้องการจะแก้ไขให้ตรงจุด ก็ต้องเริ่มจากการมองเห็นภาพเดียวกันของทุกคน การแบ่งพื้นที่ป่าตามแนวเขตการปกครองหรือหน่วยงานต้องถูกแทนที่ด้วย ป่าที่มีพื้นที่ติดกันทั้งหมดแล้วดูว่าในผืนป่านั้นๆ มีใครอยู่บ้างและรับผิดชอบอะไรบ้าง แล้วทั้งหมดมาตกลงกันในการดูแล ใช่ครับนี้คือแนวคิดตั้งต้น พอมาถึงตรงนี้ก็จะเห็นภาพชัดเจนขึ้น ว่าพื้นที่ในการจัดการมีเท่าไหร่ ซึ่งก็คือพื้นที่ 7 ป่านี้ครับ
การแบ่งการจัดการแบบ 7 กลุ่มป่าของจังหวัดเชียงใหม่
- กลุ่มพื้นที่ป่าดอยสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่
อำเภอหางดง – อำเภอแม่วาง – อำเภอสะเมิง
พื้นที่ป่าทั้งหมด 537,496.52 ไร่
![](https://thecitizen.plus/wp-content/uploads/2023/12/ป่า-1-2.jpg)
2. กลุ่มพื้นที่ป่าอำเภอแม่แจ่ม และกัลยาณิวัฒนา
พื้นที่ป่าทั้งหมด 2,099,395 ไร่
![](https://thecitizen.plus/wp-content/uploads/2023/12/ป่า-2.jpg)
3. กลุ่มพื้นที่ป่าดอยอินทนนท์
อำเภอจอมทอง และฮอด
พื้นที่ป่าทั้งหมด 1,131,768 ไร่
![](https://thecitizen.plus/wp-content/uploads/2023/12/ป่า-3.jpg)
4. กลุ่มพื้นที่ป่าอำเภออมก๋อย
พื้นที่ป่าทั้งหมด 2,229,431.6 ไร่
![](https://thecitizen.plus/wp-content/uploads/2023/12/ป่า-4.jpg)
5. กลุ่มพื้นที่ป่าดอยหลวงเชียงดาว
อำเภอเชียงดาว เวียงแหง ไชยปราการ และฝาง
พื้นที่ป่าทั้งหมด 1,027,710 ไร่
![](https://thecitizen.plus/wp-content/uploads/2023/12/ป่า-5jpg.jpg)
6. กลุ่มพื้นที่ป่าศรีลานนา อำเภอพร้าว และแม่แตง
พื้นที่ป่าทั้งหมด 727,261 ไร่
![](https://thecitizen.plus/wp-content/uploads/2023/12/ป่า-6.jpg)
พื้นที่ป่าทั้งหมด 719,229 ไร่
7. กลุ่มพื้นที่ป่าอำเภอสันทราย ดอยสะเก็ด แม่ออน และส้นกำแพง
![](https://thecitizen.plus/wp-content/uploads/2023/12/ป่า-7.jpg)
ถามต่อกันไปอีกว่า เมื่อมีการกำหนดพื้นที่แบบชัดเจนแบบนี้ จะนำไปสู่อะไรบ้าง?
ก็ต้องบอกว่านอกจากการจัดรวมแบ่งเขตพื้นที่ป่าออกมาแบบนี้ สิ่งที่ตามมาคือ คนที่รับผิดชอบที่อยู่แต่ละเขตป่ามาร่วมกันทำงานอย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในมาตรการที่จะถูกใช้บนฐานข้อมูล 7 ป่าเป็นครั้งแรกก็คือแผนการจัดการบริหารเชื้อเพลิง! หรือพูดง่ายๆก็คือการเผาแบบควบคุมเพื่อลดเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่าทั้งหลาย ไม่ให้ไหม้ด้วยความรุนแรงหรือลุกลามเป็นพื้นที่กว้างๆเช่นที่ผ่านมา ส่วนจะได้ผลมากน้อยเพียงใด ก็คงต้องติดตามดูกันกับช่วงฤดูฝุ่นควันที่กำลังจะมาถึงนี้