“อนุดิษฐ์”ยันไม่เอาข้าวแลกแท็บเล็ต แจงอุบชื่อบ.จีทูจี เพราะมารยาทระหว่างปท.

“อนุดิษฐ์”ยันไม่เอาข้าวแลกแท็บเล็ต แจงอุบชื่อบ.จีทูจี เพราะมารยาทระหว่างปท.

"อนุดิษฐ์" ยันไม่เอาข้าวแลกแท็บเล็ต แจงอุบชื่อบริษัทจีทูจี เพราะมารยาทระหว่างประเทศ มั่นใจสรุปเรื่องส่งครมใน 2สัปดาห์ แต่หากเลวร้่ายสุด เครื่องมาไม่ทัน เด็กๆ ก็กลับไปเรียนตำราหนังสือกระดาษเหมือนเดิม

15 มีนาคม 2555 นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ให้สัมภาษณ์เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเรื่องแท็บเล็ตป.1

ถาม : สื่อและสังคมกังขาว่า ทำไมเปิดชื่อบริษัทที่ได้รับเลือกไม่ได้

"ขณะนี้คณะกรรมการแท็บเล็ต ได้คัดเลือก 1 บริษัท ที่เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี กับรัฐบาลไทยเรียบร้อยแล้ว แต่กระบวนการที่ทำเป็นเรื่องเกี่่ยวกับความร่วมมือระหว่างรัฐต่อรัฐ จึงต้องฟังรัฐบาลจีนก่อนว่าจะยืนยันอย่างไร จากนั้นจะนำมาดูว่าเป็นไปตามระเบียบและสอดคล้องกับกฎหมายของประเทศไทยอย่างไร หากเป็นไปตามนั้นก็เดินหน้าต่อ แต่หากมีข้อสงสัยก็ต้องทำให้เกิดความชัดเจนก่อน

ถาม : ณ นาทีนี้ยังมั่นใจว่า กระบวนการต่างๆ จะทำให้แจกทันเปิดเทอม พ.ค.นี้หรือไม่

"ผมว่ายังอยู่ในช่วงของระยะเวลาที่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อความสำเร็จของโครงการ ซึ่งหากไม่เกิดปัญหา กระบวนการจัดหาเครื่องแท็บเล็ตให้เด็กป.1 ยังทันในปีการศึกษานี้แน่นอน ถ้าเราพูดว่าเด็ก 8 แสนกว่าคน และให้ไปอยู่ในมือของทุกคนในเรื่องข้อเท็จจริง ควรจะพูดเป็นภาพรวมว่าทันในช่วงการเปิด แต่หลังจากที่แต่ละโรงเรียนรับไปแล้วจะเป็นอย่างไร เด็กๆ จะได้แตะเครื่องแท็บเล็ตวันไหน มันคงจะบอกว่าเปิดเทอมวันแรกคุณครูเอาเครื่องมาให้เด็กทุกคน ก็ต้องอยู่ที่ความพร้อมของเด็กนักเรียนด้วย สิ่งเหล่านี้ไม่อยากให้เป็นสาระสำคัญ แต่สาระสำคัญ คือเราอยากให้ดำเนินกระบวนการต่างๆ อย่างถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบ โปร่งใส และสามารถดำเนินการให้ทันกับห้วงเวลาการเปิดเรียนเทอมหนึ่งแบบนี้ ยืนยันว่าทำทันแน่นอน

ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นความร่วมมือระหว่างปรเทศ ไม่ใช่ความร่วมมือระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ทางเราต้องให้เกียรติรัฐบาลจีนด้วย โดยปกติการดำเนินการแบบรัฐต่อรัฐ เราจะไม่สั่งกัน เช่นเดียวกันกระบวนการของเราเสร็จก็ส่งให้รัฐบาลจีน หากจะไปกำหนดว่าจีนจะส่งเครื่องมาเมื่อไหร่ ให้ยืนยันก็คงบอกไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องมารยาทเช่นเดียวกัน แต่ในความเห็นส่วนตัว คิดว่าไม่ช้าแน่นอน และคิดว่ภายในสัปดาห์หน้าหรือถัดไป ความชัดเจนเรื่องนี้จะรายงานให้ครม.ทราบแน่นอน"

ถาม : กระบวนการ หลังจากจีนรับรองแล้วจะเป็นอย่างไร

"หากมีเรื่องใดไม่สอดคล้องกับสิ่งที่รัฐบาลไทยดำเนินการ ก็ต้องให้ฝ่ายกฎหมายจะนำมาพิจารณา เพราะอดีตก็เคยมีเรื่องคล้ายกันแบบนี้ที่ทำกันไม่รอบคอบก็ถูกกล่าวหาว่าทำไม่โปร่งใส หรือแย่กว่านั้นคือการกระทำที่ขัดกฎหมาย ดังนั้นคณะกรรมการทุกคน ทั้งข้าราชการประจำ และข้าราชการการเมืองก็ต้องทำให้รอบคอบและระมัดระวัง ให้กระบวนการเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายกำหนด

ถาม :  กว่าสินค้าจะมาถึงไทย ยังมีกระบวนการใดอีกบ้าง

"ในเรื่องการผลิตจะต้องคำนึงถึงกรอบการผลิตของแต่ละโรงงานเป็นตัวตั้ง ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ในช่วงเวลา 3-4 วัน จะผลิตได้ประมาณ 1 แสนเครื่อง ฉะนั้นเครื่องแท็บเล็ตที่เราต้องการกว่า 8 แสนเครื่อง จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ซึ่งก่อนจะขึ้นสายพานการผลิต เราจะใช้เวลาเตรียมการประมาณ 20 วัน บวกลบแล้วจะใช้เวลาประมาณ 50 วัน หลังจากลงนามในสัญญาเพื่อเดินสายการผลิต จึงคิดว่าไม่น่าช้ามาก จากนั้นจะทยอยนำส่งจากจีนมาสู่ไทยได้ หากดูจากสถานการณ์นี้ การได้ของมาในเดือนพฤษภาคม2555 กรอบยังเป็นไปตามนั้น

ถาม : คิดเผื่อหรือไม่ หากไม่ทันจริงๆ จะเป็นอย่างไร

"สมมตินะครับ หากเลวร้ายสุด มันไม่ทันจริงๆ ก็คิดว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการการเรียนการสอนของเด็กๆ เพราะอุปกรณ์แท็บเล็ตจะเป็นอุปกรณ์ที่ไปเสริมการเรียนการสอน ซึ่งหากไม่ทันจริงๆ เด็กๆ สามารถเรียนไปตามหลักสูตรการเรียนการสอนในตำราเรียนปกติ แต่เมื่อใดมีแท็บเล็ตมา ก็จะช่วยประยุกต์การเรียนของเด็กๆ ได้"

ถาม :  เมื่อไม่สามารถเร่งรัดจีนได้เพราะมารยาท  คิดหรือไม่ว่จะยังทันอยู่

"วันนี้การเร่งรีบ จะนำไปสู่ความเชื่องช้า เพราะวันนี้เราเร่งรีบไป ก็จะไปข้ามขั้นตอนที่ไม่เป็นไปตามระเบียบกฎหมายได้ และเชื่อว่าคนหลายกลุ่มจะไม่ฟังว่าเรามีความปรารถดีอยากให้เด็กใช้ แต่เค้าคงไม่ฟัง แต่อาจกลายเป็นโดนกล่าวหาว่าคณะกรรมการทำโดยมีเจตนาแอบแฝงหรือเร่งรีบ ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ผมในฐานะกรรมการคนหนึ่งเข้าใจทุกคนที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าทำงานช้า แต่ส่วนตัวคิดว่าขณะนี้เราทุกคนพยายามจะทำให้การใช้งบประมาณ 1,900 ล้านบาท เกิดขึ้นอย่างถูกต้องและโปร่งใส กระบวนการทุกขั้นตอนบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้กระบวนการหลังกระบวนการนี้เสร็จสิ้นจะต้องมีคำตอบได้หากเกิดคำถามจากสังคม

ถาม : ถ้าไม่ทันจริงๆ จะกระทบอะไรหรือไม่ และเป็นนโยบายที่เพื่อไทยหาเสียงไว้ด้วย

เนื่องจากเป็นคำถามว่าถ้าไม่ทัน จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอนตามปกติ แต่ขณะนี้ยืนยันว่าทัน 100%

ถาม :  มีเงื่อนไขอะไรเป็นห่วงมากที่สุดว่าจะส่งผลกระทบ

"เงื่อนไขหรืออุปสรรค คือเป็นเรื่องที่ไม่ใช่การดำเนินการของเราเอง เพราะไทยก็ดำเนินการตามขั้นตอนระบบระเบียบของกฎหมายแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่กระบวนการขั้นตอนที่มีการประมูลตามปกติ ซึ่งข้อดีจะทำให้เราได้ของที่มีราคาถูกและได้รับการดูแลจากรัฐบาลจีนด้วย อาจดูได้จากราคาตั้งตัวแท็บเล็ตและองค์ประกอบที่เป็นราคากลางที่มีราคา 3,400 บาทต่อเครื่อง แต่ราคาที่ได้จากความร่วมมือครั้งนี้มีราคาถูกกว่ามาก"

ถาม : ข่าวที่ออกมาว่า กรรมการเลือกบริษัท"สโคป"ดำเนินการ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

"ผมเห็นว่าคนที่พูดเป็นแหล่งข่าว  ซึ่งเมื่อเป็นแหล่งข่าวจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เป็นทางการ เพราะต้องได้รับการประกาศจากคณะกรรมการเป็นทางการ ซึ่งข้อเท็จจริงคือเราได้เลือกเรียบร้อยแล้ว แต่ต้องรอการประกาศหลังรอประเทศจีนรับรองด้วย เราเลือกบริษัทเราแล้ว ส่วนจะเป็นบริษัทใด ยังเป็นมติคณะกรรมการแท็บเล็ตที่เห็นว่ายังไม่ควรบอก เพราะได้รับคำปรึกษาจากคณะกรรมการที่ดูแลฝ่ายกฎหมายว่า แม้ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็ต้องรอก่อน การที่เราประกาศเลยเป็นการดำเนินการในส่วนรัฐบาลไทยเพียงฝ่ายเดียว มันดูไม่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นก็คงไม่เรียกว่าเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศ"

ถาม : กรณี มีเรื่องคุุณทักษิณ เข้ามาเกี่ยวข้องว่าร่วมเลือกด้วย

"เราส่งชื่อไปเพียงบริษัทเดียว ไม่ได้ส่งไปสามบริษัทตามที่เป็นข่าว ซึ่งการดึงท่านทักษิณมาเกี่ยวดัวยกับเรื่องนี้ คิดว่าไม่เป็นธรรม ซึ่งในฐานะที่ผมเป็นตัวแทนคณะกรรมการแถลงข่าว ยืนยันว่า ไม่ได้ส่งไปให้คัดเลือก 3 บริษัท ซึ่งการพูดอย่างนี้เป็นการใส่ร้ายโจมตีและตีกินทางการเมือง และไม่ทราบว่าข่าวที่บอกว่าคณะกรรมการส่งรายชื่อไป 3 บริษัทให้จีนช่วยเลือกมาจากไหน"

ถาม : บริษัทที่ไทยเลือกแล้วส่งไปให้ ทางจีนมีสิทธิ์ที่จะเลือก หรือคอมเม้นท์ใดๆ หรือไม่ ถึงขั้นไหน

"คิดว่าไม่เป็นอย่างนั้น หลังจากนี้ต้องดูว่ากระบวนการที่รัฐบาลจีนจะร่วมกับเราจะถึงขั้นไหนตามขั้นตอนจีทูจีปกติ เราเป็นคนตัดสิน ซึ่งจีนเป็นผุ้ที่เลือกให้ไทยมาแล้ว 4 บริษัทก่อนหน้านี้ และเราเป็นคนเลือกให้เหลือ 1 บริษัทเท่านั้น แต่สิ่งเหล่านี้ เมื่อเป็นความร่วมมือต่อให้เรารู้ว่ามันจะเป็นแบบไหนก็แล้วแต่ มันจะดีกว่หรือไม่ว่า วันนี้เราเรียกร้องความร่วมมือกันก็ทำกระบวนการให้ถูกต้อง มันก็น่าจะถูกต้อง"

ถาม : ประเด็นเรื่องนำข้าว หรือสินค้าเกษตรไปแลกแท็บเล็ต ข้อเท้จจริงวันนี้เป็นอย่างไร

"ข้อเท็จจริงวันนี้คือยังไม่มีสินค้าใดไปแลก  เท่าที่ทราบ มีฝ่ายค้านนำเรื่องดังกล่าวมาพูด ซึ่งอนาคตที่จะมีการทำแบบบราเตอร์เทรด ก็เป็นไปได้ แต่ในเรื่องของแท็บเล็ตครั้งนี้ เป็นการตั้งงบประมาณปี 2555 อย่างถูกต้อง และที่ว่าจะเอาข้าวที่มีราคาสูงกว่ามาแลกกับแท็บเล็ตที่มีราคาต่ำกว่า มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว คนที่พูดในลักษณะนี้ หรือคนที่จะทำได้ในลักษณะนี้ต้องเป็นคนที่ความคิดอาจไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งประชาชนวันนี้มีความรู้ รอเอาไว้ให้คนที่คิดไปทำเถอะ แต่รัฐบาลชุดนี้ยืนยันว่าสินค้าราคาเท่าไรก็ต้องอยู่ในกระบวนการเท่าเทียมกัน"

ถาม : ตกลงถึงจุดนี้ มีคิดไว้บ้างหรือยังว่ามีสินค้าใดที่มีราคาพอๆ กันไปแลก

"ตอนนี้ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ เพราะคณะกรรมการชุดนี้ (กรรมการแท็บเล็ต) ยังไม่มีอำนาจในการพิจารณากระบวนการเรื่องนี้ ซึ่งการจัดซื้อแบบจีทูจี ก็เหมือนครั้งกองทัพซื้ออาวุธ ก็เป็นแบบจีทูจี ได้ของมาและจ่ายเงินสดไป ไม่ได้ซับซ้อนอะไร"

ถาม : ในฐานะรัฐมนตรีไอซีที ถึงขณะนี้ จะตอกย้ำเรื่องนี้อย่างไร
"อยากบอกว่าการที่รัฐบาลต้องการให้เด็กไทยเข้าถึงเทคโนโลยี เพราะวันนี้เด็กที่ร่ำรวยและผู้ปกครองมีฐานะ ก็สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีแล้ว แต่เด็กบางกลุ่มที่ยังไม่ได้เข้าถึงเทคโนโลยีก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่ามีพัฒนาการชัดเจนอย่างไร แต่ลูกหลานของคนจน ควรมีโอกาสได้รับการพัฒนาให้มีศักยภาพเป็นบุคคลกรที่มีคุณภาพของประเทศในการพัฒนาตัวเองมากขึ้น"

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ