"สปริงนิวส์" ออกแถลงการณ์ ยอมรับผิด พาดพิง "ไทยพีบีเอส" มีส่วนเกี่ยวข้องรื้อบิ๊กแบ็ก
"สปริงนิวส์" ออกแถลงการณ์น้อมรับถึงความบกพร่องในรายงานที่พาดพิงสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรื้อบิ๊กแบ็กที่ดอนเมือง พร้อมอ้างสาเหตุเบื้องต้นเป็นความเร่งรีบผลิตงานเพื่อให้ทันออกอากาศ มิได้มีเจตนาทำร้ายความน่าเชื่อถือสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสแต่อย่างใด
จากกรณี มีการรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 54โดย ผู้สื่อข่าวชื่อ ปวีณศรณ์ เย็นยอดวิชัย อ้างว่าได้รับแจ้งข้อมูลทางโทรศัพท์จากตัวแทนชาวบ้านคนหนึ่งย่านดอนเมืองว่า ทีมข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสที่ทำข่าวในบริเวณดังกล่าวให้ข้อมูลโน้มน้าวให้ชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างแนวกระสอบทรายยักษ์รวมตัวกันประท้วง นั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 16 พ.ย.54 สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ได้อ่านแถลงการณ์ยอมรับผิด ผ่านรายการข่าวของช่อง รายละเอียดตามแถลงการณ์ นี้
"ตามที่มีแถลงการณ์ของผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กรณีการนำเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ที่อ้างถึงผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส มีส่วนในการยุยงให้ชาวดอนเมืองรวมตัวประท้วงการวางแนวชะลอน้ำ หรือ บิ๊กแบ็ก ซึ่งฝ่ายบริหารไทยพีบีเอสได้มีหนังสือขอคำชี้แจงมายังสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์นั้น
ฝ่ายบริหารและคณะบรรณาธิการของสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงทันทีที่เกิดขึ้น พบว่ากรณีข่าวชิ้นดังกล่าวเป็นการนำเสนอเบื้องหลังความไม่พอใจของชาวบ้าน จุดกระแสความไม่พอใจบานปลายจนเกิดการรื้อแนวบิ๊กแบ็ก ซึ่งส่งผลกระทบถึงแผนการบริหารจัดการแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เมืองหลวงของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ.และกรุงเทพมหานคร
เนื้อหาส่วนใหญ่ในรายงานดังกล่าว เรียบเรียงขึ้นโดยการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากบุคคลและแหล่งข่าวต่าง ๆ เพื่ออธิบายถึงเหตุแห่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้น โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งได้กล่าวพาดพิงถึงการทำหน้าที่ของผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส ซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิดได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสมีส่วนอยู่เบื้องหลัง และ ไม่ได้ตรวจสอบไปยังฝ่ายบริหารของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสเพื่อให้โอกาสได้ชี้แจง ซึ่งถือเป็นความผิดพลาดในการปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิชาชีพที่ควรให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ขอน้อมรับในความบกพร่องที่เกิดขึ้น และ ขออภัยมาอย่างสูงต่อผู้ถูกพาดพิงทั้งผู้สื่อข่าวและต่อองค์กร หรือ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ขอยืนยันว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า ความบกพร่องดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของผู้สื่อข่าวที่พยายามผลิตชิ้นงานอย่างเร่งรีบเพื่อให้ทันกับการออกอากาศ โดยมิได้มีเจตนาที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ตระหนักดีถึงผลกระทบต่อผู้ถูกพาดพิง โดยเฉพาะมาตรฐานการนำเสนอข่าวขององค์กร จึงมิได้เพิกเฉยต่อข้อผิดพลาดดังกล่าว จึงได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการตามมาตรฐานระเบียบวิชาชีพ และ วินัยการทำงานของสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์แล้ว
ทั้งนี้สถานีโทรทีศน์สปริงนิวส์ ขอเรียนว่าการทำหน้าที่ในฐานะสื่อมวลชนของสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ มีนโยบายชัดเจนที่จะนำเสนอข่าวความจริงโดยปราศจากอคติ โดยให้ความสำคัญกับการติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ประชาชนให้ความสนใจ ได้รับผลกระทบ หรือได้รับความเดือดร้อนอย่างรอบด้าน โดยไม่เอนเอียงชี้นำหรือให้น้ำหนักกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นกรณีพิเศษ จนได้รับการยอมรับจากผู้ชมทั่วประเทศ
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวสปริงนิวส์ทุกคนได้ทำงานหนัก เพื่อติดตามนำเสนอข่าวอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างทุ่มเท เสียสละ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริง ทั้งจากพื้นที่ประสบอุทกภัยทุกจังหวัด รวมถึงการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด โดยได้ตัดสินใจปรับผังรายการเพื่ออุทิศพื้นที่และสรรพกำลังทั้งหมดของสถานีในการรายงานข่าวหาวิบัติอุทกภัย 54 อย่างเต็มกำลังเพื่อสะท้อนภาพเหตุการณ์จริงในแต่ละพื้นที่อย่างถูกต้องรวดเร็ว ให้ประชาชนจะได้รับทราบสถานการณ์ที่เป็นจริงและเตรียมรับมือกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างครบถ้วน โดยพยายามอย่างที่สุดที่จะจัดระเบียบข้อมูลและการบรรณาธิการอย่างรัดกุมไม่ให้เกิดความสับสน ขัดแย้ง หรือ ตกไปเป็นเครื่องมือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์จึงขอน้อมรับในความบกพร่องผิดพลาดที่เกิดขึ้น และ ยืนยันว่า จะระมัดระวังการทำงานให้มากขึ้น โดยเฉพาะการพาดพิงถึงบุคคลที่สาม และ การให้โอกาสได้ชี้แจงอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเคร่งครัด และจะยืนหยัดในการทำหน้าที่สื่อสารมวลชนที่ตระหนักในความรับผิดชอบ สำนึกถึงประโยชน์ของส่วนรวม มีความเป็นกลาง และ เป็นธรรมตลอดไป"
อ้างอิงเนื้อหาข่าวจาก http://news.thaipbs.or.th
ลักษณ์ วลัย