ภาพโดย: Piyasak Ausap
กลุ่มผู้หญิงทำงานชายแดนใต้จับมือ ตั้ง “คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้” แถลงเรียกร้องทุกฝ่ายยุติความรุนแรง รัฐรับผิดชอบในการค้นหาและนำเสนอความจริงต่อสาธารณะ ขจัดวัฒนธรรมคนผิดลอยนวลและเยียวยาอย่างเท่าเทียม พร้อมเรียกร้องประชาชนทุกศาสนิกให้อดทนต่อแรงยั่วยุและใช้สันติวิธีในการแก้ปัญหา
เช้าวันนี้ (28 เม.ย. 2558) ที่โรงแรมปาร์ควิว จ.ปัตตานี กลุ่มผู้หญิงทำงานชายแดนใต้ร่วมกันเปิดตัว “คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้” อันเป็นการรวมตัวของกลุ่มผู้หญิงที่ทำงานด้านการเยียวยา การพัฒนา การสื่อสาร สิทธิมนุษยชนและการสร้างสันติภาพ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 16 องค์กร และได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ เรื่อง “ข้อห่วงใยของผู้หญิงต่อวงจรความรุนแรงชายแดนใต้”
โดยแถลงการณ์ฯ กล่าวว่า ความรุนแรงที่ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายใด นำไปสู่การตอบโต้จนกลายเป็นวงจรแห่งความรุนแรงเสมอมา ทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อพลเรือนกลุ่มเปราะบาง อย่างผู้หญิงและเด็ก ยกตัวอย่างเช่นกรณีวิสามัญฆาตกรรมเยาวชน 4 คนที่บ้านโต๊ะชูด อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นในเวลา 1 เดือน เกิดความรุนแรงรวมประมาณ 30 เหตุการณ์ มีผู้เสียชีวิต 13 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กและผู้หญิง 9 คน
เนื่องในวาระครบรอบ 11 ปีเหตุการณ์ 28 เมษายน 2547 คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ จึงมีข้อเรียกร้อง 4 ประการ เพื่อยุติวงจรความรุนแรงและสนับสนุนกระบวนการสร้างสันติภาพ ได้แก่ หนึ่ง ผู้ใช้กำลังอาวุธทุกฝ่ายต้องยุติการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือน โดยเฉพาะเด็ก ผู้หญิง และคนชรา และยุติการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่สาธารณะ สอง รัฐต้องรับผิดชอบในการค้นหาและนำเสนอความจริงต่อสาธารณะโดยเร็ว สาม รัฐต้องมุ่งขจัดวัฒนธรรมคนทำผิดลอยนวล และการเยียวยาผู้เสียหายจะต้องไม่เลือกปฏิบัติ และสี่ พี่น้องประชาชนทุกศาสนิก ต้องมีความอดทนอดกลั้นต่อแรงยั่วยุจากการก่อเหตุความรุนแรง ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายใดก็ตาม อีกทั้งการแก้ปัญหาใดๆ ต้องเป็นไปโดยสันติวิธี เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และใช้การพูดคุยเพื่อแสวงหาทางออกร่วมกัน
ทั้งนี้ นางโซรยา จามจุรี คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ จากเครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพชายแดน กล่าวว่า หลังจากนี้คณะทำงานจะเริ่มรณรงค์ขอพื้นที่ปลอดภัย เช่น ตลาด โรงเรียน สถานพยาบาล สถานที่ทางศาสนาทุกศาสนา เพื่อให้ประชาชนที่ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคู่ขัดแย้งได้มีพื้นที่ปลอดภัยในการใช้ชีวิตประจำวัน
ส่วน น.ส.ลม้าย มานะการ คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ จากเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ กล่าวว่า คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้นั้นมีความชอบธรรม ในฐานะภาคประชาสังคมซึ่งไม่ใช่ผู้ก่อความรุนแรง ที่จะเรียกร้องต่อผู้ใช้ความรุนแรงให้ความรุนแรงและขอพื้นที่ปลอดภัย นอกจากนี้ก็ต้องการสื่อสารไปยังนอกพื้นที่ ให้เพื่อนจากหลากหลายภูมิภาคได้ร่วมกันสนับสนุนข้อเรียกร้องของคณะทำงานฯ ด้วย
หลังจบการแถลงข่าว กลุ่มผู้หญิงจากคณะทำงานวาระชายแดนใต้จำนวนหนึ่งได้เดินทางไปยังรณรงค์เรียกร้องขอพื้นที่ปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะต่างๆ เช่น มัสยิดกรือเซะ วัดตานีสโมสร ตลาดเทศบาลเมืองปัตตานี และโรงพยาบาลปัตตานี เป็นต้น
แถลงการณ์ คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ เรื่อง “ข้อห่วงใยของผู้หญิงต่อวงจรความรุนแรงชายแดนใต้” วันอังคารที่ 28 เมษายน 2558 ณ โรงแรมปาร์ควิว จังหวัดปัตตานี —————————— ทุกฝ่ายที่ใช้ความรุนแรงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตนมายาวนานกว่า 11 ปีในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้อาจไม่คิดว่ากำลังสร้างวงจรแห่งความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่จบสิ้น ทำให้ประชาชนผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องเจ็บปวดจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก สูญเสียเสาหลักของครอบครัวและประสบความยากลำบากในการดำเนินชีวิต บั่นทอนสายสัมพันธ์ของผู้คนที่อาศัยอยู่ร่วมกันมายาวนานทำให้จังหวัดชายแดนภาคใต้ห่างไกลจากความมั่นคงและสันติภาพออกไปทุกขณะ คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ เป็นการรวมตัวของกลุ่มผู้หญิงทั้งชาวพุทธและมุสลิม ซึ่งทำงานสนับสนุนกระบวนการสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครอบคลุมทั้งด้านการเยียวยา การพัฒนา การสื่อสารและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ องค์กรริเริ่ม 16 องค์กร ได้จัดประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2558 ในจังหวัดปัตตานี โดยมีวาระสำคัญประการหนึ่ง คือการประเมินและวิเคราะห์วงจรความรุนแรงซึ่งส่งผลกระทบต่อการสร้างสันติภาพในพื้นที่ ผลจากการประชุมดังกล่าว คณะทำงานฯ มีความเห็นว่า เมื่อมีการใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะเริ่มโดยฝ่ายใดก็ตาม จะเกิดการตอบโต้จนกลายเป็นวงจรความรุนแรงเสมอมา ทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่นเด็กและผู้หญิง ดังกรณีการวิสามัญฆาตกรรมเยาวชน 4 ศพโดยเจ้าหน้าที่รัฐที่บ้านโต๊ะชูด อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2558 ได้ทำให้เกิดความรุนแรงตามมาอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนมีการวางระเบิด 7ครั้งในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาสรวมถึงการลอบยิงราษฎรและเหตุการณ์ความรุนแรงอื่นๆ รวมทั้งสิ้นประมาณ30 เหตุการณ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต13 คน โดยในจำนวนนี้เป็นเด็กและผู้หญิง 9 คน และบาดเจ็บรวมอีกทั้งหมด20คน เนื่องในวาระครบรอบ 11 ปีเหตุการณ์ 28 เมษายน 2547 อันนับเป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งของวงจรความรุนแรงในพื้นที่ คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ จึงมีข้อเรียกร้องเพื่อยุติวงจรความรุนแรงดังกล่าว และสนับสนุนกระบวนการสร้างสันติภาพ ดังนี้ 1. “ผู้ใช้กำลังอาวุธทุกฝ่ายต้องยุติการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือนโดยเฉพาะเด็กและผู้หญิง และยุติการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่สาธารณะ เช่น ตลาด โรงเรียน โรงพยาบาล ศาสนสถาน เป็นต้น 2. “รัฐต้องรับผิดชอบในการค้นหาและนำเสนอความจริงต่อสาธารณะโดยเร็วในกรณีเกิดเหตุสะเทือนขวัญ ได้แก่ การเสียชีวิตของเด็กและผู้หญิง การเสียชีวิตของนักต่อสู้เพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การฆ่าด้วยวิธีการทารุณโหดร้าย การฆ่าล้างครอบครัว การเสียชีวิตที่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐกระทำเกินกว่าเหตุ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดจนลุกลามเป็นวงจรความรุนแรงต่อไป 3. รัฐต้องมุ่งมั่นที่จะขจัดวัฒนธรรมคนทำผิดลอยนวล (impunity)โดยคุ้มครองทั้งสิทธิของผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหาอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงให้การดูแลเยียวยาโดยไม่เลือกปฏิบัติต่อบุคคลด้วยเหตุแห่งเชื้อชาติ ศาสนา หรือสถานะทางสังคม 4. “พี่น้องประชาชนทุกศาสนิกต้องมีความอดทนอดกลั้นต่อแรงยั่วยุจากการก่อเหตุความรุนแรง ไม่ว่าจะเกิดจากการกระทำของฝ่ายใดก็ตาม เพื่อไม่ให้วงจรความรุนแรงขยายตัว ทั้งนี้ การแก้ปัญหาความขัดแย้งทุกรูปแบบต้องเป็นไปโดยยึดหลักสันติวิธี เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และใช้การพูดคุยเพื่อแสวงหาทางออกร่วมกัน
รายนามคณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ กลุ่มเครือข่ายสตรีเสื้อเขียวชายแดนใต้ กลุ่มเซากูน่า กลุ่มด้วยใจ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดปัตตานี เครือข่ายการช่วยเหลือเด็กกำพร้า เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ เครือข่ายชุมชนศรัทธา เครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ เครือข่ายผู้หญิงยุติความรุนแรงแสวงสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ เครือข่ายวิทยุชุมชนจังหวัดปัตตานี เครือข่ายสตรีชายแดนใต้เพื่อสันติภาพ ชมรมข้าราชการมุสลีมะห์นราธิวาส ชมรมผู้นำมุสลีมะห์นราธิวาส มูลนิธิเพื่อการศึกษาและเยียวยาเด็กกำพร้า ศูนย์ฟ้าใสเครือข่ายเยาวชนจังหวัดยะลา ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ สถานวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรมภาคใต้ สภาประชาสังคมชายแดนใต้ สมาคมผู้หญิงเพื่อสันติภาพ (WePeace) สมาคมลุ่มน้ำสายบุรี สมาคมสวัสดิการมุสลีมะฮ์จังหวัดยะลา |