ดร.เดชรัตน์ สุขกำเนิด อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ให้ความเห็นอีกด้านหนึ่งที่เขาได้เคยสัมผัสกับกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและนักกิจกรรมจำนวนหนึ่งที่ถูกควบคุมตัวเนื่องจากการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เพื่อรำลึกเหตุการณ์ ครบรอบ 1 ปีรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2558 ก่อนจะถูกปล่อยตัวในช่วงเช้าของวันต่อมา ซึ่งก่อกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ต่อปฏิบัติการดังกล่าวในมุมมองทั้งบวกและลบ ทีมข่าวพลเมืองจึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่อีกครั้ง
….
ตอนนี้มีคนพูดถึงน้องๆ ที่เพิ่งถูกควบคุมตัวที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครมากพอสมควร เพื่อนๆ หลายคนมีคำถามถึงน้องๆ กลุ่มนี้ ตัวผมเองรู้จักน้องๆ กลุ่มนี้ มาสัก 2 ปีแล้ว ผมจะเล่าวันแรกที่เรารู้จักกันให้เพื่อนๆ ฟังครับ
วันนั้นเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2556 ขณะนั้น สถานการณ์ในรัฐสภากำลังตึงเครียด เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์เสนอแก้กฎหมายนิรโทษกรรม แต่ยังไม่ผ่านสภาฯ การชุมนุมนอกสภาฯ ยังไม่เกิดขึ้น ยกเว้นกลุ่ม คปท. ที่ชุมนุมอยู่แยกอุรุพงษ์ โดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ประกาศใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคงเพื่อควบคุมสถานการณ์
น้องๆ กลุ่มนี้ใช้โอกาสในช่วงปิดเทอมนั้น ทำกิจกรรมเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งกระติ๊บลูกสาวผมเข้าร่วมด้วย (ตอนนั้นอยู่ ม.2) และขอให้ผมไปส่งที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ น้องๆ พากันขึ้นรถขยายเสียง แล้วเริ่มการพูดคุยสื่อสารกับผู้คนรอบข้าง ถึงปัญหาทางการศึกษา ผมจำได้ว่า ผมเห็นหน้าลูกสาวผม เขามีภูมิใจในภารกิจที่ทำเป็นอย่างมาก รถคันนี้จะไปตั้งขบวนกับเพื่อนๆ อีกกลุ่มหนึ่งที่ลานพระรูป ก่อนที่จะเดินเท้าไปที่กระทรวงศึกษาฯ ที่อยู่ใกล้ๆ กัน
ผมขับรถตามไปห่างๆ เพราะนัดกับลูกไว้ให้ไปรับที่กระทรวงศึกษาฯ แต่ไหนๆ ผมก็ต้องรออยู่แล้ว ผมจึงไปจอดรออยู่ห่างที่ลานพระรูป ปรากฏว่ามีน้องๆ มาเข้าร่วมขบวนประมาณ 20-30 คน พอน้องๆ เริ่มตั้งขบวน ตำรวจก็เข้ามาทันที และแจ้งว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ภายใต้ พ.ร.บ.ความมั่นคงตามประกาศของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผมจึงเริ่มเข้าไปสังเกตการณ์ใกล้ขึ้น น้องๆ ก็งง ก็มาเรียกร้องเรื่องปฏิรูปการศึกษา มันเป็นภัยความมั่นคงตรงไหน ตำรวจจึงบอกว่า พื้นที่นี้เป็นเขตพระราชฐานห้ามใช้เครื่องขยายเสียง น้องๆ ยอม หยุดใช้เครื่องขยายเสียง แล้วเตรียมเคลื่อนขบวน
เมื่อน้องๆ เริ่มเดิน ตำรวจก็เข้ามาหยุดขบวน โดยประกาศว่าจะจับกุมรถเครื่องขยายเสียงเพราะเป็นการดัดแปลงสภาพรรถที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย น้องๆ บอกว่า ถ้าจะจับรถต้องจับพวกเขาด้วย เพราะเขาเป็นคนว่าจ้างมา ตำรวจจึงควบคุมตัวทั้งหมด รวมถึงลูกสาวผมด้วย ลูกสาวผมเดินมาผมบอกว่า เขาจะไปด้วย ผมบอกว่า ลูกทำถูกต้องแล้ว ทั้งหมดจึงถูกควบคุมตัวไปที่สน.ดุสิต
ผมตามไปที่สน.ดุสิตด้วย แต่ไม่ได้ตามเข้าไปในห้องสอบสวน ผมได้ยินน้องๆ เถียงกับตำรวจเป็นระยะ น้องๆ มีความแม่นยำในข้อกฎหมายพอสมควร ระหว่างนั้น ก็มีน้องๆ บางคนโทรถึงนักข่าว ระหว่างที่ผมนั่งรอก็มีตำรวจมาถามผมว่า ผมมานั่งทำไม? ผมก็บอกว่า ผมเป็นพ่อ มานั่งรอลูกสาว เขาก็ถามว่า ทำไมไม่เข้าไปคุย และขอโทษแทนเด็กๆ ผมก็บอกว่า ผมไม่ได้เป็นคนทำกิจกรรม และผมก็ไม่เห็นว่าเด็กๆ ทำผิดอะไร? เด็กๆ เขาจัดการเองได้ ผมแค่มารอเผื่อต้องประกันตัวเท่านั้น
ระหว่างนั้น มีน้องๆ ที่ชุมนุมจาก คปท. มาช่วยคุยกับตำรวจด้วย ตรงนี้ ผมอยากขยายความนิดหนึ่งว่า น้องๆ ที่เป็นแกนนำกลุ่มนี้ มักถูกเรียกว่าเป็น “เสื้อแดง” ส่วนน้อง คปท. ที่มาช่วยก็คงทราบดีว่าเป็นกลุ่ม “นกหวีด” ครับ ผมเห็น น้องๆ สองกลุ่มนี้รู้จักกันดี และช่วยเหลือกันดี แม้ภายหลังที่การชุมนุมของ กปปส. เข้มข้นขึ้น ผมยังเห็นน้องๆ ทั้งสองกลุ่ม ร่วมมือกันดีครับ เมื่อวานซืนที่ถูกควบคุมตัว ก็มีน้องๆ ที่เคยเป็นแกนนำใน คปท. มาร่วมด้วย
สักพัก นักข่าวก็มากันเต็ม ตำรวจก็เปลี่ยนท่าที ปล่อยตัวน้องๆ ทุกคน โดยไม่มีการตั้งข้อหา พร้อมทั้งจัดรถตำรวจพาไปส่งที่กระทรวงศึกษาฯ ผมก็ตามไปรับลูกสาวที่กระทรวงศึกษาฯ ตามเดิม พอไปถึงกระทรวงศึกษาฯ มีที่ปรึกษารมต.จาตุรนต์ มารอรับ เด็กๆ แจ้งว่าขอพบรมต.หรือปลัดกระทรวงฯ ที่ปรึกษาท่านนั้น บอกว่า รมต.และปลัดไม่อยู่ น้องบอกว่าจะรอ ที่ปรึกษาฯ ท่านนั้นบอกว่า ถ้าขืนรอจะใช้พรบ. ความมั่นคงจัดการ น้องๆ บอกว่า พร้อมจะถูกจัดการอีกรอบ แต่พอนักข่าวมากันมากขึ้น ท่านปลัด (ที่ท่านที่ปรึกษาฯ แจ้งว่าไม่อยู่) ก็เดินออกมารับข้อเสนอของน้องๆ ก่อนที่จบกิจกรรมในวันนั้น
ผมบอกได้เลยว่า ในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง ผมรู้สึกอายในสิ่งที่ผู้ใหญ่ฝ่ายต่างๆ ได้กระทำต่อน้องๆ ในวันนั้น น้องๆ ดูจะโกรธท่านที่ปรึกษาคนนั้นมาก (เล่าอาจเรียกว่าฝ่ายการเมือง) ที่ไม่ได้พูดความจริงเรื่องปลัดไม่อยู่ครับ
เพราะฉะนั้น หลายๆ ท่านที่ถามหรือบอกว่า น้องๆ กลุ่มนี้สนใจเฉพาะเรื่องรัฐประหาร หรือไม่สนใจต่อสู้กับนักการเมือง ผมขอยืนยันว่า ไม่จริงครับ น้องๆ เรียกร้องทุกรัฐบาล ด้วยวิธีการที่สันติ ไม่ว่าท่านจะชอบหรือไม่ชอบข้อเรียกร้องของน้องกลุ่มนี้ก็ตาม
หลังจากนั้น ผมก็พบกับน้องกลุ่มนี้เป็นระยะ ตามแต่โอกาสที่จะต้องไปส่งลูกสาวให้เข้าร่วมกิจกรรม ในฐานะคนขับรถ ผมมักไม่ได้พูดคุยอะไรมากนัก ได้แต่แอบฟังน้องๆ คุยกัน น้องๆ กลุ่มนี้มีความรู้ดีมากๆ หลายเรื่องโดยเฉพาะประวัติศาสตร์ น้องๆ กลุ่มนี้มีความรู้มากกว่าผมด้วย
โลกของพวกเราทุกวันนี้ อาจถกเถียงกันเรื่องชอบหรือไม่ชอบรัฐบาลแบบไหน หรือใครดีกว่าใคร ใครเลวกว่าใคร แต่โลกของน้องๆ เขากว้างไกลกว่านั้น สิ่งที่เขาสนใจไม่ใช่ว่าใครชนะและใครจะได้เป็นรัฐบาล แต่เขาต้องการหลักประกันในสิทธิทางการเมือง การศึกษา และอื่นๆ สำหรับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะคิดเหมือนหรือคิดต่างจากเขา ไม่ว่าจะดีกว่าหรือเลวกว่าเขาก็ตาม
ผมจะพยายามดูแลสุขภาพให้ดี เพื่อจะได้เห็นโลกของเขา ในสังคมไทยของเราครับ…