เรื่องเล่าเกี่ยวกับเขา 2 คน บนแผ่นดินกลางอ่างสียัด

เรื่องเล่าเกี่ยวกับเขา 2 คน บนแผ่นดินกลางอ่างสียัด

1.

เรายืนอยู่เกือบจะใจกลางอ่างเก็บน้ำสียัด มันเป็นอ่างขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ เพียง 46,000 ไร่เท่านั้น ชื่ออย่างเป็นทางการคือ อ่างเก็บน้ำคลองสียัด แต่ด้วยขนาดของพื้นที่ ใครหลายคนเรียกมันเต็มปากว่านี่คือเขื่อน

แต่จะอ่างหรือเขื่อนคงเป็นเรื่องบัญญัติศัพท์ของฝ่ายรัฐ หาใช่ธุระกงการอะไรของประชาชนอย่างเราๆ ท่านๆ กระมังใช่ไหม?

ปีนี้แล้งหนัก พาดหัวข่าวบอกว่า “อ่างสียัดวิกฤตหยุดปล่อยน้ำช่วยภาคเกษตรแล้ว”

เอ๋า…อ่างก็อ่าง

จะเป็นวิกฤตอย่างที่พาดหัวข่าวเขียนไว้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ทอดสายตาทั้งเวิ้งแล้วไม่เห็นร่องรอยใดๆ ว่าที่นี่คือ “อ่าง”

2.

ท่ามกลางคนอีสานมากมายในอำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา “ผู้ใหญ่บุญยงค์” คนซ้ายมือเกิดที่นี่ โตที่นี่ แกไม่ได้บอกว่าจะขอตายที่นี่ไหม ด้วยวัยหนุ่มขนาดนี้ ผมเองก็ไม่กล้าเดา

ผู้ใหญ่บุญยงค์นั่งอยู่ท้ายรถกระบะซึ่งพาเราเดินทางบนสันอ่างเก็บน้ำ ขณะวิ่งผ่านคอสะพานเขาชี้นิ้วออกไปทางขวามือ ทำองศาไปที่เส้นขอบฟ้า

“บ้านผมเคยอยู่ตรงนั้น”

ตรงนั้นที่เขาหมายถึงคือกลางอ่างเก็บน้ำ

3.

คนขวามือคือพ่อใหญ่น้อย

“ผมมาจากขอนแจ่น ตอนปีถ่อได๋เกาะหึ๊…ปี 27-28 นี่ละ”

พอบอกว่ามาจากขอนแจ่น ผมเองก็ไม่กล้าสงสัยในพื้นเพ คนขอนแจ่นเป็นประชากรดั้งเดิมของจังหวัดขอนแก่น คนขอนแก่นของแท้ต้องออกเสียงว่าขอนแจ่น

ปีนี้แล้งหนัก พาดหัวข่าวบอกว่า “ผอ.เขื่อนสียัด เผยน้ำแล้งหนักเหลือใช้อีก 20 วัน”

เอ๋า…เขื่อนก็เขื่อน

ผู้ใหญ่น้อยปลูกมันสำปะหลังอยู่กลางเขื่อน ที่แห่งนี้เคยเป็นผืนดินที่เขาเอาเงิน 60,000 บาทแลกมาเมื่อราว 30 ปีที่แล้ว บริเวณรอบๆ ไร่มันของเขาเวลานี้ก็มีประวัติความเป็นมาก่อนมีชะตากรรมคือๆ กัน

“เราคือเพื่อนกัน” ผู้ใหญ่น้อยไม่ได้พูด แต่ผมอยากใส่คำนี้เข้าไป

4.

ปีนี้แล้งหนัก โดยไม่ต้องรอให้นักข่าวบอก คนในหมู่บ้านตกลงกันได้ว่า เจ้าของที่ทำกินเดิมสามารถไปทำเกษตรบนที่ดินเดิมได้ ข้ออนุญาตนี้ไม่ได้หมายถึงกรรมสิทธิ์ครอบครอง แต่ให้ใช้อย่างปรองดองทั้งกับคนในชุมชนและธรรมชาติ

กล่าวคือ เมื่อน้ำมาลุงป้าน้าอาที่ทำเกษตรก็ต้องไป ไม่มีสิทธิ์ถือครองใดๆ ทั้งสิ้น

แล้งนานแค่ไหนไม่รู้ แต่ผู้ใหญ่น้อยปลูกมันสำปะหลังมาแล้ว 3 เดือน ถอนมันไปขายแล้วเรียบร้อย

“ถ้าน้ำมา ผมกะไปหาปลา ตอนนี้บ่มีน้ำ ผมหาปลาบ่ได้ กะเลยมาปลูกมัน ถ้าบ่ได้ปลูกมัน มันคือสิมีกิน”

มันคำหลังหมายถึงเขาและครอบครัว

5.

ผู้ใหญ่บุญยงค์ กับพ่อใหญ่น้อยรู้จักกันมาก่อน เพียงปราดเดียวที่พบหน้า เขาเดินไปโอบไหล่ซึ่งกันและกัน และพูดว่า

“ไม่ได้เจอกันนานแล้ว เมื่อก่อนทำงานด้วยกันเลย ตรงนี้ที่เขา ตรงฟากโน้นที่ผม”

มันเป็นเสียงของผู้ใหญ่บุญยงค์ หลังเขาพูดคุยกัน ผมขอให้ลั่นชัตเตอร์ร่วมกันสักภาพ

และมันคือภาพนี้

20151709162421.jpg

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ