(เรื่องเล่านี้ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2556 : http://www.oknation.net/blog/doicheangdaw)
เกือบสัปดาห์ แล้วของการเดินทางเพื่อเตรียมการและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุไห่เยี่ยนชาวฟิลิปปินส์ อาสาสมัครภาคประชาชนกลุ่มนี้ต้องทำงานเพื่อต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ภายใต้ข้อจำกัดมากมาย ทั้งด้านงบประมาณ ปัจจัยสี่ การติดต่อสื่อสาร เรานับเป็นคนไทยกลุ่มแรกจริงๆ ที่ได้เดินทางเข้ามาถึง ทำให้เรียนรู้และรับทราบสถานการณ์ สภาพปัญหา และความเดือดร้อนที่แท้จริงของชาวฟิลิปปินส์
และนี่คือเรื่องราวที่อยากเล่าครับ
สวัสดีทุกท่านกับบรรยากาศเมื่อเช้าตรู่ ที่ตะวันโผล่มาแป๊บเดียวก่อนที่เมฆฝนจะตามมาพรำๆๆๆ ตลอดวันครับ
ธงไทยปักอยู่หน้าลานกางเต็นท์ร่วมกับอาสานานาชาติจากทั่วโลกยืนยันความเป็นอาสาชาวไทยอีกครั้งอย่างสมบูรณ์และภาคภูมิใจของเราครับ
ภารกิจวันนี้ แยกเป็นสองทีมเช่นเคยดีเจต้าร์และน้องป๊อด รักษาฐานที่ตั้ง หาข่าวและประสานงานผมและน้องท็อป (มือกล้อง) เดินทางเข้าพื้นที่ที่เมื่อคืนเข้าไม่ถึงแล้วความพยายามของเราก็สำเร็จจนได้ กับแลนด์มาร์คสำคัญที่เรือสินค้าขนาดใหญโดนพายุใต้ฝุ่นไห่เยียน (โยลันดา) หอบขึ้นฝั่งในเขตภัยพิบัติ ชุมชนรอบๆ เมือง Tacloban
เช้าๆ กลางเมือง Tacloban ที่เริ่มสะอาดขึ้นเรื่อยๆเราต้องเดินหลายกิโลเมตรเพื่อเข้าพื้นที่ตั้งแต่เช้าทำให้ได้เห็นชีวิตจริงๆ ของชุมชนที่ต้องพยายามช่วยเหลือตัวเองอย่างยากลำบาก
เราสองคนหยุดยืนและจุกไปพักหนึ่งกับภาพตรงหน้ากว่าจะคว้ากล้องขึ้นถ่ายต่อไปได้ ในเขตชานเมืองที่เราพยายามเข้าไปเซอร์เวย์ตั้งแต่เช้าตรู่
ปากทางเข้าเขตที่เราพยายามเข้าไปเมื่อคืนเช้านี้ ผู้คนก็ยังออกมาเดินมากมาย อย่างไม่รู้จะทำอะไรการเข้าพื้นที่แบบนี้ละเอียดอ่อนมากครับ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษและวางภาษากาย ภาษาตา ภาษาใจ ให้พอดีกับสถานการณ์ครับ
ช่วงสายๆ เราสังเกตุเห็นคนเดินขวักไขว่เราสองคนจึงเดินตามเข้าไป และทำเนียนไปตามเรื่องไม่นานเราก็สามารถถ่ายภาพ และไปยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนเกือบพันที่ยังหลงเหลือของชุมชนริมทะเล ที่บ้านเรือน ชีวิต ทรัพย์สินมีความเสียหายอย่างหนัก ถึงได้ทราบว่า จะมีการประชุมกันเรื่องจ้างงานเพื่อทำความสะอาดชุมชน โดยการสนับสนุนจากมูลนิธิฯ บางแห่ง
หลังชีวิตที่เฉียดความเป็นความตายและทุกอย่างรอบๆ ตัวที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันอาจทำให้เด็กชายคนนี้เติบโต อย่างแข็งแกร่งเกินคน
หลัง Aftermath ของซูเปอร์พายุไห่เยียน (โยละดา)มาแล้วสัปดาห์กว่าๆ ความเสียหายก็ยังคงกลาดเกลื่อนและเล่าเรื่องความรุนแรงของมหันตภัยครั้งนี้ได้เป็นอย่างดีคงไม่ต้องพูดย้ำถึงการเสียชีวิต แค่จะหาอะไรทานก็ยังยากแถมฝนก็ตกหนักทุกคืน เราเดินไปก็เศร้าใจไปด้วยตลอดทาง
อาบน้ำฝนจากฟ้าละกันนะ น้องรักอย่างอื่นก็ค่อยอด ค่อยทนกันไป ถึงแม่หายแต่พียังอยู่ อานุภาพของซุปเปอร์ใต้ฝุ่น “โยลันดา” (ไห่เยียน) ทำให้เกิดสามอย่างพร้อมๆ กันที่นี่ลมพายุพัดด้วยความเร็วประมาณ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง สตอร์มเสิร์จ ปั่นน้ำขึ้นมาจากทะเลจนท่วมบ้านเรือน ถนนหนทาง เกิดคลื่นยักษ์สึนามิระดับเกือบสิบเมตรโถมซัดเข้าทำลายชายฝั่ง
ที่นี่ ฝนตกหนักทุกวัน วันละหลายหนขาดแต่อาหารนี่แหละ ช่วยกันหน่อยนะ ขอบคุณครับ
ความพยายามจะช่วยเอาบ้าน เอาเมืองกลับคืนมาท่ามกลางเรี่ยวแรงที่อ่อนระโหย เพราะอาหารยังขาดแคลนอย่างหนัก
ขอบคุณ “คุณฐาปนีย์ เอียดศรีชัย (น้องแยม) ข่าว 3 มิติ”ที่ช่วยให้ข้อมูลสำคัญมากมาย และช่วยประชาสัมพันธ์การเดินทางของทีม ๑๕๐๐ ไมล์ ในฐานะตัวแทนของทีมอาสาทีมแรกจากจากประเทศไทยครับ ร่วมด้วยช่วยกันบริจาคทรัพย์เพื่อจัดซื้ออาหาร ผ่านมูลนิธิ ๑๕๐๐ ไมล์ที่ :http://on.fb.me/1g0CfyR
อาสาสมัครหน้างาน (Frontline) ต้องรับได้ทุกสถานการณ์ ทั้งร่างกายและจิตใจยิ่งฝนของ Tacloban และ Ormoc ตกหนักเกือบตลอดเวลาแม้ต้องนอนแช่น้ำในเต็นท์กันตลอดคืน ก็ต้องทนรับสภาพนี้ให้ได้
เมื่อไม่มีข้าวปลาอาหาร ก็ต้องหาอะไรกินแทนในสถานการณ์ภัยพิบัติ ทุกอย่างจะแพงและไม่ค่อยมีขายเจอตรงไหน แบบไหน ตุนลงท้องไว้ก่อนเป็นดีเราเจอเข้าไปสองวัน เพิ่งได้ทานไก่ชิ้นแรกเมื่อวานเย็นครับ
ฟ้ายังเมตตา โปรยน้ำฝนลงมาเป็นระยะๆ แต่อาหารล่ะ ใครจะช่วยเมตตา เติมให้กับเด็กน้อยเหล่านี้
๐๘.๐๐ น. แสดงความเคารพชาติและขอบพระคุณบรรพบุรุษ