นี่คือนางพลอย วงษ์พินิจ มารดาบังเกิดเกล้าของนางจันดี โพธิสาร ผู้ซึ่งเป็นลูกสาวคนโตจากพี่น้องร่วมท้อง 10 คน
นางพลอย วงษ์พินิจ มีลูกมาก ก็มีหลานมาก และตอนนี้รุ่นเหลนกำลังทยอยกำเนิดเติบโตยั๊วเยี๊ยะตามกันมา
นางพลอย ไม่สนใจสถานการณ์บ้านเมือง แค่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบและรื้อฟื้นความทรงจำว่าเคยเลี้ยงหลานแต่ละคนยังไงก็พอแล้ว หากบทสนทนามีมากกว่านั้นนางพลอยจะถามหา “สุรา”
มีเงินเขานับเป็นน้อง มีทองเขานับเป็นพี่ แต่สำหรับนางพลอย หากมี “สุรา” นั่นจึงนับว่าเป็นญาติโกโหติกาผู้สืบสายเลือดเดียวกันอย่างแท้จริง
นางพลอยเริ่มดื่มสุราตั้งแต่อายุเท่าใด ยังไม่พบหลักฐานบันทึกในจารึกของหน้าประวัติศาสตร์ เอาเท่าที่ผมเริ่มจำความได้นางพลอยก็ตุ๊ปั๊ดตุ๊เป๋กอดขวดสุราเมาแอ๋อยู่เป็นนิจแล้ว
เมาแล้วก็พูดไม่หยุด สามารถ Recovery Files ขุดเรื่องราวเก่าเก็บมาพูดได้เป็นวรรคเป็นเวร ถ้ามีคนสนใจต่อล้อต่อเถียงด้วยยิ่งไปยืดยาวกว่าเดิม
ครั้งหนึ่งนางพลอยเมากำลังได้ที่ แต่ไม่มีใครสนใจจะร่วมพาทีปราศรัยด้วย เรียกไอ้คนนั้นก็เงียบ เรียกไอ้คนนี้ก็เฉย จึงหันหน้ามาทางผมแล้วเรียก “โกๆๆๆๆ โกวิท โพธิสาร…โกวิท โพธิสาร ลูกไอ้สุพิน โพธิสาร” พูดได้แค่นี้แล้วก็เมาหลับไป เป็นอันว่าประเทศไทยสงบลงชั่วคราว
การพบกันครั้งล่าสุดนางพลอยเรียกผมเข้าไปหา จ้องหน้า จ้องตา เป็นอันแน่ใจว่าใช่ไอ้หลานคนเดิมแน่ๆ เพียงแต่หนวดคราวมันยาวไปหน่อยเท่านั้นเอง แม้ไม่เมามายเท่าไหร่แต่ระบบ Recovery Files ของนางพลอยยังยอดเยี่ยม ไล่เรียงเล่าเรื่องไอ้หลานชายได้เป็นฉากๆ
นายโกวิท โพธิสาร สนทนากับนางพลอย วงษ์พินิจ อยู่ครู่คราวก็ปลีกตัวออกไปขลุกอยู่ในครัว กว่าจะเสร็จงานการก็ปาเข้าไปบ่ายคล้อย
ตั้งสติได้ทุกคนถามหานางพลอย ว่าหายไปไหน เดือดร้อนนางจันดีต้องเดินตามหาว่าไปแอบเมาหลับอยู่ตรงไหนหรือเปล่า
แล้วก็เป็นไปดังคาด “นางพลอย วงษ์พินิจ” เมาหลับอยู่บ้านของ “นางน้อย วงษ์พินิจ” ผู้เป็นพี่สาวแท้ๆ
สืบสาวราวเรื่องพบว่านางพลอยไปขู่นางน้อยว่า “นานๆ เจอกันทีหากมึงไม่เอาเหล้ามาให้กูเห็นทีจะไม่ใช่พี่น้องกัน” สภาพที่เห็นจึงจบลงด้วยอาการเมาแอ๋ไม่เหลือสติใดๆ
“ห้ามเพลิงไว้อย่าให้…..มีควัน
ห้ามสุริยแสงจันทร์…..ส่องไซร์
ห้ามอายุให้หัน…..คืนเล่า
ห้ามดั่งนี้ไว้ได้…..จึ่งห้ามนางพลอย เมาสุราฯ”
โคลงโลกนิติบทนี้ยังคงขลังเช่นเคย