เสียงจากขบวนองค์กรชุมชน 5 ภาคถึงพรรคการเมืองและสัญญาประชาคมหลังเลือกตั้ง

เสียงจากขบวนองค์กรชุมชน 5 ภาคถึงพรรคการเมืองและสัญญาประชาคมหลังเลือกตั้ง

แบนเนอร์การจัดเวทีข้อเสนอต่อพรรคการเมืองที่นิด้าวันที่ 24 เมษายนนี้

   พลันที่สัญญาณการแข่งขันทางการเมืองดังขึ้น … เครือข่ายขบวนองค์กรชุมชน 5 ภาคซึ่งมีสมาชิกอยู่ทั่วประเทศ  ประกอบด้วย  เครือข่ายสภาองค์กรชุมชน  เครือข่ายแก้ไขปัญหาความไม่มั่นคงในที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย  เครือข่ายองค์กรชุมชนด้านสวัสดิการชุมชน  กลุ่มองค์กรชุมชนด้านเศรษฐกิจฐานราก  และเครือข่ายองค์กรชุมชนด้านการป้องกันและต่อต้านการทุจริต  ได้ร่วมกันระดมความคิดเห็นเพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายต่อพรรคการเมืองที่กำลังชิงชัยในการเลือกตั้งครั้งนี้ !!

            เอกนัฐ  บุญยัง  ผู้แทนเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชน 5 ภาค  กล่าวว่า  ที่ผ่านมา ภาคธุรกิจเอกชน  เช่น  สภาหอการค้า  และสมาคมธุรกิจต่างๆ  มักจะมีส่วนในการกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจต่อพรรคการเมือง  และพรรคการเมืองก็จะรับฟังและนำไปปฏิบัติ   ขณะที่เสียงของภาคประชาชนที่พรรคการเมืองอ้างถึงมาตลอดก็มักจะถูกละเลย

“การพัฒนาประเทศที่ผ่านมา  เป็นการพัฒนาที่กำหนดจากข้างบนลงสู่ข้างล่าง  ประชาชนไม่มีบทบาทสำคัญชุมชนไม่มีส่วนร่วม  จึงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงกับความต้องการของประชาชน  ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมของชุมชนถูกทำลายจนเสื่อมโทรม  ส่งผลให้ชุมชนอ่อนแอ  ประสบปัญหาความยากจน  เกิดความไม่เป็นธรรม  สร้างความเหลื่อมล้ำ และความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในสังคม”  เอกนัฐบอก

ดังนั้น   ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นนี้  เครือข่ายขบวนองค์กรชุมชน 5 ภาคจึงได้ระดมข้อเสนอด้านต่างๆ ที่ประชาชนทั่วประเทศประสบ  และเป็นอุปสรรคต่ออการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นไปสู่ความเข้มแข็ง  เพื่อให้เกิดการกระจายอำนาจไปสู่ชุมชนท้องถิ่น   ให้ชุมชนเข้าถึงสิทธิและทรัพยากรต่างๆ  จึงมีข้อเสนอต่อพรรคการเมืองทุกพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้  ดังนี้

2
(ภาพจากผู้จัดการออนไลน์)

1.ระบบการเมือง-การปกครอง

ด้านการกระจายอำนาจ : ข้อเสนอ  1.แก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนที่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำ  2.สนับสนุนความเป็นอิสระของท้องถิ่น  สามารถจัดเก็บรายได้และบริหารงบประมาณได้ด้วยตนเอง  เกิดการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินอย่างเท่าเทียม  ท้องถิ่นสามารถเข้าถึงทรัพยากรของตนเอง  มีส่วนในการจัดทำแผนพัฒนาทุกระดับ

3.สนับสนุนให้สภาองค์กรชุมชนตำบลเป็นกลไกหนึ่งของการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด และเข้าไปเป็นกลไกในการบริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  สามารถขอรับงบประมาณโดยตรงได้   4.ให้ทุกจังหวัดที่มีความพร้อมสามารถเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดได้

นโยบายต่อต้านการทุจริต  :  ข้อเสนอ  1.พรรคต้องไม่เสนอหรือแต่งตั้งให้บุคลากรของพรรคที่เคยและหรือเกี่ยวข้องกับการทุจริตและประพฤติมิชอบให้มีตำแหน่งทางการเมือง  2.พรรคต้องจัดให้มีกลไก และเครื่องมือในการติดตามและรายงานการดำเนินงานของรัฐบาล  ฝ่ายนิติบัญญัติ  หน่วยงานรัฐในกระบวนการยุติธรรม และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบทุกรูปแบบต่อสาธารณะ 

3.พรรคการเมืองจะผลักดันให้สภาผ่านร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ให้หน่วยงานของรัฐเปิดเผยข้อมูลโครงการและงบประมาณของหน่วยงานรัฐต่อสาธารณะ  และประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย  4.พรรคต้องสนับสนุนให้เครือข่ายประชาชนสร้างสังคมสุจริตเป็นกลไกขับเคลื่อนงานสร้างสังคมสุจริตและเฝ้าระวัง  ป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบในพื้นที่ระดับตำบล/เทศบาล/จังหวัด ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

3

  1. ด้านเศรษฐกิจ

ข้อเสนอ  1.ใช้เศรษฐกิจตามแนวทาง BCG Model (โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ประกอบด้วย Bio Economy , Circular Economy  และ Green Economy) ให้เกิดประโยชน์กับชุมชน  โดยส่งเสริมให้ชุมชนมีศักยภาพการเป็นผู้ประกอบการ  การเปิดช่องทางให้เข้าถึงแหล่งงบประมาณดอกเบี้ยต่ำของหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ส่งเสริมการเป็นหุ้นส่วนระหว่างหน่วยงานรัฐกับชุมชน  หรือเอกชนกับชุมชน  การช่วยเหลือด้านการตลาดอย่างเป็นระบบทั้งภายในและนอกประเทศ

  1. 2. สนับสนุนชุมชนที่อาศัยอยู่ทั้งในและนอกเขตป่าอนุรักษ์แบบครบวงจร ตามแนวทาง BCG เพื่อแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ปัญหาความมั่นคงทางอาหาร และการปกป้องรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีกลไกเฝ้าระวังผลกระทบการค้าเสรี  ถ้าหากเกิดขึ้น และรัฐต้องชดเชยเยียวยาอย่างเป็นธรรม

3.สนับสนุนการจัดตั้งสถาบันพัฒนาเศรษฐกิจเกื้อกูลระดับภาค หรือกลุ่มจังหวัด เพื่อสร้างเครือข่ายทางเศรษฐกิจเชื่อมโยงด้านการผลิตและการตลาดระหว่างกัน  รวมทั้งจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจเกื้อกูลทั้งในระดับภาค   กลุ่มจังหวัด  และจังหวัด

4.ส่งเสริมการพัฒนาและอนุรักษ์พันธุกรรมพืชพื้นบ้านอย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรมควบคู่ไปกับการสร้างพื้นที่สีเขียว  และการสร้างพื้นที่ป่าในพื้นที่เกษตรกรรมของชุมชนท้องถิ่น

5.จัดตั้งโครงข่ายธุรกิจ  สร้าง Modern Trade ชุมชน  ใช้แนวทางแผนธุรกิจเพื่อชุมชน (Community Business Model Canvas : CBMC) และส่งเสริมแนวทางนี้  โดยมาตรการงดเว้นและยกเลิกการจัดเก็บภาษีองค์กรที่มีการดำเนินการตาม CBMC

6.ส่งเสริมศักยภาพของชุมชนในการนำผลผลิตทางการเกษตร  ทรัพยากรท้องถิ่นมาเพิ่มมูลค่า  เช่น  การผลิตสุรา  พลังงาน  ที่ดิน  ฯลฯ  โดยแก้ไขกฎหมายที่เป็นข้อจำกัดของชุมชน ให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์จากภูมิปัญญา และทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า

7.แก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรราคาตกต่ำอย่างเป็นระบบ  ตั้งแต่เรื่องต้นทุนการผลิต   เครื่องจักรการเกษตร/นวัตกรรมการเกษตรที่เหมาะสม   พ่อค้าคนกลาง  โดยกำหนดโครงสร้างราคาผลผลิตของเกษตรกรอย่างเป็นธรรม

4

  1. ด้านสังคม

นโยบายส่งเสริมสวัสดิการภาคประชาชน  :  ข้อเสนอ 1.ให้ส่งเสริมสนับสนุนกองทุนสวัสดิการชุมชนในรูปแบบ “หุ้นส่วน” อย่างต่อเนื่อง  2.ให้สนับสนุนงบประมาณให้กับกองทุนสวัสดิการชุมชน 1 ล้านบาทต่อ 1 กองทุน อย่างต่อเนื่อง  3.ให้สนับสนุนร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมระบบสวัสดิการของชุมชน พ.ศ. ….

นโยบายด้านการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดิน  :  หลักการสำคัญ  การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและกำหนดนโยบาย  เพื่อสร้างความเป็นธรรม  ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม  เนื่องจากการเข้าถึงที่ดินและที่อยู่อาศัยเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน  การบริหารจัดการที่อยู่อาศัยและที่ดินต้องดำเนินไปบนพื้นฐานการเคารพสิทธิมนุษยชน  และวิถีวัฒนธรรมชุมชนท้องถิ่น

รวมไปถึงการดำเนินการทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม  ควรให้ความสำคัญและการนำข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์  วิถีชุมชน  รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ถูกดำเนินคดีได้มีโอกาสโต้แย้ง   หรือหักล้างข้อกล่าวหาอย่างเท่าเทียม  มิใช่พิจารณาเพียงเอกสารทางราชการเท่านั้น

5
กลุ่มชาติพันธุ์  แม้จะอยู่อาศัยในป่ามาก่อนมีกฎหมายใช้บังคับ  แต่มักจะถูกนโยบายและกฎหมายขับไล่ออกจากป่า

ดังนั้นขบวนองค์กรชุมชนและสภาองค์กรชุมชนจึงมีข้อเสนอสำคัญดังนี้  1.สนับสนุนนโยบายสำคัญวาระแห่งชาติในการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับผู้ยากจนและผู้มีรายได้น้อย และจัดทำแผนงานงบประมาณ  ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพชีวิต (เศรษฐกิจ สังคม สภาพแวดล้อม สุขภาพ) ทุกมิติ   โดยมีหน่วยงานภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และเป็นกลไกร่วมในการบริหารจัดการทุกระดับ  ชุมชน  หมู่บ้าน  เมือง/ตำบล  จังหวัด  กลุ่มจังหวัด  รวมทั้งพัฒนากฎหมาย มาตรการรองรับการกระจายอำนาจสู่ชุมชนท้องถิ่นระดับตำบล/เมือง  จังหวัด ในการบริหารจัดการด้านที่ดิน ที่อยู่อาศัย และการพัฒนาคุณภาพชีวิตทุกมิติ ที่สอดคล้องกับบริบทพื้นที่ และภูมินิเวศวัฒนธรรม

2.สนับสนุนและผลักดันให้มีการจัดตั้ง “กองทุนพัฒนาด้านที่ดินและที่อยู่อาศัย” ในระดับจังหวัด เมือง/ตำบล และสนับสนุนให้การดำเนินการแบบหุ้นส่วนการพัฒนาจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยชุมชนเป็นแกนหลัก

3.ต้องกำหนดมาตรการในเชิงกฎหมายเพื่อให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดินที่นำไปสู่การปฏิบัติการอย่างแท้จริง และสนับสนุนให้คนจน ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงที่ดินได้อย่างเป็นธรรม ดำเนินการรับรองสิทธิชุมชนในการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรร่วมกัน  ได้แก่  พ.ร.บ.ภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า  พ.ร.บ.กองทุนธนาคารที่ดิน  พ.ร.บ.สิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรอย่างยั่งยืน

4.กรณีนโยบายที่ดิน คทช. ซึ่งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ/มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ต้องยกระดับการดำเนินโครงการจัดที่ดินให้รับรองสิทธิชุมชนและเกษตรกรในการบริหารจัดการที่ดิน ประกอบกับการทบทวนการจัดที่ดินแปลงรวมตามนโยบาย คทช. และเปิดโอกาสให้เกษตรกรรายย่อย คนยากจน ไร้ที่ดิน ให้สามารถเข้าถึงที่ดินและปัจจัยการผลิตอย่างเท่าเทียมเป็นธรรม  ไม่จำกัดโอกาสการเข้าถึงที่ดินของเกษตรกรรายย่อย  เพื่อให้สามารถพัฒนาและขยายกำลังการผลิต และแข่งขันได้  ฯลฯ

5.ตามมาตรา 6 ประมวลกฎหมายที่ดิน จัดให้มีกลไกหน่วยงานเฉพาะกิจเพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบ และเพิกถอนเอกสารสิทธิ์กรณีพื้นที่ชนเผ่า  ชาติพันธุ์ และชนพื้นเมือง  และคุ้มครองสิทธิชนเผ่า  กลุ่มชาติพันธุ์ และชนพื้นเมือง    ตามสนธิสัญญาหลักด้านสิทธิมนุษยชน  ข้อตกลง  และปฏิญญาที่เกี่ยวข้อง

6.ที่ดินรัฐที่หน่วยงานต่าง ๆ ครอบครองไว้จำนวนมาก และไม่ได้ใช้ประโยชน์  เช่น  ที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย  ที่ดินราชพัสดุ  ที่ดินสาธารณะ  รัฐบาลต้องมีนโยบายที่ชัดเจน ในการนำที่ดินเหล่านั้นมาพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยรองรับคนจน  ผู้มีรายได้น้อย ในที่ดินของรัฐ

7.โครงการหรือกิจการใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อคนในพื้นที่  โดยเฉพาะคนจน ผู้มีรายได้น้อย กลุ่มเปราะบางที่ต้องเสียสละที่อยู่อาศัยและที่ดินเดิมให้กับโครงการพัฒนาต่างๆ  รัฐบาลควรมีนโยบายให้หน่วยงานรัฐที่ดำเนินโครงการคิดงบประมาณในการอุดหนุนด้านการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย  ที่ดินและการพัฒนาสาธารณูปโภค  เพื่อให้ประชาชนจัดสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ได้  และที่สำคัญเป็นการลดภาวะความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานรัฐกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

6
ชุมชนในที่ดินการรถไฟฯ เป็นตัวอย่างหนึ่งในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐ

เอกนัฐ  บุญยัง  ผู้แทนเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชน 5 ภาค  กล่าวในตอนท้ายว่า ข้อเสนอเชิงนโยบายทั้งหมดดังกล่าวนี้   ผู้แทนเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชน  5  ภาค  จะนำเสนอต่อพรรคการเมืองต่างๆ  ในการจัดเวที         ‘’จับตานโยบายพรรคการเมือง  เสริมสร้างชุมชนเข้มแข็ง  เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย” ที่สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (นิด้า)  เขตบางกะปิ  กรุงเทพฯ ในวันที่ 24 เมษายนนี้

“เพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆ รับฟังข้อเสนอจากภาคประชาชน  และแสดงจุดยืน  แนวนโยบายในการส่งเสริมชุมชนให้มีความเข้มแข็ง   และภายหลังจากที่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว  เครือข่ายขบวนองค์กรชุมชน 5 ภาค  เช่น  สภาองค์กรชุมชนตำบลที่มีการจัดตั้งทั่วประเทศแล้วประมาณ 7,000  แห่ง  จะร่วมกันติดตามการทำงานของพรรคการเมืองทั้งในระดับพื้นที่และระดับนโยบายว่าได้ทำตาม  ‘สัญญาประชาคม’ ที่ให้ไว้หรือไม่ ?” 

7
สิทธิของประชาชนไม่ได้มีเฉพาะวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเท่านั้น !!

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ