ถือเป็นกิจกรรมที่ทำในทุกเช้า ในช่วงเวลาที่ฝุ่นบุกโจมตีอย่างหนัก เราตื่นมาคว้าเครื่องวัดค่า PM.2.5 เพื่อหวังว่ามันจะขึ้นสีเขียวในสักวัน เพราะความหมายคือได้เปิดหน้าต่าง ประตูให้ความร้อนคลายตัวออกไปจากบ้าน แต่ เช้าวันนี้ก็ยังหมดหวังอยู่เช่นเคย เพราะ PM เข้านี้คือ “431″
ถึงแม้รู้ว่าค่าอากาศจะอยู่ในสถานะโหดร้าย เราก็ยังอยากเดินออกไปข้างนอก เพื่อมอง 2 อย่าง คือ เขา และ ฟ้า ในวันที่ค่า PM สูงเช่นวันนี้ ท้องฟ้าจะเป็นสีส้ม เราถ่ายภาพนี้ตอน 9 โมงเช้าในวันที่ปรกติแสงแดดทำหน้าที่ของมัน แต่วันนี้เจอฝุ่นควันดักอยู่ เหลือแค่เพียงความสว่างให้เราได้ทอดสายไปยังเขาที่คุ้นเคย แต่เขาลูกนั้นก็หายไป
ทางเลือกของการที่ต้องอยู่กับฝุ่นควันเครื่องฟอกอากาศ เป็นอีกหนึ่งทางออก เรามีเครื่องฟอกอากาศที่ซื้อมาใช้ตั้งแต่ย้ายมาอยู่เชียงราย 3 เครื่อง 2 เครื่องที่ ห้องทำงาน อีกหนึ่งเครื่องที่ห้องนอน เครื่องฟอกนี้ ปะปนทั้งซื้อมาจากร้านค้า Online ในเวลานั้น และ นักประดิษฐ์มันขึ้นมาเอง ในวันที่ค่าฝุ่นรุนแรง มีเพียงแค่เงินก็ซื้อไม่ได้ เครื่องฟอก อากาศในราคา 1 – 5 พันบาท หายวับไปจากร้านขาย จะเหลือก็เพียงเครื่องฟอกอากาศราคาสูงเท่านั้น
ในปีนี้เราได้แต่ใส้กรองอากาศ และไปซื้อพัดลมดูดอากาศมาประกอบกัน ราคา 1,400 บาท ก็พอจะแก้ขัดไปได้ ส่วนในปีนี้ส่ังใส้กรอกอากาศจากเว็บ ราคา 150 บาท ประกอบกับพัดลมดูดอากาศอีก 500 บาท ก็ไม่สามารถทำให้่ส่วนกลางของบ้านนั้นเป็นพื้่นที่อากาศสะอาดได้
นักรบต้องใส่เสื้อเกราะยามออกรบ เราเองก็ต้องใส่หน้ากากเมื่อออกไปข้างนอก เราลองทดสอบ (เป็นนักวิทยาศาสตร์อย่างว่า) พบว่าหน้ากากที่ซื้อมาใส่ตอน โควิทสามารถกัน PM 2.5 ได้
สิ่งที่เกิดขึ้น เราต่างรู้ที่มา ควันส่วนใหญ่ที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน เกิดจากการปลูกพืชเพื่อเลี้ยงสัตว์และบริษัทที่รับซื้อก็เป็นบริษัทที่อยู่ในประเทศเรา การแก้ไขจากภาครัฐที่ปัดตก พรบ.อากาศสะอาด ทำให้เรารู้สึกว่า รัฐที่กินภาษีของประชาชนไม่อาจหวังพึ่งได้อีกต่อไป ประชาชนต้องหันไปเป็นสารพัดนัก เพื่อเอาตัวรอด!!!