กว่าจะเป็น….ละครเวที ต้องผ่านมากี่สมรภูมิ!?

กว่าจะเป็น….ละครเวที ต้องผ่านมากี่สมรภูมิ!?

…..เชื่อว่าผู้คนในยุคนี้ต่างก็เคยดูละครโทรทัศน์ ดูหนัง ดูภาพยนตร์ ดูการ์ตูนหรือดูคลิปต่าง ๆ ผ่าน ๆ ตามาแทบจะทุกรูปแบบ แต่ว่ามีน้อยคนจริง ๆ ที่จะได้เคยดูละครเวที แบบที่เป็นการแสดงสดหน้าเวทีจริง ๆ ไม่ใช่เป็นการบันทึกเทปไว้เพื่อเผยแพร่ให้ได้ดูได้ชมกันในภายหลัง และยิ่งมีคนแค่เพียงหยิบมือเท่านั้นที่ได้เป็นผู้สร้างสรรค์ละครเวทีสักเรื่อง และตอนนี้ดิฉันก็ได้เป็นหนึ่งในคนเพียงหยิบมือนั้นค่ะ…..

ต้องขอเล่าก่อนว่าตั้งแต่เรียนวิชาการสื่อสารสื่อใหม่ที่มหาวิทยาลัยพะเยามา งานProjectชิ้นนี้เป็นชิ้นที่ทำได้ยากและวุ่นวายสุด ๆ ในตลอดสองปีที่ได้เรียนมา เพราะกว่าจะมาเป็นละครเวทีเรื่องหนึ่งได้ต้องใช้ทั้งกำลังคน กำลังใจ และต้องแบกความรับผิดชอบที่สูงมาก ๆ

และด้วยความที่เป็นงานใหญ่ที่ต้องร่วมมือกับหลาย ๆ ฝ่าย ทำให้กว่าจะผ่านมาได้นั้นทุกลักทุเลสุด ๆ เพราะก็อย่างที่รู้ ๆ กันว่ามากคนก็มากความ และยังมีปัญหาต่าง ๆ เข้ามาไม่หยุดในระหว่างกระบวนการการผลิต กว่าจะผ่านการแก้ปัญหาไปในแต่ละเรื่องได้เรียกได้ว่าเลือดตาแทบกระเด็นกันเลยค่ะ

ใช้คนเยอะมากจริง ๆ ค่ะ

อีกทั้งยังมีการแบ่งงานหลายฝ่ายมาก ๆ ซึ่งแต่ละฝ่ายก็จะมีปัญหาที่ต่างกันออกไปตามรูปแบบของงานที่ได้รับมอบหมาย แต่ไม่มีฝ่ายไหนที่ไม่พบเจอมีปัญหาและราบรื่นไปหมดทุกอย่างเลย ไม่มี!! ทุกคนต้องออกรบกันหมดเลย!! แต่ดิฉันจะขอเล่าแค่ที่พบเห็นโดยตรงแต่ได้คลุกคลีด้วยเท่านั้นนะคะ….

เริ่มจากสมรภูมิที่ 1 การเขียนบทที่ทางทีมเขียนบทได้เขียนมาสมบูรณ์แล้ว พอตอนซ้อมจริงกลับเกินเวลาบ้าง คำพูดไม่เข้าปากทีมพากย์บ้าง ไม่เข้ากับสถานการณ์บ้าง ไม่เข้ากับคาแรคเตอร์ตัวละครบ้าง ทำให้ต้องแก้และปรับบทใหม่กันตลอดทั้งหน้างานตรงนั้นเลยก็มี หรือนำกลับไปแก้ไขใหม่ทีหลังก็มี ซึ่งกว่าจะเสร็จสมบูรณ์จริง ๆ ก็ใช้เวลาไปเกือบครึ่ง

สมรภูมิต่อมาที่พลทหารต้องฟันฝ่าก็คือการหาอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อมาทำในส่วนของทีมสร้างเสียงประกอบหรือทีมFoley ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในรายวิชา และมีปัญหาเยอะมากกก ด้วยความที่ต้องสร้างสด ณ ตรงนั้น ณ ขณะนั้นเลย และยิ่งต้องมีความผิดพลาดให้น้อยที่สุด เพราะเป็นการแสดงสด จึงลำบากลำบนพอสมควร

ด้วยความที่ประสบการณ์ยังน้อยด้วยและเพิ่งจะรู้ว่ามีสิ่งที่เรียกว่าFoleyอยู่บนโลกนี้ด้วยก็เมื่อประมาณสี่ห้าเดือนที่แล้ว จึงทำให้ไม่ค่อยรู้ว่าถ้าต้องการเสียงแบบนี้ จะต้องใช้วัสดุอุปกรณ์แบบไหนถึงจะได้เสียงประกอบในแบบที่ต้องการ ทำให้กว่าหาของได้ครบก็เกือบจะวันซ้อมใหญ่เลยทีเดียว -_-“

และเมื่อหมดปัญหาเรื่องอุปกรณ์ ก็มาเป็นปัญหาเรื่องจังหวะที่ต้องให้ตรงกับนักแสดง รวมถึงความเบาความดังต่าง ๆ ซึ่งในวันที่แสดงจริง ๆ ก็ยังไม่ถือว่าสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็น แต่ถ้าเทียบกับในตอนแรกที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากรองเท้าหนึ่งคู่กับสองมือที่ปรบตามจังหวะ ก็ถือว่าพลทหารของเราพิชิตสมรภูมินี้ได้สำเร็จแล้ว แม้จะบาดเจ็บอย่างสาหัสก็ตาม TT

อันนี้ครบแล้วค่ะแต่ก็เกือบวันซ้อมใหญ่จริง ๆ นะ แง๊!

สมรภูมิต่อมาสมรภูมิที่สามก็เป็นของทีมนักแสดงที่หนักหนาพอกัน เพราะต้องจำบทเพื่อขยับปากให้ตรงกับทีมพากย์ ต้องจำBlockingต่าง ๆ ของตัวเอง จำท่าเต้น ท่าทาง ต้องทำอารมณ์ให้เข้าถึงบทให้ได้มากที่สุด ซึ่งแต่ละอย่างนั้นยากมาก ๆ เพราะทุกคนจะพลาดไม่ได้ เพราะละครเวทีนั้นเราไม่สามารถสั่งคัทกลางคันและถ่ายทำใหม่เมื่อทำผิดพลาดได้เหมือนกับละครในรูปแบบอื่น ซึ่งต้องใช้ทั้งความอดทน และมีวินัยในการฝึกฝน ท่องจำมาก ๆ ซึ่งพลทหารของเรานั้นก็ถือว่าเก่งและทำออกมาได้ดีจริง ๆ

ต่อมาก็สมรภูมิที่สี่ทีมพากย์ ซึ่งต้องใช้ทักษะในด้านเสียงเยอะมาก ๆ เพราะคนพากย์เสียงตัวละคร ก็เหมือเป็นส่วนหนึ่งของตัวละครนั้น ๆ ต้องเข้าถึงอารมณ์และพยายามถ่ายทอดออกมาให้ผู้รับรู้ความรู้สึกของตัวละครผ่านทางเสียงของตัวเองให้ได้ ซึ่งทหารทุกคนในหน่วยนี้ทำได้ดีมาก ๆ

อาจเป็นรูปภาพของ 12 คน, ผู้คนกำลังยืน และ สถานที่ในร่ม

และก็มาถึงสมรภูมิที่ห้าสมรภูมินี้เป็นตำนานที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะด้วยความที่ละครเวทีของเราเป็น “เดอะมิวสิคัล” จึงมีการวางเพลงในการดำเนินเรื่องเยอะมาก ๆ มีการซ้อมและมีการวางท่าเต้นและBlockingต่าง ๆ ไปหมดแล้ว แต่พลทหารหรือจะไปมีประสบการณ์และมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลเท่าท่านแม่ทัพตี้ที่ผ่านสมรภูมิรบมากอย่างโชคโชน แน่นอนว่าพลทหารอย่างเรานั้นเทียบไม่ติดและคาดเดาผลลัพธ์ต่าง ๆ จากแผนการได้ไม่รอบคอบ ทำให้ต้องลำบากท่านแม่ทัพมาช่วยชี้แนะว่าเพลงที่ใช้นั้น ติดลิขสิทธิ์ทั้งหมด!! ใช่ ทั้งหมดเลย TT

จึงทำให้ต้องแต่งเพลงใหม่ทั้งหมด ทั้งทำดนตรีเอง ร้องเอง โดยมีท่านแม่ทัพตี้ค่อยชี้แนะและให้ความช่วยเหลือ แต่กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดจริง ๆ ก็วันซ้อมใหญ่ แต่จากการได้ทำเพลงเองก็มีสิ่งหนึ่งที่ได้รู้เพิ่มคือ ทีมพากย์ของเรานั้นร้องเพลงเพราะแทบทุกคน (ปรบมือรัว ๆ) แต่ละหว่างนั้นเพลงไหนที่เสร็จก็ต้องนำมาเปิดซ้อมกับนักแสดงของเราที่ต้องจำท่าใหม่ทั้งหมด รวมถึงจำเนื้อร้องและทำนองเพลงให้ได้เพื่อที่จะได้แสดงออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งงานแก้นั้นยากและท้อมาก ๆ แต่พลทหารของเราก็กัดลิ้น!…. เอ่อกัดฟันทนและผ่านมันมาได้ เก่งมากพลทหาร^^

และส่วนตัวดิฉันที่รับหน้าที่เป็น Acting Coach ก็ต้องเข้าไปร่วมรบในทุกสมรภูมิที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ท้าทายมาก ๆ เพราะต้องดูภาพรวมซึ่งเป็นงานที่ละเอียดสุด ๆ ถ้าถามว่าได้ทำอะไรลงไปบ้างบอกเลยว่าเล่าสามวันก็ยังเล่าไม่จบ (ล้อเล่นนะ5555) แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกจริง ๆ ก็คือการทำหน้าที่ของตัวดิฉันนั้น ดิฉันคิดว่าการให้นักแสดงได้ออกแบบตัวละครของตัวเองออกมาเพื่อสื่อสารกับผู้ชมนั้นเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไปกำกับทุกอย่างให้ออกมาในแบบที่ดิฉันต้องการ เพราะโดยส่วนตัวรู้สึกว่าถ้าไปกำกับขนาดนั้นทำไมไม่ไปเล่นเองเลย จริงไหม? แต่ดิฉันจะปล่อยให้ทุกคนได้เป็นตัวละครนั้นในแบบของตัวเอง ไม่ใช่เป็นตัวละครนั้นในแบบของดิฉัน เพราะเวลาที่มีคนชอบหรือชื่นชมในตัวละครที่คุณแสดง คุณจะได้ภูมิใจกับมันมากกว่าค่ะ

ซึ่งด้วยเพราะคิดแบบนี้ทำให้การทำหน้าที่โค้ชของดิฉันนั้นจะเป็นการชี้บอกเป็นจุด ๆ ไป จุดไหนที่ดูแล้วไม่โอเคก็บอกให้แก้ไข หรือจุดไหนที่คิดว่าคุณยังทำได้ดีกว่านี้นะ คุณไปได้สุดกว่านี้ก็จะเข้าไปบอกและให้ลองทำตรงนั้นเลยแล้วก็จะถามตัวนักแสดงว่าทำได้ไหม จากนั้นก็ให้ตัวนักแสดงและคนอื่น ๆ ดูว่าทำแล้วมันดีกว่าไหมอะไรไหม ดีพอหรือยัง ยังดีกว่านี้ได้อีกไหม ซึ่งจะเป็นการพูดคุยปรึกษากันมากกว่าออกคำสั่ง เพราะถ้าตัวนักแสดงไม่โอเคกับมัน ต่อให้ทำตามที่สั่งเป๊ะ ๆ มันก็จะดูปลอมดูฝืนอยู่ดี จึงจะใช้การคุยกันมากกว่า

และแน่นอนว่าดิฉันดูทุกอย่างอยู่ตลอด ที่ไม่ได้เข้าไปพูดเข้าไปกำกับบ่อย ๆ ก็เพราะว่าทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีแล้ว และเป็นนักแสดงที่ถ่ายทอดตัวละครออกมาในแบบของตัวเองได้ดีมาก ๆ จากที่ดิฉันได้เฝ้าดูอยู่ตลอด แต่ดิฉันไม่รู้ว่าการทำงานในรูปแบบของดิฉันในสายตาของคนอื่นนั้นมองว่าดิฉันทำงานได้อย่างเต็มที่หรือยัง แต่ถ้าเป็นดิฉันที่มองตัวเองดิฉันพูดได้เต็มปากเลยว่าดิฉันทำมันอย่างเต็มที่แล้วจริง ๆ เธอเก่งที่สุดไปเลยเกตน์ดารินทร์ ><”

……และแล้วสุดท้ายหลังจากที่อดทนสู้รบกันมาตลอด ทำให้ในวันแสดงจริงทุกคนทุกฝ่ายทำได้ดีมาก ๆ ต่างจากปัญหาในสมรภมูิต่าง ๆ ที่เล่ามาลิบลับ ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันจนได้นำชัยชนะจากสงครามไปถวายแด่ “องค์ฮ่องเต้กับองค์ฮองเฮา” และยังได้สร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้กับ “อาณาจักรสื่อใหม่” ให้ “แผ่นดินมอพะเยา” ได้สั่นสะเทือนกับความสำเร็จในครั้งนี้อีกด้วย……

สุดท้ายถ้าใครอยากเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรสื่อใหม่ของเราก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ https://fb.watch/j9fX9LP8db/ ในละครเวทีเรื่องส้มตำกับใจและไขWHO ตอน เดอะฉำฉา ที่เป็นของพลทหารอีกกองหนึ่งได้อย่างจุใจกับสองเรื่องสองรสกันเลยทีเดียว

ไปดูหรือยัง อ่ะนี่ค่ะ https://fb.watch/j9fX9LP8db/ กดเลยนะ กดเลยยย

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ