กรุงเทพฯ / พอช.จัดงานสัมมนาผู้นำเครือข่ายภาคประชาชนต่อต้านการทุจริต ระดมความเห็นการขับเคลื่อนป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันโดยใช้ชุมชนและภาคประชาชนเป็นแกนหลัก ผสานพลังภาคีทุกภาคส่วนในสังคม ทั้งหน่วยงานรัฐ นักธุรกิจ นักวิชาการ สื่อมวลชน ฯลฯ เพื่อให้มีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา โดยจะขับเคลื่อนตั้งแต่ระดับตำบลถึงประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขโครงสร้างระบบอุปถัมภ์โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือตรวจสอบ ขณะที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันเสนอใช้เว็บ actai.co ‘จับโกง’ ค้นเบาะแสโครงการทุจริตภาครัฐ
ระหว่างวันที่ 2-3 มีนาคม สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ ‘พอช.’ ร่วมกับขบวนองค์กรชุมชน และภาคีเครือข่ายจัดงาน ‘การสัมมนาเชิงปฏิบัติการผู้นำเครือข่ายภาคประชาชนต่อต้านการทุจริต’ ที่โรงแรมทาวน์อินทาวน์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ โดยมีผู้แทนขบวนองค์กรชุมชนทั่วประเทศและเจ้าหน้าที่ พอช. เข้าร่วมการสัมมนาประมาณ 80 คน
พลังประชาชน-ชุมชนต่อต้านการทุจริต
นายสามารถ สุขบรรจง หัวหน้าสำนักเลขานุการยุทธศาสตร์ชุมชนเข้มแข็ง สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ในฐานะผู้แทนคณะจัดงานสัมมนา กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พอช.ได้ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนขับเคลื่อนการต่อต้านการทุจริตมาตลอด เมื่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) จัดประกวดรางวัลสีขาวในปี 2565 เครือข่ายภาคประชาชนก็ได้รับรางวัล จำนวน 11 รางวัล จากการประกวดทั้งหมด 23 รางวัล
ส่วนการจัดสัมมนาในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ คือ 1.เพื่อระดมความคิดเห็นต่อแนวทาง วิธีการขับเคลื่อน ที่จะให้มีการขับเคลื่อนการป้องกันทุจริตโดยชุมชนเป็นแกนหลัก 2.ต้องการเห็นพลังการขับเคลื่อน movement ของภาคประชาชน โดยมีกลไก ส่วนกลาง ระดับพื้นที่ ระดับจังหวัด และระดับภาค และ 3.เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการในระดับพื้นที่
นายสิน สื่อสวน ประธานคณะทำงานสนับสนุนดำเนินงานส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการต่อต้านการทุจริต กล่าวว่า บทเรียนจากต่างประเทศ การที่จะแก้ไขปัญหาทุจริตได้ ไม่ใช่หน่วยงานภาครัฐ ถ้าจะทำเรื่องปราบทุจริตให้ได้ต้องให้ประชาชนมีบทบาทสำคัญ ประชาชนมีส่วนร่วม หากประชาชนไม่ตื่นตัวเป็นพลเมืองจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาทุจริตได้
“สิ่งที่เห็นวันนี้ คือ ความคิดของคนรุ่นใหม่ พวกเราตระหนักเรื่องนี้ ถือว่ามีแนวโน้มที่ดี ฉะนั้นเราต้องสร้างสังคมสุจริต ต่อต้านการทุจริต การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ วันนี้จะเป็นเวทีการวางรากฐานยกระดับการป้องกันการทุจริต สิ่งที่เราทำคือ ทำอย่างไรที่จะเปลี่ยนประชาชนให้เป็นพลังพลเมือง” นายสินกล่าว
เขาบอกด้วยว่า การขับเคลื่อนเพื่อต่อต้านการทุจริตของภาคประชาชน ไม่ได้ทำเพราะได้รับงบประมาณ แต่จะทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ในพื้นที่ ตำบล จังหวัด ประเทศ สิ่งที่เราทำจะทำเหรียญ 2 ด้าน ด้านหนึ่งคือ การสร้างสังคมสุจริต อีกด้านคือ การต่อต้านทุจริต
ทั้งนี้ที่ผ่านมา เครือข่ายภาคประชาชนได้ทำ 4 เรื่อง คือ 1.สร้างสำนึกประชาชน 2.สร้างพื้นที่โปร่งใส 3.ทำเรื่องธรรมาภิบาลให้เข้มข้น 4.ต่อต้านทุจริต โดย พอช.ได้สนับสนุนเรื่องนี้ และกำลังจะยกระดับเพื่อทำเรื่องนี้ให้ใหญ่ขึ้น
ปลุกพลังทุกภาคส่วนร่วมแก้ไขปัญหา
นายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า เรื่องคอร์รัปชันเป็นเรื่องใกล้ตัวของประชาชนคนไทยทุกคน โครงการขนาดใหญ่ที่โกงกินกัน กระทบพวกเราทุกคน ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ทางสังคม ปัญหาความไม่ยุติธรรม ไม่ปลอดภัย เรื่องการศึกษา การดูแลคนพิการ การดูแลสาธารณสุข เพื่อนร่วมชาติของเราทุกคน ทำอย่างไรให้ทุกคนใส่ใจ
เขาบอกว่า หากย้อนกลับไปจะเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ดังนั้นเราต้องสร้างให้คนส่วนใหญ่ร่วมกันแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันให้ทั่วประเทศ ไปเชิญชวนคนเหล่านี้ ต้องคาดหวังว่าในอนาคตเราจะมีสังคมที่มีคุณภาพ สังคมคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต ต้องทำให้คนตระหนักรู้ ต้องเป็นผู้ขับเคลื่อน ร่วมกันเรียกร้องให้เกิดการแก้ไข เป็นหูเป็นตา มีช่องทางติดตามพฤติกรรม
เช่น นักการเมืองที่เข้าสู่การบริหารท้องถิ่น นักธุรกิจ พ่อค้า องค์กรต่างๆ ผู้อำนวยการโรงเรียน ว่าทำหน้าที่ถูกต้องหรือเปล่า โดยจะต้องมี 1.ข้อมูลที่สามารถเข้าถึง ความเชื่อมโยงระหว่างบุคคลเหล่านี้ จึงจะมีการเฝ้าระวัง 2.ให้ประชาชนมีส่วนร่วมเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง 3.ช่องทางในการแจ้งเหตุ ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน และ 4.ต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนรุ่นใหม่
“หน่วยงานต่าง ๆ พอช. ป.ป.ช. สตง. ภาคธุรกิจ นักวิชาการ สื่อสารมวลชน ภาคประชาชน ต้องร่วมมือ เสริมพลังซึ่งกันและกัน เครื่องมือที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันมี คือการผลักดันข้อกฎหมาย พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ Act AI ข้อมูลภาครัฐจัดแยกเป็นประเภทของโครงการ ข้อมูลหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คู่สัญญา มีกลไก AI ในการวิเคราะห์ปัญหา” นายวิเชียรกล่าว และย้ำว่า เรื่องสำคัญ คือ พลังประชาชนต้องขับเคลื่อน โดยอาศัยความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ
ในงานสัมมนาครั้งนี้ผู้แทนจากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้นำเสนอเว็บไซต์ actai.co ขององค์กร เพื่อเป็นเครื่องมือการตรวจสอบหรือค้นหาเบาะแสการทุจริตในประเทศไทย โดยเฉพาะโครงการจัดจ้างต่าง ๆ ของภาครัฐ โดยผู้ค้นสามารถใส่คำค้นหาชื่อหน่วยงาน พื้นที่โครงการ หรือบริษัท จากนั้นระบบคอมพิวเตอร์จะประมวลผลและค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาแสดงให้เห็น นอกจากนี้ในแต่ละโครงการจะมีสัญลักษณ์ สีเหลือง เขียว แดง ที่บ่งบอกสถานะว่าโครงการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวมีความสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตมากน้อยแค่ไหนด้วย
พอช.-ขบวนองค์กรชุมชนพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อน
นายวิชัย นะสุวรรณโน รองผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย หากมีการปฏิรูปภาษีใหม่ อาจจะนำภาษีมาดูแลผู้สูงอายุได้เพียงพอ จะทำให้เราหวงแหนเรื่องภาษี ผลงานที่เราทำได้รับรางวัลจาก ป.ป.ท. ถือเป็นกำลังใจ ทำเรื่องนี้เพื่อให้รู้ว่าต้องปกป้องภาษีของพวกเรา ป้องกันเรื่องทุจริตให้ลดน้อยลง จากตัวเลขสถิติไม่ดีขึ้น แนวโน้มกลับรุนแรงมากขึ้น และการทำเรื่องต่อต้านการทุจริตนี้ ถือว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับ พอช. เพราะที่ผ่านมา พอช. ทำงานพัฒนามิติต่าง ๆ พอทำเรื่องต่อต้านทุจริตก็ทำได้ดีด้วย ส่วนแนวทางการทำงานร่วมกันในอนาคตนั้น ตนมีข้อเสนอดังนี้
1.ใช้ต้นทุนที่ทำมา 2-3 ปี จะขยายเต็มพื้นที่ได้อย่างไร เป็นเรื่องร่วมเป็นวาระของชาติ หน่วยงานภาครัฐฝ่ายเดียวไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้ ต้องสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน 2.ต้องสร้างเครือข่ายทุกระดับ เชื่อมร้อยให้เป็นขบวนการ เคลื่อนร่วมกันทั้งประเทศ 3.เรื่องการป้องกันต่อต้านทุจริตต้องเป็นภารกิจของทุกประเด็นงาน ทำให้เป็นเรื่องร่วมของขบวนองค์กรชุมชน
4.การสานพลังความร่วมมือที่เป็นพลังของสังคม เครือข่ายอื่น ๆ เช่น สภาเด็กและเยาวชน องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน 5.สร้างพื้นที่รูปธรรมระดับตำบล จังหวัด เครือข่ายต่าง ๆ จัดทำฐานข้อมูล Mapping พื้นที่ และสื่อสารสู่สาธารณะ 6.การจัดสมัชชา การรณรงค์ ประกาศตัวตน จัดร่วมกับภาคีที่เกี่ยวข้อง บทบาทของภาคีและการขับเคลื่อนสังคมสุจริตร่วมกัน
“สิ่งสำคัญ ในส่วนของพี่น้องขบวนองค์กรชุมชน การสร้างระบบธรรมาภิบาล ต้องทำให้มีความเข้มข้นมากขึ้นด้วย ประเด็นงานที่อยู่อาศํย สภาองค์กรชุมชน สวัสดิการองค์กรชุมชน เป้าหมายสำคัญอยู่ที่การสร้างชุมชนเข้มแข็ง ทั้งหมดเป็นเครื่องมือ กระบวนการที่ทำให้ชุมชนเข้มแข็ง สร้างคน สร้างขบวน ให้เกิดการตั้งหลักจากพื้นที่และมีภูมิคุ้มกัน เกิดความเป็นธรรมในสังคมได้” นายวิชัย รอง ผอ.พอช. กล่าวทิ้งท้าย
ทิศทาง-เป้าหมายสู่สังคมสุจริต
การจัดงาน ‘การสัมมนาเชิงปฏิบัติการผู้นำเครือข่ายภาคประชาชนต่อต้านการทุจริต’ ในครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ร่วมกันเสนอความคิดเห็น และกำหนดทิศทาง-เป้าหมายการสร้างสังคมสุจริต โดยมีข้อเสนอเริ่มต้นการขับเคลื่อนตั้งแต่ระดับตำบล-ประเทศ ดังนี้
ระดับตำบล 1.มีคณะทำงานที่มีความโปร่งใส 2.มีกระบวนการสร้างการรับรู้ เรียนรู้ ตระหนักถึงปัญหาการทุจริต และมีเวทีแลกเปลี่ยนการทำงาน 3.มีข้อตกลง กติการ่วมในการทำงาน 4.ใช้ทุนทางวัฒนธรรม ทุนทรัพยากร ทุนเครื่องมือการพัฒนา ในการทำงาน ขยายผลพื้นที่รูปธรรม 5.สร้างช่องทางการสื่อสารของภาคประชาชน ยกระดับความร่วมมือการทำงานกับหน่วยงานภาคี และเชื่อมโยงหน่วยงานภาคีให้มากขึ้น
ระดับจังหวัด 1.สร้างประเด็น วาระร่วมระดับจังหวัด ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วม 2.มีกลไกที่เป็นทางการ ( มีผวจ.เป็นประธาน) และกลไกที่ไม่เป็นทางการ ออกแบบการทำงานหนุนเสริมกัน 3.มีระบบป้องกันการทุจริต 4.มีช่องทางการสื่อสารใหม่ๆ
ระดับภาค 1.สร้างวัฒนธรรมการทำงานที่โปร่งใส ยุติธรรม นำสู่ความเข้มแข็งของขบวนการภาคประชาชน 2.มีเวทีเรียนรู้การทำงาน พัฒนาศักยภาพคนในชุมชน หนุนเสริมการทำงานร่วมกัน 3.มีศูนย์ปฏิบัติการภาคประชาชน สร้างเครือข่ายต่อต้านการทุจริต 4.สมัชชาภาคประชาชนสร้างสังคมสุจริต มีข้อเสนอเชิงนโยบายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและระดับประเทศ
ระดับประเทศ 1.แก้ไขโครงสร้างระบบอุปถัมภ์ โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบอย่างเคร่งครัด 2.รัฐมีช่องทางการแลกเปลี่ยนสะท้อนข้อมูล และแนวทางการดำเนินงานป้องกันการทุจริต 3.สร้างเครือข่ายภาคประชาชนป้องกันและต่อต้านการทุจริต ฯลฯ
นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ร่วมกันกำหนดแผนการขับเคลื่อนงานในช่วงเดือนมกราคม-กันยายน 2566 เช่น 1.รวบรวมกลุ่มแกนนำผู้ก่อการดี 2.วิเคราะห์พื้นที่ปัญหา 3.สร้างพันธมิตรความร่วมมือ 4.วางแผนปฏิบัติการ ฯลฯ โดยมีแผนปฏิบัติการเร่งด่วน เช่น จัดทำเวทีเสนอผลการดำเนินงาน จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายต่อพรรคการเมืองภายในเดือนเมษายนนี้ ฯลฯ
เรื่องและภาพ : สำนักพัฒนานวัตกรรมชุมชนจัดการความรู้และสื่อสาร สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์