ตามติดกรณีพบคราบน้ำมันโผล่กลางอ่าวระยอง (อีกแล้ว) ประมงพื้นบ้านหวั่นทำลายระบบนิเวศ

ตามติดกรณีพบคราบน้ำมันโผล่กลางอ่าวระยอง (อีกแล้ว) ประมงพื้นบ้านหวั่นทำลายระบบนิเวศ

กลุ่มประมงพื้นบ้าน จ.ระยอง กังวลน้ำมันรั่วซ้ำ หลังพบคราบน้ำมันลอยกลางทะเลกินพื้นที่กว่า 50 ไร่ ชี้ห่วงสัตว์น้ำรับผลกระทบหลัง จนท.ใช้สารเคมีสลายคราบน้ำมัน ด้าน ทส.สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์ หากพบผิดกฎหมาย ให้ดำเนินคดี

ภาพ : กรมเจ้าท่า สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง

27 ก.พ. 2566 – จากข้อมูลที่สมาชิกเครือข่ายประมงพื้นบ้านท้องถิ่น จ.ระยอง แจ้งว่า ได้พบคราบน้ำมันลอยกลางทะเลกินพื้นที่ประมาณ 50 ไร่ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2566 ขณะล่องเรือออกหาปลาบริเวณทะเลที่ระยะห่างจากฝั่งบ้านหนองแฟบ ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง ประมาณ 1-2 ไมล์ทะเล พร้อมบันทึกคลิปความยาวกว่า 4 นาที ไว้เป็นหลักฐาน และโพสต์ลงโซเซียลมีเดีย จากนั้นได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศร.ชล.) เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลและเก็บกู้คราบน้ำมันดังกล่าว

ล่าสุด รณรงค์ ท้วมเจริญ รองประธานศูนย์เรียนรู้ เฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จ.ระยอง ให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยองได้เข้าพื้นที่ฉีดสารเคมีสลายคราบน้ำมันแล้ว หลังจากเมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา ชาวประมงยังคงพบคราบน้ำมันสีดำลอยแพคล้ายฟิล์มเข้ามาทางบริเวณชายหาด อ.เมืองระยอง สิ่งที่กลุ่มประมงพื้นบ้านและชาวบ้านทำได้ขณะนี้ คือการเฝ้าระวังก้อนน้ำมันทาร์บอลที่อาจจะพัดมาสู่ชายฝั่ง

วีรศักดิ์ คงณรงค์ นายกสมาคมประมงพื้นบ้านท้องถิ่น จ.ระยอง กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชาวบ้านกังวลว่าการที่เจ้าหน้าที่ฉีดสารเคมีสลายคราบน้ำมันไปแล้วนั่นจะทำลายทรัพยากรอีกหรือไม่ และกังวลว่าการเจอคราบน้ำมันครั้งนี้ หากเป็นสัญญาณว่าจะรั่วอีกรอบ ทรัพยากรสัตว์น้ำทะเลคงสูญพันธุ์ทั้งนี้ ทางเครือข่ายประมงระยองฯ จะตามต่อไปว่าผู้รับผิดชอบระดับจังหวัด จะแก้ไขและรับมือสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไรต่อไป

วีรศักดิ์  ระบุว่า ในส่วนเรื่องของต้นตอคราบน้ำมันต้นตอมาจากไหนนั้น ประมงเองก็ยังไม่ทราบแน่ชัด และอยากให้หน่วยงานระดับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบที่มาของคราบน้ำมันโดยด่วน

บรรเจิด ล่วงพ้น สมาชิกประมงพื้นบ้านท้องถิ่น จ.ระยอง กล่าวว่า การใช้สารเคมี ยังคงเป็นการแก้ไขปัญหาแบบเดิมเหมือนน้ำมันรั่วกลางระยองรอบก่อน ทำให้มีข้อกังวลถึงผลที่จะตามมา คือ ทรัพยากรทางทะเลจะรับผลกระทบจากสารเคมีมากน้อยขนาดไหน เมื่อนำมาขาย สังคมก็ไม่รู้ว่าอาหารทะเลที่ทานเข้าไปมันมาจากปลาที่สะอาดปลอดภัยหรือไม่ 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2566 เว็บไซต์สำนักบริหารงานกลาง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  รายงานข่าวว่า วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สั่งการให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ให้เฝ้าระวังติดตามคราบน้ำมันหากเข้าเขตอุทยานแห่งชาติ ให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที

อรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงได้สั่งการให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) ติดตามคราบน้ำมันอย่างใกล้ชิด

โดยก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 ศรีราชา ได้รายงานว่า ได้ประสานงานกับ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศร.ชล.) และศูนย์ควบคุมความมั่นคงทางเรือ (ศคท.) จ.ระยอง และได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง

ข้อมูลในเบื้องต้นพบว่าลักษณะคราบน้ำมันเป็นแผ่นฟิล์มบาง ๆ คล้ายน้ำปนเปื้อนน้ำมันจากน้ำท้องเรือ และได้ตรวจสอบบริเวณโดยรอบพบว่ามีเรือขุดทำงานโครงการมาบตาพุดเฟส 3 และทอดสมอในพิกัดใกล้กับจุดที่พบคราบน้ำมัน จำนวน 1 ลำ ชื่อ XIN HAI TUN

ก้องเกียรติ จึงให้เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่สอบถามข้อมูล และได้สั่งการเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ประมงระยองพบคราบน้ำมันลอยกลางทะเลเมื่อ 21 ก.พ. 66 เจ้าพนักงานตรวจท่าปฏิบัติการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง ได้ออกตรวจสอบคราบน้ำมันบริเวณกลางทะเล และชายหาดในพื้นที่จังหวัดระยอง เมื่อ 22 ก.พ. 2566 เวลา 09.00 น. และมีรายงานดำเนินการตรวจสอบจุดเกิดเหตุไว้ ดังนี้

1. เวลา 09.00 น. เรือ RS 35 ออกเดินทางจากท่าเรือ SPRC ไปยังพิกัด ละติจูด 12 องศา 35 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 101 องศา 05 ลิปดาตะวันออก ตามตำแหน่งที่ชาวประมงแจ้งมา ผลปรากฏว่าไม่พบคราบน้ำมัน 

2. เวลา 09.00 – 13.00 น. เจ้าหน้าที่ จภ.6 (ระยอง) ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณชายหาด ตั้งแต่ชายหาดแหลมเจริญ, หาดสุชาดา, หาดแสงจันทร์, หาดพลา และชายหาดหนองแฟบ และสอบถามชาวประมงในพื้นที่ ผลปรากฎว่าไม่พบคราบน้ำมันบริเวณชายหาด

3. เวลา 13.00 น.เรือ RS 35 พบเจอคราบน้ำมัน ลักษณะเป็นก้อนกลมลอยคล้ายดินน้ำมัน ขนาดความกว้างพื้นที่ 5 x 40 เมตร ตำแหน่งที่ ละติจูด 12 องศา 32.1 ลิปดา เหนือ ลองจิจูด 101 องศา 04.1 ลิปดา โดยได้ทำการเก็บตัวอย่างคราบน้ำมัน และใช้สารขจัดคราบน้ำมัน Dispersant ฉีดพ่นพร้อมตีกวนน้ำเพื่อสลายคราบน้ำมัน สิ้นสุดการขจัดคราบน้ำมัน เวลา 14.30 น. 

4. มีการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ณ สถานีตำรวจภูธรมาบตาพุด ตำรวจภูธรจังหวัดระยอง ตำรวจภูธรภาค 2 เรียบร้อยแล้ว

ภาพ : กรมเจ้าท่า สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง

ส่วน นาวาเอกพัฒนศักดิ์ พิมดา รองศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศร.ชล.) ระยอง ได้ออกเรือไปสำรวจตรงจุดที่ได้รับแจ้ง ปรากฏว่าคราบน้ำมันได้ถูกคลื่นซัดหายไปจากจุดที่พบแล้ว จึงมีการใช้เฮลิคอปเตอร์ขึ้นสำรวจ จนพบคราบน้ำมันเป็นฟิล์มบาง ๆ ปนคราบน้ำมันที่จับตัวเป็นก้อน กินพื้นที่ประมาณ 200 เมตร กำลังลอยออกไปทางช่องแสมสาร จ.ชลบุรี ศร.ชล.จึงส่งเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือ ออกไปพ่นฉีดสารเคมีเพื่อสลายคราบน้ำมัน

ด้าน บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ได้ออกมาชี้แจง เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2566 ว่า ตามที่มีการแชร์ ของชาวบ้านประมงระยอง ลงคลิปภาพพบคราบน้ำมัน ผ่านสื่อออนไลน์นั้น ทาง บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียมฯ ได้ทำการตรวจสอบแล้ว ยืนยันว่าฟิล์มน้ำมันดังกล่าวไม่ใช่ของบริษัทฯ และไม่ได้เกิดจากการทำกิจกรรมใด ๆ ของบริษัทฯ ด้วย 

ภาพ: เว็บไซต์บริษัท Star Petroleum
Refining Public Company Limited

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ