8 มี.ค. 2559 ศาลจังหวัดเชียงใหม่นั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่ไมตรี จำเริญสุขสกุล นักข่าวพลเมืองชาวลาหู่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารแจ้งความในข้อหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์) มาตรา 14 โดยการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทหาร โดยวันนี้ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าการโพสต์คลิปดังกล่าวไมตรีกระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ภายหลังจากการพิพากษาของศาล ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า ศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานฝั่งโจทก์ที่มีทหาร 2 นายเล่าเหตุการณ์ในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 2557 และวันที่มีการเจรจาที่บ้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 แต่ในการฟ้องคดีนั้นทหารเอาภาพจากเฟซบุ๊กที่ไม่ใช่ของไมตรีมาเป็นหลักฐาน และไม่มีหลักฐานอื่นอีก ซึ่งหลักฐานดังกล่าวก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าแหล่งที่มาของเอกสารมาจากที่ใด และศาลเห็นว่า URL ของเอกสารที่นำมาแสดงนั้นไม่เชื่อมโยงกับเฟซบุ๊กของไมตรี กล่าวคือพิสูจน์ไม่ได้ว่าไมตรีเป็นคนโพสต์
ส่วนข้อความที่ไมตรีรับว่าเป็นคนโพสต์นั้น ศาลพิจารณาว่าเป็นความเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าเหตุการณ์ทำร้ายประชาชนในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 2557 นั้นเกิดขึ้นจริง แล้วพยานฝั่งจำเลยที่มีทั้งคนแก่และเด็กก็ให้ปากคำสอดคล้องตรงกันว่า ในคืนเกิดเหตุมีชายสวมชุดเกราะที่มากับทหารได้ตบ ทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ชาวบ้าน จึงมาเล่าให้ไมตรีฟัง ซึ่งไมตรีก็เชื่อว่าเกิดความไม่เป็นธรรมขึ้นจึงโพสต์ข้อความ และวันต่อมาก็เข้าไปร่วมเจรจาด้วย
ศาลพิจารณาว่า ไมตรีเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจ และได้ยกข้อกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 จะมีความผิดครบองค์ประกอบก็ต่อเมื่อตัวผู้กระทำนั้นต้องรู้อยู่แล้วว่าข้อความนั้นเป็นเท็จ เป็นข้อมูลปลอม หรือมีการตัดต่อดัดแปลง และต้องคำนึงถึงเจตนาของผู้กระทำด้วยว่ารู้หรือไม่ว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จ
ในที่นี้ศาลจึงพิจารณาว่า ไมตรีเข้าใจว่าเหตุการณ์ทำร้ายประชาชนนั้นเกิดขึ้นจริง จึงพิพากษายกฟ้องในที่สุด
ด้านไมตรี จำเริญสุขสกุล กล่าวหลังจากฟังคำพิพากษาว่า ตนดีใจที่ความยุติธรรมยังมีในบ้านเรา เรื่องจริงก็ยังเป็นเรื่องจริง ดีใจที่สิ่งที่พูด สิ่งที่ทำ ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ผิด
“สิ่งที่ผมคิดและทำเกิดจากจิตสำนึกว่ามันเป็นเรื่องที่ดี การนำเรื่องนี้มาเป็นคดีความทำให้รู้สึกอึดอัดมาโดยตลอด วันนี้ศาลก็ให้ความยุติธรรม ยกฟ้อง ก็เลยทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่เราทำนั้นไม่ได้เปล่าประโยชน์ ก็โล่งอกครับ”
เมื่อถามว่าการทำสื่อของกลุ่มชาติพันธุ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ไมตรีกล่าวว่า ตนมองว่าสื่อเป็นสิ่งที่ควรมีเพื่อเป็นปากเสียงให้กับคนที่เสียงน้อยอยู่แล้ว และโดยเฉพาะสื่อชาติพันธุ์ยังเป็นสิ่งที่ต้องทำต่อ และขอให้กำลังใจกับกลุ่มชาติพันธุ์หลายๆ คนที่ทำอยู่ด้วย
“สื่อยังเป็นกระบอกเสียงให้กับคนในชุมชนของเราได้” ไมตรี จำเริญสุขสกุล นักข่าวพลเมืองกลุ่มรักษ์ลาหู่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ กล่าวทิ้งท้าย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- “ไมตรี” ลาหู่ เจ้าของคลิปที่มีคนดูเป็นล้านๆ กับคดี พ.ร.บ.คอมฯ https://thecitizen.plus/node/8023
- เปิดคำแถลงปิดคดี “ไมตรี” พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก่อนศาลอ่านคำพิพากษาพรุ่งนี้ https://tlhr2014.wordpress.com/2016/03/07/maitree_closingstatement/