เกิดขึ้นบ่อยเหลือเกินกับปัญหาจากแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกที่ดินของรัฐและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2557 ของ คสช. จากข้อมูลของคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคอีสาน พบว่าในภาคอีสานมีชาวบ้านถูกดำเนินคดีและขอคืนพื้นที่ไปแล้วกว่า 103 ราย ซึ่งเกื่อบทั้งหมดเป็นชาวบ้านที่มีฐานะยากจน จึงเป็นข้อกังวลว่าถ้าหากพวกเขาเหล่านั้นแพ้คดี พวกเขาเหล่านั้นก็จะกลายเป็นผู้ไร้ที่ดินทำกิน และมีชาวบ้านถูกเรียกตัวให้มารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อขอยึดคืนพื้นที่ทำกิน อีกกว่า 1,764 ครัวเรือน
ในภาพของทั้งประเทศ มีชาวบ้านดำเนินคดีแล้ว 501 ราย ยึดคืนพื้นที่ได้จำนวน 343,750 ไร่ ซึ่งจากคดีทั้งหมด มีนายทุนเพียง 5 เปอร์เซ็นเท่านั้น ข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่ามีประชากรอยู่ในพื้นที่ป่าไม่น้อยกว่า 750,622 ครอบครัว แต่ข้อมูลของรัฐฝ่ายความมั่นคงที่รวมประชากรแฝงและไม่ลงทะเบียนด้วยระบุว่ามีไม่น้อยกว่า 1,164,000 ครอบครัว พื้นที่รวมประมาณ 5-6 ล้านไร่ ซึ่งหากนโยบายนี้ถูกดำเนินการต่อไปคาดว่าในไม่ช้า คสช. คงขอคืนพื้นที่ทั้งหมด
จากนโยบายไล่คนจนออกจากป่าของ คสช.ทำให้ชาวบ้านที่อยู่อาศัยในป่ามาหลายสิบปีได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐระบุว่าคนพวกนี้เป็นนายทุน ทั้งๆที่ชาวบ้านเป็นเกษตรกรรายย่อย อีกทั้งนโยบายนี้ไม่ได้แก้ปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้อย่างตรงจุด เป็นแค่เพียงนโยบายที่สร้างปัญหาคนจนให้ไร้ที่ทำกินมากยิ่งขึ้น
การแก้ไขปัญหาด้วยแผนแม่บททรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกที่ดินของรัฐและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2557 ของ คสช.เป็นการแก้ปัญหาได้จริงรึเปล่า และเมื่อ คสช.นำชาวบ้านออกจากพื้นที่แล้วชาวบ้านเหล่านี้จะไปอยู่ไหน