ชายร่างเล็กกับแรงพลังศรัทธาที่ยิ่งใหญ่

ชายร่างเล็กกับแรงพลังศรัทธาที่ยิ่งใหญ่

พลังแห่งความหวังพรมแดนไทย-เมียนมาร์

“ผมจะพยายามช่วยพี่ชายคนนั้นให้ได้ ถึงไม่มีข้าวกินผมจะไปกินข้าวที่วัด”

เมื่อผมเชื่อมต่อไวไฟเปิด Facebook แสดงแจ้งเตือนหน้าสตอรี่ในเฟซบุ๊กผม ผู้ชายคนหนึ่งชื่อว่าเซดา ได้โพสต์ข้อความสั้น ๆ แต่ดูเหมือนทรงพลังที่กำลังสื่อให้เห็นภาพถึงความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม   

เซดา อาศัยในชุมชนแห่งหนึ่ง ชื่อว่า ชุมชนบ้านแม่สามแลบ บริบทพื้นที่เป็นพรมแดนระหว่าง ไทย- เมียนมาร์มา ชุมชนแห่งนี้มีความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ ประกอบด้วย กะเหรี่ยง ไทใหญ่ มุสลิม ในอดีตต้นกำเนิดบรรพบุรุษส่วนหนึ่งอพยพมาจากประเทศเมียนมาร์เมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว ด้วยเหตุผลปัญหาการเมืองภายในประเทศดูเมือนรุนแรงทวีคูณ ประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ลุกฮือต่อต้านรัฐบาลเมียนมาร์จนเกิดการนองเลือดในที่สุด พวกเขาจึงตัดสินใจอพยพข้ามฝั่งหนีร้อนมาพึ่งเย็น มองหาแหล่งพื้นที่ปลอดภัย ได้สร้างถิ่นฐานกระจัดกระจายตามจุดต่าง ๆ ในพื้นที่ริมน้ำสาละวินฝั่งไทย และมาเกาะกลุ่มกันได้ตรงจุดบ้านแม่สามแลบ ได้สร้างหลักปักฐานอาศัยอยู่ยาวมาจนถึงทุกวันนี้

ความสวยงามของผู้คนที่นี่ คืออยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข มีความรักสามัคคีกลมเกลียวน้ำหนึ่งใจเดียว ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปันเสมือนฉันท์พี่น้อง มีการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการช่วยเหลือผู้ยากไร้ ความแตกต่างของเชื้อชาติและศาสนาไม่ได้เป็นอุปสรรคขวางกั้นความสัมพันธ์ในการอยู่ร่วมกันแต่อย่างใด

ชุดจิตอาสาชุมชนบ้านแม่สามแลบ

เซดาเป็นหนุ่มโสด ลักษณะรูปพรรณ ผิวดำแดง เป็นคนร่างเล็ก อุปนิสัยพูดจาฉะฉาน บุคลิกภาพทะมัดทะแมง คล่องแคล่วว่องไว เท่าที่สังเกตไม่เคยเห็นเขาอยู่นิ่งเฉย ชอบทำโน่นทำนี่ ไม่หยุดหย่อน ดิ้นอยู่ตลอดเวลาเหมือนคนอยู่ไม่เป็นสุข ผมเองก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขากังวลถึงเรื่องอะไร

ผมรู้จักเซดามาเมื่อปีก่อน ได้มีโอกาสทำงานร่วมกันด้านจิตอาสาพัฒนาชุมชนในบางโอกาส  ทราบมาว่าเขากลับมาอยู่บ้านได้ปีกว่าด้วยเหตุประสบภาวะวิกฤติโรคโควิด ไวรัสโคโรน่า 19 จึงตัดสินใจเก็บข้าวของจากตึกเช่าแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง กลับมาตั้งหลักใหม่ที่บ้านเกิดและเป็นช่วงโอกาสดีได้เข้าร่วมโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการพื้นที่ตำบลแม่สามแลบภายใต้ในการดูแลของวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอนหน่วยจัดอำเภอแม่สะเรียง ก่อนหน้านั้นไปเติบโตเรียนต่อและทำงานในพื้นที่เมือง แต่ดูเหมือนกับว่าคนละแวกนี้รวมถึงชุมชนใกล้เคียงรู้จักเขาทั้งหมด ด้วยบุคลิกภาพส่วนตัวที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และชอบช่วยเหลือคนอื่นนั่นเอง

ผมจำกับคำพูดของเขาวันนั้นได้ว่า

“ผมจบนิติศาสตร์ ผมต้องหาทางช่วยเหลือคนตามสายที่เรียนมา”

ส่วนตัวผมเองก็ตอบกลับไปว่า “ดีแล้ว นำความรู้ที่ร่ำเรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ สู้ต่อไปนะ”

เขาพยักหน้าก่อนสตาร์ทรถเครื่องฮอนด้าเวฟคันคู่ใจของเขา แล้วออกไป ผมเริ่มประทับใจตัวเขา และติดตามความเคลื่อนไหวเขาในเฟซบุ๊กตลอดมา เรื่องราวโพสต์ส่วนใหญ่เกี่ยวกับงานจิตอาสาช่วยเหลือคนในชุมชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมสนใจอยู่แล้ว ตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสจะคุยเรื่องราวที่เขาเคลื่อนไหวสักครั้ง

บังเอิญมีอยู่วันหนึ่ง ผมเดินทางออกจากหมู่บ้านท่าตาฝั่งซึ่งเป็นชุมชนของผม จุดหมายปลายทางคือ เดินทางทำธุระในเมืองแม่สะเรียง ในวันนั้นฟ้าครึ้มท้องฟ้าปิด ผมเดินทางคนเดียว เวลาน่าจะห้าโมงเย็น หลังจากเตรียมสัมภาระเสร็จรีบขี่รถจักรยานยนตร์เดินทางทันที ระหว่างทางฝนตกปรอย ๆ หลังจากนั้นผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงกว่าถึงหัวบ้านแม่สามแลบ และรถผมก็ดับตรงจุดลงเนินหน้าชุมชนพอดี สตาร์ทยังไงก็ไม่ติด เป็นช่วงเวลาตะวันลับขอบฟ้าความมืดเริ่มมาเยือน ผมนั่งพักที่ศาลาครู่หนึ่ง นึกขึ้นมาได้ว่ามีเพื่ออยู่ที่บ้านแม่สามแลบคนหนึ่ง คือ เซดานั่นเอง ผมไม่รอช้าได้หยิบโทรศัพท์มือโทรหาแกทันที

ไม่นานผู้ชายร่างเล็กได้ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่ากลางฝน เห็นไฟสลัว ๆ จากไฟหน้ารถเขา มืออีกข้างถือร่ม เมื่อเจอกันแล้วทักทายตามประสาเพื่อนคนรู้จัก และชวนผมพักค้างที่บ้าน ระหว่างทางเขาแวะซื้อซื้อน้ำอัดลมและขนมปัง เขาบอกผมว่าอยู่บ้านคนเดียวไม่ได้ทำกับข้าว ซื้อของกินเผื่อผมหิวกลางคืน จากนั้นขี่รถเข้าไปในชุมชนอีกราว 3-4 นาที เมื่อถึงจุดหมาย สิ่งที่ผมมองเห็นข้างหน้าคือ บ้านหลังเล็ก ๆ ฝาบ้านพาดด้วยไม้สักแปรรูปสลับกับกับไม้ไผ่จักสาน ฟื้นปูด้วยไม้ไม้ไผ่ มุงหลังคาด้วยสังกะสี จากนั้นผมก็ได้ขึ้นไปบนบ้านวางกระเป๋าสัมภาระ และเอ็นตัวลงบนที่นอนเพื่อผ่อนคลาย และสนทนากันตามประสาเพื่อน

เซดามีพี่น้อง 4 คน เขาเป็นลูกคนที่ 3 พี่ชายคนโตและพี่สาวคนรองหลังจากแต่งงานต่างออกเรือน ส่วนน้องชายคนเล็กกำลังเรียนต่อ และได้พักอาศัยอยู่ในเมืองแม่สะเรียง เขาพักบ้านหลังนี้เพียงลำพังคนเดียว ผมกวาดสายตารอบบ้าน สังเกตในบ้านไม่มีครัว เพราะส่วนใหญ่จะฝากท้องไว้กับบ้านญาติและเพื่อนบ้านคนสนิทในชุมชนละแวกใกล้บ้านซะส่วนใหญ่ บางครั้งช่วยพัฒนางานวัดและกินข้าวที่นั่นซึ่งเป็นสถานที่มักคุ้นเคยตั้งแต่ยังเด็ก

เซดาอดีตลูกศิษย์วัดแม่สามแลบถ่ายรูปร่วมกับสามเณร

ในค่ำคืนนั้นผมได้สนทนากับเขาอย่างถูกคอบอกไม่ถูก และเมื่อลงรายละเอียดของคำถาม คำตอบที่ได้รับทำให้ผมเริ่มรู้เป้าหมายทิศทางในสิ่งที่เขาทำ ได้มองเห็นถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจช่วยเหลือคนในชุมชน โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ติดตามสถานะบุคคลด้านสัญชาติ เขาเล่าว่ายังมีรายชื่อผู้ตกหล่นที่มีสิทธิ์ได้สัญชาติเข้าเกณฑ์ตามเงื่อนไขกฎหมายกำหนดอีกจำนวนหนึ่ง จึงพยายามช่วยติดตามประสานข้อมูลข่าวสาร เชื่อมโยงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้คนเหล่านั้นเข้าถึงโอกาสได้มากขึ้น

เขาให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายเด็กนักเรียน เพราะมองว่าคนกลุ่มนี้เมื่อเรียนแล้วต้องมีเป้าหมาย จบแล้วต้องมีอนาคตที่ดี และเน้นอีกกลุ่มคือผู้ยากไร้ที่มีต้นทุนชีวิตน้อยส่งผลขาดโอกาสในการเข้าถึงด้านสิทธิ เขาเล่าตัวอย่างให้ผมฟังว่า มีผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ไร้ญาติ ไม่มีอาชีพและที่อยู่เป็นหลักแหล่ง แต่เป็นผู้มีคุณสมบัติสามารถขอสัญชาติตามเกณฑ์ที่เงื่อนไขกฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่เซดาเคยโพสต์ในเฟสก่อนหน้านั้นไว้

“ผมจะช่วยพี่ชายคนนี้ให้ได้ ถึงไม่มีข้าวกินผมจะไปกินข้าวที่วัด”


ชายคนนั้นที่สร้างแรงบัลดาลใจให้กับเซดา

เมื่อได้ฟังแล้วเกิดแรงสะเทือนอารมณ์บางอย่าง ทำให้ผมมองเห็นความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือชุมชนตนเองประเด็นด้านสัญชาติ เขาไม่เคยละความพยายามถึงแม้ไม่มีบทบาทหน้าที่และตำแหน่งในชุมชนก็ตาม

เสียงยืนยันหนักแน่น แววตาดูเศร้าหมองเหม่อลอยเหมือนคิดมาก บรรยากาศเริ่มเศร้า เซดาบอกกับผมว่าอยากจะช่วยพี่ชายคนนี้ให้ได้เพราะสงสารเขามาก เขาอยากได้รับสัญชาติเพราะเกิดในแผ่นดินไทย

“เขามาหาผมบ่อย ๆ เพราะไม่รู้ว่าจะติดตามสัญชาติได้อย่างไร”

เซดาเล่าต่ออีกว่าในการผลักดันสิทธิด้านสัญชาติจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เซดาจะช่วยเหลือคนทุกคนที่มีสิทธิ์ตามเงื่อนไขอย่างเสมอภาค ถึงแม้ไม่ใช่หน้าที่ แต่ในฐานะเป็นคนในชุมชนด้วยกันต้องช่วยเหลือกันเท่าที่ทำได้

ในการช่วยเหลือติดตามเรื่องสถานะบุคคลที่ผ่านมานั้นเขาเข้ามาช่วยด้วยความเต็มใจและสมัครใจ แกมองหน้าผม และสังเกตเห็นแววตาอย่างมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ที่ถูกซ่อนอยู่ข้างใน

การหยิบยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือของเซดาทำให้ชุมชนมีความหวังมากขึ้น ทุกวันนี้เขากลายเป็นขวัญใจและเป็นที่ประทับใจให้กับหลายคนไปแล้ว เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจกับเส้นทางเดินชีวิตที่ผ่านมา คงมีน้อยคนที่มีความกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องถึงแม้ต้องฝ่ามรสุมภายใต้วิกฤติความกดดันที่เข้ามาถาถมรอบด้าน แต่เขากลับนิ่งเฉยและดูเหมือนไม่หวั่นไหวแต่อย่างใด น่าชื่นชมที่เขามีความเข้มแข็ง ผมมองว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


เซดากับงานช่วยเหลือสถานะบุคคลบ้านแม่สามแลบ

สิ่งหนึ่งที่คอยย้ำเตือนตัวเขาเองตลอดคือ เคยประสบปัญหาไม่มีสัญชาติมาก่อน สมัยตอนเด็กต้องอาศัยอยู่วัดกินข้าวกันบาตรเพราะพ่อแม่ตายตั้งแต่ยังเด็ก เขาต้องดิ้น อดทน มุ่งมานะอุตสาหะ ต้องทำงานหนักกว่าเพื่อนร่วมห้องเสมอเพื่อผันชีวิตตนเองให้อยู่รอด

หลังจากวันนั้นที่ได้สัญชาติ มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเต็มขั้น จึงวางแผนศึกษาต่อที่มหาลัยราชภัฎลำปาง โดยจบคณะนิติศาสตร์สมดั่งใจหวัง และเมื่อเรียนจบได้โอกาสกลับมาช่วยเหลือชุมชนอีกครั้งกับบุคลิกภาพเซดาคนเดิมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

เพราะความยากลำบากในวันนั้นกับผู้ชายคนหนึ่งที่ดูน่าสงสาร ทำให้เขาหวนรำลึกถึงเส้นทางเดินชีวิตที่แสนจะขมขื่น เขาจะไม่มีวันลืมได้อีกเลยกับฝันร้ายที่ผ่านมา ทุกวันนี้ยังเชื่อมั่นในความดีเกิดแรงพลังศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ จึงเป็นแรงขับเคลื่อนให้ทำหน้าที่ต่อจนถึงทุกวันนี้

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ