กลุ่มนักศึกษาเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม (ดาวดิน) ออกแถลงการณ์ประกาศจุดยืนคัดค้านรัฐประหาร เชื่อ “อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน” จับมือเพื่อนนักศึกษาขอนแก่นแสดงออกค้านรัฐประหารโดยสันติวิธีและสร้างสรรค์
ดาวดิน คือนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่รวมตัวกันทำกิจกรรมกับชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐและเอกชน กิจกรรมส่วนใหญ่ของพวกเขาคือแลกเปลี่ยนเรียนรู้สังคม จนพัฒนามาเป็นการให้ข้อมูลเรื่องสิทธิ กฏหมาย ช่วยสนับสนุนการต่อสู้ของชาวบ้านด้วยความรู้ ข้อมูล สื่อสารกับสังคม และแนวทางการต่อสู้อย่างสันติ ล่าสุด กรณีที่มีนายทหารพัวพันกับการขนแร่ของ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ที่ใช้ความรุนแรงต่อประชาชน 6 หมู่บ้าน ใน อ.วังสะพุง จ.เลย พวกเขามีส่วนช่วยร้องเรียนเรื่องการละเมิดสิทธิชุมชนและสิทธิมนุษยชนรวมไปถึงกรณีปัญหาการข่มขู่คุกคามในหมู่บ้าน และได้ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ดำเนินการสอบสวน พล.ท.ปรเมษฐ์ ป้อมนาค นายทหารนอกราชการ และกลุ่มผู้ติดตามที่อ้างว่าเป็นนายทหารดังกล่าว แต่จนบัดนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น
หลังจาก คสช. หรือ “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” ได้ทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศไปเมื่อ วันที่ 22 พ.ค. 2557 ที่ผ่านมา มีประชาชนและนักศึกษาหลายกลุ่มออกมาแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว รวมถึงกลุ่มนักศึกษาเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม(ดาวดิน)ที่ได้ออกแถลงการณ์แสดงความคิดเห็นคัดค้านการทำรัฐประหารที่พวกเขาเชื่อว่าทหารได้ขโมยอำนาจของประชนไปในครั้งนี้
แถลงการณ์ดาวดิน : ประเทศไทยเป็นของประชาชน
ประวัติศาสตร์การเดินทางของระบอบประชาธิปไตยในไทยได้เริ่มตั้งต้นขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 โดยกลุ่มการเมืองหนึ่งนามว่า “คณะราษฎร” พร้อมกับในวันแห่งประวัติศาสตร์ดังกล่าวได้มีการถือกำเนิดขึ้นของถ้อยคำอมตะ ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ปรากฏในมาตราแรกของรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยฉบับแรกของประเทศไทยซึ่งผู้ก่อการปรารถนาจะให้ถ้อยคำนี้อยู่คู่กับการเมืองของประเทศไทยไปชั่วฟ้าดินสลาย ถ้อยคำดังกล่าวได้ถูกเปล่งเสียงไปยังผู้มีอำนาจแต่เดิมทั้งหลายว่า หลังจากวันนี้เป็นต้นไป “อำนาจสูงสุดของประเทศเป็นของราษฎรทั้งหลาย”
แต่จนกระทั้งวันนี้ วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 อันเป็นวันที่สองของการก่อกบฏ ล้มล้างรัฐธรรมนูญ ล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ล้มล้างสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธปืนและกองกำลังทหารเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศไทย กดหัวประชาชน โดยปราศจากความชอบธรรมใดๆทั้งสิ้น เป็นที่ปรากฏต่อสายตาพวกเราแล้วว่าจนกระทั้งวันนี้ถ้อยคำดังกล่าวที่ถูกประกาศในวันนั้นยังคงถูกย่ำยีและทำลายล้างโดยกองทัพที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย เป็นกองทัพที่มีอุดมการณ์อยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และชนชั้นนำฝ่ายอนุรักษ์นิยม
ในวันนี้พวกเราที่ยังมีชีวิตอยู่และนิ่งดูดายกับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในสังคมไทยวันนี้ ควรรำลึกและขอโทษ รวมถึงควรรู้สึกผิดต่อบรรดาวีรชนสามัญชนที่ประวัติศาสตร์ไม่เคยจารึกชื่อไว้ แม้ได้อุทิศชีวิตและวิญญาณของตัวเองสละไปเพื่อต้องการทำให้ถ้อยคำอมตะนี้ปรากฏขึ้นจริงในประเทศไทย กี่คนที่ตายในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม กี่คนที่ตายในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม กี่คนที่ตายในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ กี่คนที่ตายในเหตุการณ์พฤษภา 53 เป็นจำนวนหลายร้อยหลายพันดวงวิญญาณที่ตายไปเพื่อประชาธิปไตย กี่รัฐประหารแล้วที่ได้ทำลายล้างประเทศเรา คำถามหนึ่งที่ควรจะถามในวันนี้คือ พวกเราควรจะเรียนรู้ประวัติศาสตร์ได้แล้วหรือยัง ว่าเราประชาชนผู้ที่เป็นเจ้าของอำนาจของประเทศควรจะต้องยืนขึ้นอย่างมีศักดิ์ศรี หมดความอดทน และหลุดออกจากความชาชินกับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ พวกเราจะต้องแสดงออกอย่างเปิดเผยต่อเหล่าบรรดาปีศาจร้ายที่กัดกร่อนจิตวิญญาณประชาธิปไตยของสังคมไทยว่า “อำนาจสูงสุดของประเทศเป็นของราษฎรทั้งหลาย” เราจะไม่ยอมให้ถ้อยคำเหล่านี้ถูกปล้นชิงจากเราอีกต่อไปแล้ว เพื่อดวงวิญญาณทุกดวงที่สูญสลายไป เพื่อดวงวิญญาณอีกหลายดวงที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า
ทางกลุ่มนักศึกษาเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม(ดาวดิน) จึงขอประกาศถ้อยคำของเราไปยังคณะรัฐประหาร ชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมและประชาชนคนทั่วไป ว่า
“ประเทศนี้เป็นของประชาชน และเราจะต่อต้านการรัฐประหารครั้งนี้ เราต้องการเห็นประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้ถ้อยคำอมตะนี้ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างแท้จริง”
อำนาจสูงสุดของประเทศเป็นของราษฎรทั้งหลาย
กลุ่มนักศึกษาเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม
23 พฤษภาคม พ.ศ.2557
นอกจากแถลงการณ์ดังกล่าว กลุ่มนักศึกษาขอนแก่นนำโดยดาวดินแสดงออกโดยใช้วิธีการที่สร้างสรรค์ ไม่รุนแรงด้วยการถ่ายคลิปวิดีโอคัดค้านรัฐประหารลง youtube อีกทั้งยังมีการร้องเพลงไม่ยอมก้มหัวให้เผด็จการ ที่หน้าเซนทรัลขอนแก่นร่วมกัน กิจกรรมต่างๆ จบลงด้วยความสงบ