นอภ.คอนสาร ลั่น ชี้เส้นตายให้ชาวชุมชนโคกยาวและชุมชนบ่อแก้ว รื้อถอนเองภายใน 19 วัน หากไม่ปฎิบัติตามกำหนด 25 ต.ค.นี้ จะดำเนินการเข้าไปรื้อถอนเองโดยเฉียบขาด ด้านชาวบ้านรุกขึ้นพบนายอำเภอ เพื่อชี้ว่ากระบวนการแก้ไขปัญหาล่าสุด มีมติในการประชุมร่วมกันแก้ไขปัญหาระหว่าง ภาครัฐกับ ขปส. เมื่อ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่าให้ชะลอและยุติการดำเนินการใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตอันปกติสุขของประชาชน
นายนิด ต่อทุน ชาวบ้านชุมชนบ่อแก้ว ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ แจ้งว่า ตามที่นายอำเภอคอนสารได้ประชุมวางแผนขอทวงคืนผืนป่าสงวนแห่งชาติภูมิซำผักหนาม อ.คอนสาร เมื่อวันที่ 8 ต.ค.57 และในที่ประชุมมีมติให้ชาวบ้านรื้อถอนออกเองภายใน 19 วัน หากไม่ปฎิบัติตามกำหนดทางจังหวัดจะเข้ามาดำเนินการขั้นเข็ดขาดหลังจากวันที่ 25 ต.ค.57 ทุกวันนี้พวกเรานัดหมายประชุมกันทั้งวัน แม้ในคืนนี้ (22 ต.ค.57) ยามดึกก็ยังเรียกประชุมพี่น้อง พร้อมกับร่วมกันเฝ้าระวังภัยกันภายในชุมชนตลอดเวลา เพราะแน่นอนว่าสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มีผลทำให้เกิดความกังวลใจ ความรู้ไม่ปลอดภัยในการดำเนินชีวิตกำลังส่งกระทบขึ้นมาอีกระลอก ถือว่าเป็นการข่มแหง คุกคาม เป็นการรังแกชาวบ้านระลอกใหม่
นายนิด กล่าวอีกว่า พี่น้องบ้านบ่อแก้วและชุมชนโคกยาว ได้เดินทางไปขอเข้าพบนายอำเภอ ในวันที่ 15 ต.ค.57 เพื่อชี้แจงถึงกระบวนการแก้ปัญหาว่าอยู่ในระหว่างการดำเนิน โดยเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ตัวแทนภาคประชาชนในนามขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ได้มีการประชุมร่วมกับตัวแทนภาครัฐโดยมี ปนัดดา ดิษกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯและ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยมีมติการประชุมร่วมกันแก้ไขปัญหาระหว่าง ภาครัฐ กับ ขปส. ว่า ให้ชะลอและยุติการดำเนินการใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตอันปกติสุขของประชาชนออกไปก่อน ปรากฏว่านายอำเภอไม่อยู่ และได้คุยกับปลัดอาวุโส ได้ความว่าจังหวัดเรียกไปประชุมในเรื่องกรณีปัญหาที่ดิน ขณะเดียวกันปลัดอาวุโสแจ้งให้พวกตนทราบอีกว่าว่า นายอำเภอจะลางานต่ออีกเป็นเวลา 3 วัน
“จากกำหนด ไล่รื้อชุมชนบ่อแก้ว ในวันที่ 25 ก.ย.57 ตามคำสั่งที่ 64/57 ที่เข้ามาปิดป้ายประกาศวันที่ 26 ส.ค.57 ถึงขณะนี้ สถานการณ์ยังไม่มีการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่เข้ามาแต่อย่างใด มาถึงขณะนี้ความหวาดระแวงกลับย้อนเข้ามากระทบชีวิตอีกระลอก ตลอดทั้งคืนทำให้พวกเราต่างช่วยกันเฝ้าระวังภัยกันตลอดเวลา จนทุกวันนี้ไม่เป็นอันจะทำอะไรกันแล้ว ลูกหลานก็ไม่อยากไปโรงเรียน ทั้งกลัว และกังวล ห่วงเหมือนกันว่าบ้านตัวเองจะถูกทหารเข้ามาไล่รื้อ พ่อกับแม่จะไม่มีที่อยู่ ดังนั้นพวกเราจึงมีการประชุมกันทุกคืน และตกลงกันว่าพรุ่งนี้ (24 ต.ค.57) จะไปขอเข้าพบนายอำเภอ เพื่อขอให้พิจารณาประกาศดังกล่าว ที่จะทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบและขาดความเป็นสุขในการดำเนินชีวิตอีกต่อไป เพราะที่ผ่านมาพวกเราไปหา ก็พบแต่ปลัดอำเภออาวุโส ซึ่งไม่สามารถให้คำตอบเป็นที่แน่นอนได้” นายนิด กล่าว
ด้าน นายเด่น คำแหล้ ชาวบ้านชุมชนโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า จากวันที่ 25 ส.ค. 57 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ และฝ่ายปกครองกว่า 10 นาย ได้เข้าปิดป้ายประกาศคำสั่ง ให้ออกจากพื้นที่ภายใน 15 วัน ทั้งพวกตนและพี่น้องบ้านบ่อแก้วได้เดินทางไปยื่นหนังสือเพื่อขอชี้แจงข้อเท็จจริงต่อหน่วยงานภาครัฐ ทั้งในจังหวัดชัยภูมิ และสำนักนายกรัฐมนตรี กระทั่ง 10 ก.ย.57 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้เชิญหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา จนในที่ประชุมมีมติให้ชะลอการไล่รื้อชุมชนโคกยาว ในวันที่ 8 ก.ย.57 ออกไปก่อน
นายเด่น กล่าวอีกว่า มันเหมือนเป็นลางสังหรณ์ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 57 เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชย.4 (คอนสาร) กว่า 10 นาย นำแผ่นป้ายมาติดตั้งบริเวณทางเข้าชุมชนคู่กับป้ายคำสั่งที่ 64/57 ที่ถูกติดตั้งก่อนหน้านี้ แต่รายละเอียดไม่ได้ระบุว่าเป็นคำสั่งไล่รื้อภายในวันที่หรือตามเวลาที่กำหนดแต่อย่างใด โดยมีใจความว่า “ทวงคืนผืนป่า ตามประกาศจังหวัดชัยภูมิ ลงวันที่ 21 ส.ค.57 เรื่องการป้องกันและลักลอบตัดไม้และบุกรุกพื้นที่ป่าชัยภูมิ พื้นที่โคกยาว เนื้อที่ 80 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม” และลงท้ายว่าเป็นคำสั่งของกองทัพภาคที่สอง
“ จากที่พวกตนไม่แน่ใจว่าเป้าหมายในพื้นที่ 80 กว่าไร่ ที่ระบุตามป้ายนั้นเป็นพื้นที่บริเวณใด ขณะนี้พอเข้าใจแล้วต้องเป็นในพื้นที่ชุมชนโคกยาวแน่นอน ถือว่าเป็นการสร้างความหวาดผวา ทำให้ชาวบ้านหวั่นถึงภัยที่จะเกิดขึ้นอีก ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดนายอำเภอจึงมีคำสั่งในมติที่ประชุมว่าจะทำการไล่รื้อภายในกำหนด 19 วัน อีก และจะครบกำหนดให้รื้อถอน วันที่ 25 ต.ค.ที่จะถึงนี้ ทั้งที่ในพื้นที่พิพาทนั้นอยู่ในระหว่างการแก้ไขปัญหา ในขณะนี้ก็มีการเฝ้าระวังมากขึ้นกว่าเดิม หลายชีวิตต่างอยู่ในความวิตก หลายวันกันแล้วที่ทำให้นอนไม่ค่อยหลับไปตามๆกัน และในวันพรุ่งนี้พวกตนจะไปขอเข้าพบนายอำเภอร่วมกับพี่น้องบ่อแก้วอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมายังไม่มีอะไรเป็นเครื่องยืนยันให้กับความปลอดภัยของชีวิตพวก ตนได้เลย ” นายเด่น กล่าวเพิ่ม
ที่มา : สำนักข่าวปฎิรูปที่ดินภาคอีสาน