จากเกษตรกรคนไทยในประเทศญี่ปุ่นสู่บ้านเกิด
ข้าวคือชีวิต คือคำกล่าวที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของข้าวที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนหลายปากท้องโดยเฉพาะประเทศแถบเอเชียเรา และข้าวญี่ปุ่นก็ถือเป็นพืชที่สำคัญของญี่ปุ่นเช่นกัน เพราะชาวญี่ปุ่นรับประทานข้าวกันเป็นหลัก
ช่วงชีวิตหนึ่งเรื่องราวของ “เสกสรรค์ โพธิสาร” เจ้าของนาข้าวญี่ปุ่น ที่อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี เล่าว่าตัวเองนั้น เคยทำงานได้เป็นเกษตรกรอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นประมาณ 3 ปี สะสมประสบการณ์อยู่ที่นั่นมาเรื่อยๆ ได้เห็นชาวญี่ปุ่นทำเกษตรอินทรีย์แล้วรู้สึกว่าดูปลอดภัยมากกว่าที่เคยเห็นอยู่ไทยและคิดว่าน่าสนใจ และคงนำมาปรับให้เข้ากับประเทศไทยได้แน่นอน เขาจึงใช้เวลาเรียนรู้ ใช้ความคิดว่าทำอย่างไรถึงจะได้หลักการปลูกข้าวญี่ปุ่นกลับมาทำที่นาบ้านเราได้ เราก็ต้องขยันฝึกเก็บเกี่ยวความรู้ที่อยู่ตรงนั้นให้ได้มากที่สุด
ข้าวญี่ปุ่นเป็นข้าวที่มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยสารอาหารในหลายๆ ผลการวิจัย ข้าว หรือ ข้าวญี่ปุ่นนี้พบว่าเต็มไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน โซเดียม เส้นใยอาหารตลอดจนวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อร่างการ ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและยังให้พลังงานเป็นอย่างดี
ข้าวญี่ปุ่นใช้เวลาปลูกไม่นานเท่าข้าวไทย และยังสามารถปลูกได้ตลอดปี
พันธุ์ข้าวญี่ปุ่นที่พี่เสกสรรค์เลือกนำมาปลูกคือ พันธุ์ Koshihikari (โคชิ ฮิ คาริ) โดยเขาได้เล่าว่า ข้าวพันธุ์ Koshihikari เป็นข้าวเบอร์ 1 และยังเป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยม ดังนั้นจึงมีการเพาะปลูกมากที่สุดในญี่ปุ่นโดยคิดเป็น 1 ใน 3 ของการผลิตข้าวทั้งหมดเลยทีเดียว มีความเหนียวนุ่มมากกว่าพันธุ์อื่น ๆ และความหอมกำลังดี ถูกปากชาวญี่ปุ่นทั้งเด็กและผู้ใหญ่เป็นที่สุดถือเป็นราชาข้าวญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ข้าวพันธุ์นี้มีปลูกอยู่หลายจังหวัดในประเทศญี่ปุ่นมาก ๆ
การผลิตจะต่างจากข้าวของไทยเรา ด้วยรสสัมผัสก็ต่างกัน รูปร่างของเมล็ดข้าวก็ต่างกัน วิธีปลูกข้าวก็ต่างกัน ข้าวญี่ปุ่นจะไม่ใช่ข้าวที่ไวต่อแสง ใช้เวลาปลูกประมาณ 3-4 เดือน น้อยกว่าข้าวไทย
ข้าวญี่ปุ่นจะไม่ยืดและไม่ล้ม ในหนึ่งปีจะสามารถปลูกได้หลายครั้ง ในส่วนของพี่เสกสรรจะไม่ได้ทำหลายแปลงเพราะทำคนเดียว ปักดำ เก็บเกี่ยวคนเดียว และขายในราคากิโลกรัมละ 500 บาท ช่องทางการส่งออกของพี่เสกสรรค์ คือ กลุ่มทางFacebook ,Youtube ตอนนี้ถือได้ว่าเป็นรายได้หลักของครอบครัวเลยก็ว่าได้
ถ้าพูดถึงเรื่องปัญหาระหว่างการเริ่มปลูกข้าวก็มี เพราะข้าวช่วงออกรวงแรก ๆ แน่นอนว่านกต้องเข้ามาจิกกินแน่นอนแต่พี่เสกสรรค์ แต่เขาก็มีตัวช่วยไม่ให้นกเข้ามา อันดับแรกคือการเอาตาข่ายมาคลุมก่อนแล้วทำระฆังไล่นกด้วย ซึ่งพี่เสกสรรได้ทำขึ้นเอง เวลาลมมาพัดระฆังก็จะมีเสียงดังขึ้น ถ้าทำแบบนี้มีตาข่ายมาคลุมแปลงข้าวด้วยช่วยให้ได้เมล็ดข้าว 100% เลย
ทำเป็นพื้นที่แบ่งปันความรู้ ให้คนที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ได้ถึงทุ่งนา
คนที่สนใจที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรจะไปต่อยอดอย่างไงดี พอได้ข้าวมาแล้วเราจะทำอย่างไรต่อเพื่อให้ข้าวที่ปลูกมีมูลค่าเพิ่มขึ้น พี่เสกสรรค์ยินดีให้คำปรึกษาและสามารถเข้าไปเรียนรู้ได้ ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบทุกขั้นตอนทั้ง การเตรียมกล้า การปักดำ ตลอดจนถึงการเก็บเกี่ยวคนที่เข้ามาจะได้เห็นได้ฝึกทุกขั้นตอนโดยที่ไม่ต้องไปลองผิดลองถูกเอง
ความคิดที่แตกต่างของพี่เสกสรรค์ถือเป็นอีกหนึ่งต้นแบบที่ทำให้คนเรากล้าคิดที่วางแผน กล้าจะลงมือทำและเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ช่วยในการตัดสินของคนที่อยากกลับบ้านได้มากขึ้น