เหตุการณ์กะเหรี่ยงบ้านบางกลอยที่ชาวบ้านถูกเจ้าหน้าที่ภาครัฐบังคับให้ออกจากพื้นที่บ้านเกิดซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยดังเดิมของชาวบ้านที่อาศัยมาเป็นร้อยปี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยในหลายแง่มุมอาทิเช่น
1.เรื่องสิทธิการทำมาหากินของชาวบ้าน ชาวบ้านเหล่านี้ควรได้รับประโยชน์จากภาครัฐในฐานะพลเมืองของสังคมไทย
2. สิทธิการถือครองที่ดินและการจัดสรรที่ดินที่ภาครัฐไม่ได้เอื้อให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่
3.ภาครัฐไม่เข้าใจในเรื่องวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์
4.เจ้าหน้าที่ภาครัฐให้เหตุผลว่าชาวบ้านบุกรุกพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติทั้งที่ชาวบ้านได้อาศัยในพื้นที่ของพวกเขามานับร้อยปี
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่น้องชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยนั้นยังสะท้อนถึงอนาคตของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงรุ่นใหม่ว่าในภายข้างหน้า หากพวกเขาได้เผชิญกับปัญหาเชษฐเช่นเดียวกับพี่น้องชาวกะเหรี่ยงบางกลอย ว่าด้วยเรื่องสิทธิการทำมาหากินในพื้นที่ของตัวเอง เรื่องสิทธิมนุษย์ชน และพวกเขาเหล่านี้ยังคงต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องเรื่องเหล่านี้ให้กับตัวเองและพี่น้องของพวกเขาอีกหรือไม่ หากปัญหาเหล่านี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขแบบจริงจังปัญหาเช่นเดียวกับชาวบ้านบางกลอยก็จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ แล้วจะทำเช่นไรเพื่อจะไม่เกิดปัญหาแบบนี้กับกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงรุ่นต่อๆไป
ปัจจุบันมีจำนวนเยาวชนชาวกะเหรี่ยงจำนวนมากได้เข้ามาศึกษาในเมืองใหญ่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัว ณ หมู่บ้านของพวกเขาเหล่านี้ยังมีการทำไร่หมุนเวียนซึ่งเป็นแหล่งเลี้ยงชีพให้แก่ครอบครัวของพวกเขา หากภาครัฐยังไม่เร่งแก้ไขปัญหาการจัดสรรที่ดินให้แก่ชนกลุ่มน้อยแบบจริงจัง ผลกระทบและความไม่เข้าใจก็จะเกิดขึ้นไม่ต่างจากชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย และลูกหลานของชาติพันธุ์ชาวกะเหรี่ยงก็จะได้รับผลจากความไม่เป็นธรรมเช่นเคย
เยาวชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงหลายคนเมื่อจบการศึกษาแล้วก็อยากกลับไปพัฒนาชุนชมของพวกเขาเหล่านั้นเพื่อเป็นการพัฒนาชุมชนหรือส่งมอบความรู้ให้แก่ชาติพันธุ์ของพวกเขาผู้ซึ่งไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษา หากภาครัฐผู้ซึ่งดูแลการจัดสรรที่ดินได้ให้พื้นที่ ที่เหมาะสมให้แก่กลุ่มชาติพันธุ์และเข้าใจถึงวิถีชีวิตของคนบนพื้นที่สูง เชื่อว่าปัญหาเรื่องปากท้องของคนบนพื้นที่สูงนั้นจะมีน้อยลง
เสียงจากเยาวชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงรุ่นใหม่
“ดิฉันคิดว่าไม่ได้มีผลต่อแค่อนาคตเยาวชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงอย่างเดียวนะคะ มีผลต่อทุกเพศ ทุกวัย เมื่อเจอปัญหากับรัฐแบบนี้ ซึ่งเราไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นมาอีกไหมในอนาคตข้างหน้า แต่ตอนนี้บางกลอยเป็นพื้นที่ที่สร้างบทเรียนใหญ่โตให้กับคนทุกคนไม่ว่าจะเป็นชาติพันธุ์หรือคนเมือง เป็นประเด็นที่หลายคนเห็นความสำคัญเป็นอย่างมาก อยากให้กรณีบางกลอยนี้เป็นกรณีสุดท้ายของชาติพันธุ์เรื่องที่อยู่อาศัย อยากให้ภาครัฐหรือหน่วยงานเห็นความสำคัญของกลุ่มชาติพันธุ์หวังว่าชาวบ้านบางกลอยจะผ่านเหตุการณ์เหล่านี้ไปด้วยดี ถ้าเราแก้ปัญหาบางกลอยได้จะไม่มีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นในอนาคต”
ดวง ชาวชาติพันธุ์กะเหรี่ยงจังหวัดเชียงใหม่
“จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้พี่น้องชาวกะเหรี่ยงและรวมถึงพี่น้องชาติพันธุ์อื่นๆ มีความกระตือรือร้นมากขึ้นในเรื่องสิทธิต่างๆของตัวเองในสังคมไทย เนื่องด้วยสิ่งเหล่านี้เป็นภาวะใกล้ตัวของเขา อาจจะเป็นสาเหตุจากการที่เขาไม่มีโฉนดที่ดินไม่มีหลักฐานยืนยันว่าแหล่งอาศัยดังเดิมนี้คือบ้านพวกเขา มีเพียงคำพูดที่เป็นพยานหลักฐาน ซึ่งมันทำให้รู้สึกว่ามันไม่หนักแน่นมากพอที่จะทำให้ภาครัฐเชื่อ และแน่นอนสิ่งที่พวกเขาจะต้องทำเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกคือเรียกร้องความเป็นธรรม พยายาม หาหลักฐานยืนยัน คือ หาโฉนดที่ดินให้กับพื้นที่ที่ตัวเองอาศัย แต่ในทางกลับกันถ้าพวกเขาไม่คิดที่จะหาทางออก และลุกขึ้นมาเรียกร้องความเป็นธรรม ภายภาคหน้าพวกเขาก็จะต้องสูญเสียความเป็นเอกลักษณ์ของชาติพันธุ์ นั้นก็คือชาวกะเหรี่ยงกับธรรมชาติ และเยาวชนรุ่นใหม่ ก็จะมีความผูกพันกับธรรมชาติน้อยลง”
การถูกขับไล่ถือว่าเป็นอะไรที่ส่งผลกระทบอย่างมาก ต่อชุมชนหรือต่อบุคคลที่ถูกขับไล่ เพราะมันกระทบต่อการดำรงชีวิตที่เคยดำเนินในแต่ละวัน ส่งผลต่อจิตใจและความรู้สึกของผู้ที่ถูกขับไล่ ทำให้วิถีชีวิต ประเพณีและวัฒนธรรมที่เคยทำดำรงอยู่นั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงไป ถึงแม้หน่วยงานรัฐจะจัดเตรียมที่ให้แล้ว แต่มันอาจจะไม่ได้ตอบสนองต่อวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนนั้นๆอย่างแท้จริง และสำหรับตัวดิฉันเองที่เป็นชาติพันธุ์กะเหรี่ยงรุ่นใหม่ ดิฉันภูมิใจในความเป็นชาติพันธุ์ การที่ฉันได้รับรู้ว่ามีการขับไล่พี่น้องชาวบ้านบางกลอยนั้ด้ทำให้ตัวดิฉันเองยิ่งตระหนักว่าเราไม่ควรนิ่งนอนใจ เราควรจะต้องช่วยเหลือพวกเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเราต้องเป็นกระบอกเสียงและเรียนรู้เกี่ยวกับกฎหมายในด้านที่ดินมากขึ้นเพื่อช่วยให้เราสามารถเข้าใจถึงสิทธิในการถือครองที่ดิน
เร เยาวชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงจากเชียงใหม่ อำเภอแม่อาย