เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2559 ที่ผ่านมา 26 องค์กรเครือข่ายสมาชิกสภาประชาสังคมชายแดนใต้ ร่วมรับฟังการแถลงนโยบายยุทธศาสตร์ พ.ศ.2559 – 2561 ของสภาฯ นำโดย นายมูฮำมัดอายุบ ปาทาน ประธานสภาฯ พร้อมคณะกรรมการบริหารสภาฯ ณ ห้องสะบารัง โรงแรม ซี.เอส. ปัตตานี
นโยบายยุทธศาสตร์ของสภาประชาสังคมชายแดนใต้ ได้มาจากการร่วมกันถอดบทเรียนและกำหนดทิศทางการทำงานในวาระ 2 ปีของสภาฯ ผ่าน 3 ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเด็นและเครือข่าย ได้แก่
(1) การสร้างพื้นที่กลางและผลักดันเชิงนโยบายสร้าง/ขยายพื้นที่กลางให้กับภาคประชาชนที่มีความแตกต่างหลากหลาย ได้เข้ามามีส่วนร่วมใน กระบวนการสันติภาพเพื่อนำไปสู่การจัดทำข้อเสนอและผลักดันเชิงนโยบายด้วยความรู้แก่ทุกฝ่าย (2) การเสริมพลัง เพื่อสร้างความเข้มแข็งและอำนาจการต่อรองให้กับภาคประชาสังคม และภาคประชาชนในทุกมิติ และ (3) การขยายเครือข่ายองค์กรสมาชิก/สมาชิกของสภาประชาสังคม ชายแดนใต้รวมทั้งขยายเครือข่ายองค์กรภายในประเทศและต่างประเทศ
เอกสารประกอบการแถลงนโยบาย ยุทธ์ศาสตร์สภาประชาสังคมชายแดนใต้ (พ.ศ. 2559-2561)
สภาประชาสังคมชายแดนใต้ เกิดขึ้นตามมติของที่ประชุมนักพัฒนาอาวุโสและนักกิจกรรมเพื่อสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องการให้จัดตั้งองค์กรสภาประชาสังคมชายแดนใต้ เพื่อเป็นองค์กรประสานงานกลางของเครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคม ที่ดำเนินกิจกรรมพัฒนาสังคมอย่างถาวรขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2554
เวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในส่วนของแกนนำสมาชิกสภาประชาสังคมชายแดนใต้ ที่ผ่านมาได้มีการวิเคราะห์ ถึงจุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส และอุปสรรค (ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก) ในการทำงานของสภาประชาสังคมที่ผ่านมาและการวางทิศทางต่อไปในอนาคต ซึ่งจะมีการกำหนดยุทธศาสตร์ของสภาฯ ชุดใหม่ ในปี 2559 นี้ จุดแข็งของสภาฯ ในการทำงานที่ผ่านมาคือ เป็นพื้นที่ที่สมาชิกและเครือข่ายสามารถที่จะหยิบยกประเด็นมาพูดคุยได้ทุกเรื่อง มีความหลากหลายของสมาชิกสูง ทำให้บทบาทของสภาฯ ได้รับการยอมรับที่เป็นทางการ สามารถที่จะทำงานเชื่อมต่อภาคประชาสังคมได้จริง อีกทั้งที่ผ่านสภาฯ มีความโดดเด่นในการขับเคลื่อนประเด็นกระบวนการสันติภาพและกระจายอำนาจ ส่วน จุดอ่อนของสภาฯ คือ การกำหนดยุทธศาสตร์ที่ผ่านมากว้างเกินไป ไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ทุกเรื่อง มีสมาชิกยังน้อยและยังไม่ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังขาดคนรุ่นใหม่เข้าร่วมทำงานในฐานะสมาชิกสภาฯ และทำงานยังเป็นลักษณะตั้งรับขาดการสื่อสารต่อสังคมภายนอกทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ นอกจากนี้ยังมี อุปสรรคบางอย่างที่อาจต้องคำนึงในการกำหนดยุทธศาสตร์หรือทิศทางการทำงานในอนาคต คือ ภายใต้ห้วงเวลาของการอยู่ภายใต้รัฐบาลทหาร อาจทำให้เป็นอุปสรรคในการทำงาน เนื่องจากช่องทางกฎหมายบางอย่างที่จำกัดการทำงาน และการที่องค์กรภาคประชาสังคมบางส่วนนั้นได้รับการจัดตั้งโดยฝ่ายรัฐอาจทำให้ความเป็นอิสระในการทำงานของภาคประชาสังคมหายไป อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางอุปสรรคก็ยังมีโอกาสที่เมื่อนำมาวิเคราะห์ร่วมกับจุดแข็งก็จะเห็น โอกาสในการทำงานของภาคประชาสังคมมากขึ้นคือ การที่มีองค์กรภายในและภายนอกหนุนเสริมประเด็นสันติภาพมากขึ้น อีกทั้งโอกาสที่เกิดจากนโยบาย สภาความมั่นคงแห่งชาติ สมช.ปี 2555 – 2557 ว่าด้วยเรื่อง การบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 230/2557 ว่าด้วย “การจัดตั้งกลไกการขับเคลื่อนกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข จังหวัดชายแดนใต้” ที่เอื้อให้เกิดการพูดคุยสันติภาพ การมีช่องทางสื่อสาร โดยเฉพาะ social media และบรรยากาศของการเปิดประชาคมอาเซียน ก็เป็นโอกาสที่สภาฯจะได้ทำงานเชื่อมต่อทั้งในด้านการดำเนินโครงการและองค์ความรู้จากประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ซึ่งจากการวิเคราะห์ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกสามารถที่จะกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ของสภาฯได้ดังนี้ 4. วิสัยทัศน์ : 5. พันธกิจ : 6. เป้าหมาย : 7. ยุทธศาสตร์ 3 ประการ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 การสร้างพื้นที่กลางและผลักดันเชิงนโยบาย ( Common Space and Advocacy) สร้าง/ขยายพื้นที่กลางให้กับภาคประชาชนที่มีความแตกต่างหลากหลาย ได้เข้ามามีส่วนร่วมใน กระบวนการสันติภาพเพื่อนำไปสู่การจัดทำข้อเสนอและผลักดันเชิงนโยบายด้วยความรู้แก่ทุกฝ่าย ยุทธศาสตร์ที่ 2 การเสริมพลัง (Empowerment) เสริมพลัง สร้างความเข้มแข็งและอำนาจการต่อรองให้กับภาคประชาสังคม และภาคประชาชนในทุกมิติ ยุทธศาสตร์ที่ 3 การขยายเครือข่าย (Networking) ขยายองค์กรสมาชิก/สมาชิกของสภาประชาสังคม ชายแดนใต้รวมทั้งขยายเครือข่ายองค์กรภายในประเทศและต่างประเทศ
|
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
สภาประชาสังคมใต้แถลงยุทธศาสตร์ใหม่ สร้างพื้นที่กลาง-ผลักดันประชาชนร่วมกระบวนการสันติภาพ
Download เอกสารประกอบการแถลงนโยบาย ยุทธ์ศาสตร์สภาประชาสังคมชายแดนใต้ (พ.ศ. 2559 – พ.ศ. 2561)