“ยกเลิกไม่เท่ากับเพิกถอน” เดินหน้าฟ้องคดีเพิกถอนสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง เรียกค่าเสียหายเพิ่มเติม

“ยกเลิกไม่เท่ากับเพิกถอน” เดินหน้าฟ้องคดีเพิกถอนสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง เรียกค่าเสียหายเพิ่มเติม

7 นิสิต-นักศึกษา ยื่นฟ้องนายกฯ และพวกรวม 6 คน ฐานละเมิด เรียกร้องค่าเสียหายรวม 3.5 ล้านบาท จากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในสถานการณ์ร้ายแรง มิชอบด้วยกฎหมาย

27 พ.ย. 63 ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก กลุ่มนิสิตนักศึกษาและภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ยื่นฟ้อง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ได้แก่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 2 , พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่ 3,สำนักนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 4, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่ 5 และกระทรวงการคลัง จำเลยที่ 6

เพื่อเรียกค่าเสียหายจากเหตุละเมิดเสรีภาพในการชุมนุม และขอให้เพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมี ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ และนิสิต นักศึกษารวม 7 คน เป็นโจทก์

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2563 กลุ่มนิสิตนักศึกษาร่วมกับเครือข่ายทนายความสิทธิมนุษยชน 8 องค์กร ได้ฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง ณ ศาลแพ่งรัชดา เพื่อให้เพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง รวมทั้งประกาศและคำสั่งที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และยื่นขอคุ้มครองชั่วคราวพร้อมทั้งขอไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อยืนยันว่ารัฐบาลต้องเคารพต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยมีนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้ฟ้องคดีจำนวน 6 คน

หนึ่งฤทัย กิจการศุภฤกษ์ ตัวแทนนักศึกษา กล่าวว่า ในวันนี้เป็นการฟ้องเรื่อง พ.ร.บ.ฉุกเฉินเหมือนเดิม แต่มีการถอนฟ้องคดีเก่าเพราะตัวมูลคดีไม่มีแล้ว ส่วนคดีใหม่จะมีการเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติม เนื่องจากประกาศดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพทั้งทางการเมือง การเดินทาง ทางร่างกาย และทางความคิดจึงสามารถเรียกค่าเสียหายได้ โดยเรียกค่าเสียหายจำนวน 5 แสนบาทต่อคน รวม 3.5 ล้านบาท

จำนวนดังกล่าว คำนวณแล้วไม่มากเกินความเป็นจริง เช่น การที่รัฐบาลสั่งปิดเส้นทาง ปิดทางเข้า-ออกพื้นที่ชั้นในกรุงเทพฯ การสั่งปิดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสและเอ็มอาร์ที ทำให้ไม่สามารถเดินทางโดยปกติได้หรือต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการเดินทาง ซึ่งตรงนี้ผู้ได้รับผลกระทบทุกคนไม่เพียงเฉพาะผู้ชุมนุมสามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ นอกจากนี้ มีการละเมิดทางร่างกาย เช่น ผู้เข้าร่วมชุมนุมบางคนถูกจับกุมทั้งที่ความจริงแล้วไม่สมควรถูกจับ และมีผู้ชุมนุมบางคนได้รับผลกระทบจากการใช้แก๊สน้ำตา อีกทั้งมีการละเมิดสิทธิการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง

สุรชัย ตรงงาม ทนายความภาคีนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า การฟ้องคดรครั้งนี้เป็นการฟ้องเพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เนื่องจากไม่มีเหตุในการประกาศและเป็นการละเมิดสิทธิ ถึงแม้ว่าจะมีการยกเลิกประกาศฯ ไปแล้ว แต่การยกเลิกไม่เท่ากับเพิกถอน เพราะรัฐยังยืนยันว่าหารประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงนั้นถูกต้องตามกฎหมาย และมาตราการในการดำเนินการต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อประชาชน รวมทั้งปัจจุบันมีนักศึกษาและประชาชนที่โดนดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กว่า 30 คน ซึ่งข้อหานี้ยังมีการดำเนินการอยู่

“การมาฟ้องเพิกถอนจึงเป็นการพยายามมาบอกว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ของรัฐ ตั้งแต่ 14 – 22 ต.ค. 2563 นั้นมิชอบ และรัฐไม่ควรจะอ้างความเป็นโมฆะแบบนั้นมาดำเนินคดีทางอาญากันนักศึกษาและผู้ชุมนุม” สุรชัยกล่าว

ทนายความภาคีนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการยื่นฟ้อง ซึ่งศาลน่าจะมีนัดไต่สวนขอยกเว้นค่าธรรนเนียมศาลในวันนี้

ส่วนกรณีผู้ได้รับบาดเจ็บจากน้ำสารเคมีในการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ ทนายความภาคีนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า คดีนี้เป็นเพียงซีรีย์หนึ่งของคดีในช่วงของการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ส่วนเหตุการณ์วันอื่น ๆ จะทยอยดำเนินคดีต่อไป ส่วนความเสียหายนั้นขึ้นอยู่กับการตีความ การเสียหายทางกายภาพก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ส่วนหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือความเสียหายที่กระทบต่อเสรีภาพ และสิทธิของชีวิต ร่างกาย หรือศักศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ชุมนุม ดังนั้นพูดง่าย ๆ ว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทั้งหมดสามารถมาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ เพราะการชุมนุมดังกล่าวเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญและกติกาสากลระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ กรณีการฟ้องคดีเพิกถอนสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา โดยศาลรับฟ้องทั้ง 3 สำนวน คือ 1.การยื่นฟ้องกลุ่มนักศึกษา 2.การยื่นฟ้องโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กับพวก และ 3. การยื่นฟ้องโดย นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กับพวก ก่อนนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศยกเลิกเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2563 ประกาศในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

Prev

June 2025

Next

Mon

Tue

Wed

Thu

Fri

Sat

Sun

26
27
28
29
30
31
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
1
2
3
4
5
6

1 June 2025

Nothing to show.

เข้าสู่ระบบ