ก่อนไปติดตามสถานการณ์ ผมจะเล่าคร่าว ๆ แบบนี้ก่อนนะครับ เพราะหลายคนคงสงสัยว่ามันคือคดีอะไร ผมจะเล่าแบบกระชับ ๆ โดยไล่เป็น Time line ให้ได้เข้าใจเป็นลำดับ
14 ธันวาคม 62 ธนาธร นัดชุมนุมสกายวอล์ก กรณีปล่อยเงินกู้ให้พรรคเพื่อทำกิจกรรมในช่วงเลือกตั้ง
14 ธันวาคม 62 เพจ “สมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย” โพสต์เชิญชวนแฟลช ม็อบ #ไม่ถอยไม่ทน ที่ประตูท่าแพเชียงใหม่ คู่ขนานไปกับหลาย ๆ จังหวัด
14 ธันวาคม 62 เพจดังกล่าว ถูกแจ้งข้อหาชุมนุมโดยไม่แจ้ง
24 ธันวาคม 62 เจมส์ ประสิทธิ์ น.ศ. คณะมนุษยศาสตร์ มช. เดินทางไปที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ ยืนยันเป็นผู้ดูแลเพจ
9-11 กันยายน 63 ศาลแขวงเชียงใหม่ นัดสืบพยานในคดีของ เจมส์ ประสิทธิ์
ปล. รายละเอียดคดีและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ใครที่อยากอ่านต่อ ผมจะแปะไว้ล่างสุดนะครับ
ต่อครับ จาก Time line ที่เล่ามา ผู้อ่านคงพอเข้าใจในสถานการณ์เบื้องต้นนะครับ ทีนี้ผมอยากจะชวนติดตามสถานการณ์ต่อครับ ว่าหลังจากที่ศาลแขวงเชียงใหม่ นัดสืบพยานในคดีดังกล่าว ในวันพุธที่ 9 กันยายน 63 ที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง
“คดีนี้เริ่มมาตั้งแต่ 14 ธันวาคม 62 ที่มีการจัดชุมนุม ซึ่งมันรับกับการจัดชุมนุมที่ธนาธรนัด ทีนี้ ทางเชียงใหม่ก็มีคนบอกว่าอยากจัดบ้าง ๆ มีการรวมตัวโดยการตั้งต้นวางแพลนจากกลุ่มไลน์ก่อน และเริ่มมีการโพสต์ Facebook ถึงการชุมนุม ว่าจัดวันไหน เวลาเท่าไร จากนั้นเพจสมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย ที่ผมเป็นแอดมิน ก็ได้เอามาโพสต์อีกครั้ง เพื่อเชิญชวนให้เข้ามาร่วม นั่นทำให้ตำรวจไปแจ้งความจับเพจสมัชชาฯ”
เจมส์ ประสิทธิ์ ครุธาโรจน์
“ในตอนนั้นผมรู้สึกว่ากระบวนการล่าช้า และเราก็อยากแสดงว่าเราไม่ได้มีความผิดอะไร ก็เลยเดินทางไปแสดงตัวกับตำรวจ ว่าเราเองที่เป็นแอดมิน ซึ่งตำรวจก็แจ้งความกลับมา ตอนนี้ก็ผ่านกระบวนการตั้งแต่ตำรวจ อัยการ จนตอนนี้มาสู่กระบวนการของศาล ซึ่งต่อจากนี้ต้องรอดูว่าศาลจะมีดุลยพินิจจะตัดสินอย่างไรต่อไป”
เจมส์ ประสิทธิ์ ครุธาโรจน์
สถานการณ์การนัดสืบพยานดังกล่าวในวันแรก พนักงานสอบสวนยังคงแจ้งข้อกล่าวหากับเจมส์ ประสิทธิ์ ครับ และเขาก็ให้การปฏิเสธทั้งในชั้นสอบสวนและในชั้นศาล ไปลองฟังมุมมองเรื่องกฎหมายกันสักหน่อยครับ ว่าการกระทำดังกล่าวของ เจมส์ ประสิทธิ์ ถูกหรือผิดต่อกฎหมายอย่างไร
“สำหรับการต่อสู้คดีนี้ หลัก ๆ จะเป็นเรื่องเจตนาของผู้จัด เรากำลังต่อสู้ว่าน้องเจมส์ ไม่ใช่ผู้ประสงค์ที่จะจัดการชุมนุมโดยเจตนาแน่นอน ประเด็นที่ 2 คือ เจตนารมณ์ตามกฎหมาย พรบ. ชุมนุมสาธารณะปี 2558 คือผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุมต้องแจ้ง เพื่อให้มีการอำนวยความสะดวก หรือดูแลความสงบเรียบร้อยเท่านั้น ถ้าไม่ได้แจ้งถือว่าผิดกฎหมาย นั่นไม่ถูกต้อง การแจ้งหรือไม่แจ้ง มันไม่ได้ทำให้การชุมนุมชอบด้วยกฎหมาย การชุมนุมทุกอย่างในประเทศไทย มันมีสิทธิและเสรีภาพที่สามารถทำได้ ภายใต้ขอบเขตตามกฏหมายรัฐธรรมนูญสิทธิและเสรีภาพในการชุมนุม”
สุทธิเกียรติ ธรรมดุล ทนายที่ดูแลคดีนี้
ในณะเดียวกัน ภัควดี วีระภาสพงษ์ นักเขียน/นักกิจกรรมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย หนึ่งในฝ่ายจำเลยแถลงสืบพยาน ที่เดินทางไปให้ความเห็นต่อคดีนี้ ก็บอกว่า
“นี่คือการกระทำที่รัฐพยายามสร้างภาระให้นักกิจกรรมทางการเมือง เพื่อปิดปาก”
“คดีแบบนี้เราเรียกว่า คดีปิดปาก คือพยายามหาภาระทางคดีให้แก่นักกิจกรรมทั้งหลาย ทั้งที่นักกิจกรรมเหล่านี้ไม่ได้ผิดกฎหมาย เพราะรัฐบาลเองก็เคยพูดว่า การรวมตัวชุมนุมโดยสันติมันเป็นสิทธิทางรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็ยังพยายามยัดเยียดภาระทางคดีนี้ให้แก่นักกิจกรรมอยู่”
ภัควดี วีระภาสพงษ์ นักเขียน/นักกิจกรรมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย
ต่อจากนี้ก็คงต้องติดตามความคืบหน้าต่อไปครับ ว่าศาลจะวินัจฉัยคดีนี้ออกมาอย่างไร
แล้วคุณล่ะครับ คิดว่าคดีนี้ เจมส์ ประสิทธิ์ ทำถูกหรือไม่?
รายละเอียดคดีและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
นายประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แอดมินเพจสมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย ถูกฟ้องในข้อหา “เป็นผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งการชุมนุมก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง” ตามพ.ร.บ การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 มาตรา 10 จากการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบ #ไม่ถอยไม่ทน ที่ลานอเนกประสงค์ประตูท่าแพ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2562 โดยข้อหาไม่แจ้งการชุมนุมสาธารณะ มีโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท”
ที่มา / อ่านต่อ https://www.csitereport.com/#!/newsfeed?id=0000014061
