แถลงการณ์ด้วยลายมือ กรณ์อุมา พงษ์น้อย ภรรยาของเจริญ วัดอักษร และประธานกลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก ถูกเขียนขึ้นระหว่างฟังการพิพากษาศาลฎีกาคดีจ้างวานฆ่านายเจริญ วัดอักษร เมื่อปี 2547 ในวันนี้ (13 ต.ค.2558)
ทั้งนี้ ศาลพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องจำเลยทั้ง 3 คน คือ นายธนู หินแก้ว นายมาโนช หินแก้ว และนายเจือ หินแก้ว รวมทั้งให้ถอนหมายจับนายธนู หินแก้ว
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคำให้การของจำเลยที่ 1 และ 2 ซึ่งเป็นกลุ่มมือปืนที่เสียชีวิตเมื่อ ส.ค.2549 ขณะถูกคุมขังในเรือนจำ ระหว่างการพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นไม่มีน้ำหลักเพียงพอ
อีกทั้งโจทก์ไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยทั้ง 3 เป็นผู้จ้างวานฆ่า และมีส่วนในผลประโยชน์จากโครงการโรงไฟฟ้าบ่อนอก จึงไม่มีหลักฐานหนักแน่นเพียงพอ
แถลงการณ์ฟังคำพิพากษาคดีฆ่าเจริญ 1) เราไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลฎีกา แต่ในฐานะประชาชนเราก็จำต้องยอมรับคำตัดสินนั้น 2) 11 ปี ของการติดตามคดีสังหาร “เจริญ วัดอักษร” เราได้เรียนรู้ว่ากระบวนการยุติธรรมไม่มีวันเอื้อมไปถึงผู้บงการฆ่าได้ ถ้ามีกระบวนทำให้มือปืนตายก่อนไปให้ปากคำต่อหน้าศาล ซึ่งหมายความว่า ประชาชนที่ต่อสู้กับอิทธิพลอำนาจเถื่อน คงคาดหวังจะได้รับความคุ้มครองจากขบวนการยุติธรรมได้ยากเต็มที 3) ความบิดเบี้ยวของกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน จนถึงการใช้ดุลย์พินิจของตุลาการทุกระดับ ต้องได้รับการปฏิรูปโดยเร่งด่วน ให้มีความโปร่งใสตรวจสอบสอบได้ ไม่เช่นนั้น คนชั่วก็จะลอยนวลออกไปก่อกรรมทำเข็ญอีก ขณะเดียวกันคนบริสุทธิ์กลับถูกจองจำ ดังเช่นพี่น้องเราที่บางสะพานที่คัดค้านโครงการโรงถลุงเหล็กสหวิริยา ตอนนี้ถูกพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 21 ปี อยู่ 1 คน และอีก 4 คน กำลังรอคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งคงรอดยากเพราะเป็นคดีเดียวกัน เชื่อไหมว่า 1 ในผู้ต้องหาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วยซ้ำ การปล่อยผู้ต้องหาบงการฆ่า “เจริญ วัดอักษร” ในวันนี้ คงทำให้กลุ่มนักการเมืองอิทธิพลในพื้นที่ จ.ประจวบยิ่งเหิมเกริมมากขึ้น ซึ่งคงทำให้เราทำงานเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งนิเวศในท้องถิ่นอย่างยากลำบากยิ่งขึ้น อยากให้ผู้สื่อข่าวช่วยกันติดตามการต่อสู้ของชาวบ่อนอก เพื่อรักษาระบบนิเวศชายฝั่งอันเป็นฐานทรัพยากรของเราไม่ให้ถูกส่วนราชการ จ.ประจวบฯ สมคบกับนักการเมืองและกลุ่มทุนในพื้นที่ แย่งชิงไปสร้างมหาวิทยาลัยประจำจังหวัด ซึ่งทวีความตึงเครียดมากขึ้นทุกวัน |