พลเอกอนุพงษ์ รมว.มหาดไทย (กลาง) มอบทะเบียนบ้าน 20 หลังแรกให้ชาวชุมชนประชาร่วมใจ 2
ชุมชนร่วมใจ 2 เขตจตุจักร / พลเอกอนุพงษ์ รมว.มหาดไทยมอบทะเบียนบ้านชุมชนประชาร่วมใจ 2 เขตจตุจักรที่ย้ายบ้านออกจากแนวคลองเปรมประชากร-แนวก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วม โดยสร้างบ้านใหม่ในเฟสแรกเสร็จ 20 หลังแรก เพื่อเปิดพื้นที่ริมคลองให้รัฐบาลพัฒนาคลองเปรมฯ ทั้งระบบ เช่น ป้องกันน้ำท่วม บำบัดน้ำเสีย เพิ่มพื้นที่สีเขียว เชื่อมโครงข่ายคมนาคม และพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวชุมชนริมคลอง ขณะที่ พอช.เดินหน้าสนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยในชุมชนริมคลองลาดพร้าวและคลองเปรมฯ โดยในคลองลาดพร้าวขณะนี้สร้างบ้านเสร็จแล้ว2,931 หลัง
ตามที่รัฐบาลมีแผนการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ริมคลองในคลองสายหลักของกรุงเทพฯ และก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 เริ่มในคลองลาดพร้าว โดยให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. จัดทำแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองที่ต้องรื้อย้ายออกจากแนวคลองและแนวเขื่อน และ กทม. รับผิดชอบการสร้างเขื่อนฯ ต่อมาในปี 2562 จึงเริ่มดำเนินการในคลองเปรมประชากร และเริ่มรื้อย้าย-สร้างบ้านใหม่ที่ชุมชนประชาร่วมใจ 2 เขตจตุจักร เมื่อต้นปี 2563 ที่ผ่านมา โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงเสาเอกก่อสร้างบ้าน
บ้านเฟสแรก 20 หลังที่สร้างเสร็จแล้ว
รมว.มหาดไทยมอบทะเบียนบ้าน 20 หลังแรก
ล่าสุดวันนี้ (24 กรกฎาคม) พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา และคณะได้เดินทางมาที่ชุมชนประชาร่วมใจ 2 เขตจตุจักร เพื่อตรวจเยี่ยมการพัฒนาคลองเปรมประชากร และมอบทะเบียนบ้านให้แก่ชาวชุมชนที่สร้างบ้านเสร็จแล้วเฟสแรก จำนวน 20 หลัง โดยมีผู้แทนหน่วยงานต่างๆ เช่น พลโทธรรมนูญ วิถี แม่ทัพภาคที่ 1 นายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ในฐานะผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และชาวชุมชนริมคลองเข้าร่วมงานประมาณ 100 คน
พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ประชาชนหรือพี่น้องหลายๆ คนที่ไม่มีที่อยู่อาศัยได้เข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน ซึ่งเป็นที่ดินของราชพัสดุ ทำให้การเข้ามาอยู่ของพวกเราไม่ถูกกฎหมาย ปัญหาหลักๆ อีกอย่างคือเรื่องน้ำเสียลงไปในคลอง รัฐบาลจึงมีโครงการนี้ขึ้นมา เพื่อมาดูแล จัดระเบียบ ให้พี่น้องไม่ได้รับผลกระทบ ให้พี่น้องได้มีที่อยู่อาศัย โดยให้ทาง พอช. หรือสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ภายใต้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เข้ามาช่วยดูแลตรงนี้
พลเอกอนุพงษ์กล่าวต่อไปว่า วันนี้ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งสำนักงานเขต ทหาร การไฟฟ้า การประปา ตำรวจ มาช่วยกันสร้างที่อยู่อาศัยให้ ส่วนทางประชาชนก็มีหน้าที่ที่จะต้องผ่อนชำระบ้าน แต่เป็นบ้านของตัวเอง บนที่ดินราชพัสดุ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พี่น้องประขาชนที่นี่ให้ความร่วมมือดีมาก ต้องขอบคุณผู้นำต่างๆ ในชุมชนประชาร่วมใจ 2 และความร่วมมือจากเด็กๆ ก็มีส่วนร่วมแรงร่วมใจกันทำ แล้วเด็กที่นี่เขาทันสมัย รู้เรื่องระบบไฟ ระบบน้ำ และอีกอย่างที่นี่ทำระบบน้ำใหม่ ของเสียจะไม่ลงไปในคลอง จะถูกส่งไปบำบัด รวบรวมน้ำเสียไปที่อื่น เพราะฉะนั้นที่นี่จะไม่ไปก่อมลภาวะให้คลองเปรมประชากรในอนาคต
“เพราะฉะนั้นคลองเปรมในอนาคตก็จะสวยงาม เราก็จะมีบ้านให้ลูกหลานในอนาคต ได้มีชีวิตที่ดี เพื่อจะได้มีโอกาสที่จะพัฒนาตัวเอง เรียนหนังสือ เขาอาจจะไปเป็นหมอ เป็นอาจารย์ หรือเป็นข้าราชการก็เป็นได้ ผมได้เห็นความเข้มแข็ง การร่วมมือร่วมใจของชุมชน ทำการประชุม หารือ วางกฎ กติกากันเอง เร็วๆ นี้ทางชุมชนก็จะเริ่มย้ายเข้ามาอยู่กันแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ผมรู้สึกยินดีด้วยอย่างยิ่ง” พลเอกอนุพงษ์กล่าว
นางปัทมา อาทรมนัสชุม ผู้ที่อยู่อาศัยในบ้าน 20 หลังแรก บอกว่า รู้สึกดีใจมากเพราะพวกเราอยู่กันที่นี่มา 40-50 ปีแล้ว ไม่มีใครอยากย้ายไปที่ไหน ตรงนี้เหมือนเป็นชีวิตและเป็นครอบครัวของเรา การเข้าร่วมโครงการนี้ทำให้บ้านของเราถูกกฎหมายอยู่ได้โดยไม่หวาดระแวง และหวังว่าเรื่องยาเสพติดจะน้อยลง เพราะว่าเวลาพื้นที่พัฒนาขึ้น สังคมก็จะพัฒนาขึ้นไปด้วย
“พอได้บ้านใหม่ตรงนี้ สิ่งที่เรารู้สึกได้คือการพัฒนาคุณภาพชีวิต ไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน จากแต่ก่อนที่เคยอยู่กันแบบไม่มีระเบียบ ใครอยากทำอะไรก็ทำ เพราะเป็นสังคมแออัด ไม่ค่อยมีความเกรงใจกัน แต่พอเริ่มสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ เราได้มีการวางกฎระเบียบเพื่อรักษาสังคมของเราให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น ต่อไปสิ่งที่เราอยากจะพัฒนาก็คือ การสร้างอาชีพให้ชุมชนว่าตรงนี้เปรียบเสมือนหัวใจของชุมชน มีลานกีฬา มีตลาด เราอยากจะจัดทำตลาดชุมชน เพื่อในอนาคตเมื่อมีการส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวชุมชน ชุมชนเราจะได้มีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง” นางปัทมากล่าว
นางสมร จันทร์ฉุน ผู้นำชาวชุมชนประชาร่วมใจ 2 กล่าวว่า โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมฯ พอช.สนับสนุนงบประมาณครัวเรือนละ 147,000 บาท เพื่อก่อสร้างสาธารณูปโภค อุดหนุนการสร้างบ้าน และงบสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย วงเงินครัวเรือนละไม่เกิน 360,000 บาท ผ่อนชำระ 20 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4%
ส่วนแบบบ้านมีหลายขนาดเพื่อให้ชาวชุมชนได้ร่วมออกแบบและเลือกให้ตรงกับความต้องการ ส่วนใหญ่เป็นบ้านแถว เช่น บ้านแถวชั้นเดียว ขนาด 4 X 7 ตารางเมตร ราคา 290,000 บาท ผ่อนชำระเดือนละ 1,500 บาท บ้านแถวสองชั้น ขนาด 4 X 7 ตารางเมตร ราคา 450,000 บาท ผ่อนชำระเดือนละ 2,600 บาท บ้านแถวสองชั้น ขนาด 5 X 6 ตารางเมตร ราคา 450,000 บาท ผ่อนชำระเดือนละ 2,600 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระ 20 ปี
ชุมชนประชาร่วมใจ 2 ถือเป็นชุมชนแห่งแรกในคลองเปรมประชากรที่ชาวชุมชนร่วมใจกันรื้อบ้านออกจากแนวคลองเพื่อให้รัฐบาลดำเนินการพัฒนาคลองเปรมฯ ทั้งระบบ โดยรื้อย้ายและก่อสร้างบ้านใหม่ทั้งหมด 203 หลัง สร้างเสร็จแล้ว 20 หลัง ส่วนที่เหลือกำลังทยอยสร้าง โดยก่อนหน้านี้หน่วยงานต่างๆ เช่น พอช. กองทัพภาคที่ 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร กรมธนารักษ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ สำนักงานเขตต่างๆ และหน่วยงานในท้องถิ่นจังหวัดปทุมธานี ได้ร่วมกันจัดเวทีประชุมสร้างความเข้าใจกับชาวชุมชนเพื่อให้เข้าร่วมโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยมีชุมชนที่เข้าร่วมทั้งหมด 32 ชุมชนในเขตกรุงเทพฯ และ 6 หมู่บ้านในเขต จ.ปทุมธานี รวมทั้งหมด 6,386 ครัวเรือน
พอช.สนับสนุนการพัฒนาที่อู่อาศัยชุมชนคลองเปรมฯ 6,386 ครัวเรือน
นายธนัช นฤพรพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กล่าวว่า ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาคลองเปรมฯ ทั้งหมดนี้ จะต้องรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวคลองและแนวก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำ และปรับผังชุมชนเพื่อก่อสร้างบ้านและชุมชนใหม่ในที่ดินเดิม โดยชุมชนจะต้องรวมตัวกันจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์และจดทะเบียนเป็นสหกรณ์เคหสถาน เพื่อให้มีสถานะเป็นนิติบุคคลและร่วมกันบริหารจัดการโครงการ (ขณะนี้จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์แล้ว 33 ชุมชน และจัดตั้งสหกรณ์แล้ว 9 สหกรณ์จาก 16 ชุมชน) และจะต้องทำสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุเพื่อสร้างบ้านจากกรมธนารักษ์อย่างถูกต้อง เปลี่ยนสถานะจากผู้บุกรุกเป็นชุมชนที่เช่าที่ดินอย่างถูกกฎหมาย ระยะเวลาเช่าช่วงแรก 30 ปี ในอัตราค่าเช่าผ่อนปรน
พลเอกอนุพงษ์ดูแบบจำลองการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมฯ
ส่วนการสนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมฯ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ จะสนับสนุนงบประมาณให้แก่ชุมชนและครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 6,386 ครัวเรือน ในพื้นที่ 38 ชุมชน/หมู่บ้าน โดยคาดการณ์ว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 3,514.46 ล้านบาท แยกเป็นงบสนับสนุนประชาชนกลุ่มเป้าหมาย 1,215.50 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อปลูกสร้างบ้าน 2,298.96 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างบ้านในปี 2563 นอกจากนี้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสนับสนุนให้ชาวชุมชนร่วมกันพัฒนาสิ่งแวดล้อม การจัดการขยะ พัฒนาและส่งเสริมอาชีพ รวมทั้งพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรทุกกลุ่มวัย
แผนพัฒนาคลองเปรมทั้งระบบ
คลองเปรมประชากรมีความยาวทั้งหมด 50 กิโลเมตรเศษ เริ่มจากคลองผดุงกรุงเกษม กรุงเทพฯ-ปทุมธานี-พระนครศรีอยุธยา สภาพทั่วไปของคลองเปรมประชากรมีปัญหาการปลูกสร้างบ้านรุกล้ำคลองเป็นจำนวนมาก ชุมชนริมคลองส่วนใหญ่มีสภาพความเป็นอยู่ที่แออัด มีปัญหาขยะและน้ำเสีย สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม อีกทั้งสิ่งก่อสร้างรุกล้ำคลองเป็นอุปสรรคในการระบายน้ำ
ส่วนการพัฒนาคลองเปรมฯ ทั้งระบบจะใช้ระยะเวลา 9 ปี (พ.ศ.2562-2570) แยกเป็น 1. โครงสร้างพื้นฐาน ระยะเร่งด่วน ปี 2562 – 2565 จำนวน 4 โครงการ วงเงิน 4,448 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ป้องกันน้ำท่วมและบำบัดน้ำเสียคลองเปรมประชากรทั้งระบบ ตั้งแต่กรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา โดย กทม. จะก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำจากถนนเทศบาลสงเคราะห์–สุดเขต กทม. ระยะทางทั้ง 2 ฝั่งประมาณ 27.20 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้ก่อสร้างเขื่อนฯ ช่วงแรกในเขตดอนเมือง ระยะทาง 580 เมตรเสร็จแล้ว
กรมชลประทานดำเนินการขุดลอกคลองเปรมประชากรในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีจากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ – คลองเชียงรากน้อย ระยะทาง 15.3 กิโลเมตร วงเงิน 16 ล้านบาท และขุดลอกคลองเปรมประชากรในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากคลองเชียงรากน้อย – สถานีสูบน้ำเปรมเหนือบางปะอิน ระยะทาง 8.1 กิโลเมตร วงเงิน 9 ล้านบาท ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานต่างๆ ร่วมสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ริมคลอง สร้างพื้นที่สีเขียว พัฒนาเส้นทางจักรยานเลียบคลอง เชื่อมเส้นทางคมนาคมทั้งทางรถไฟและรถไฟฟ้า
ส่วนความคืบหน้าการพัฒนาที่อยู่อาศัยในคลองลาดพร้าว ขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 35 ชุมชน รวม 3,353 ครัวเรือน (สร้างบ้านเสร็จแล้ว 2,931 หลัง) จากทั้งหมด 50 ชุมชน รวม 7,069 ครัวเรือน ในพื้นที่ 7 เขต คือ เขตสายไหม ดอนเมือง หลักสี่ บางเขน จตุจักร ห้วยขวาง และวังทองหลาง
สภาพบ้านในคลองลาดพร้าวก่อนปรับปรุง
บ้านที่รื้อย้ายและสร้างใหม่ในที่ดินเดิม