การลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม หลังมีการร้องเรียน
นครพนม / สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ชี้แจงรายละเอียดกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนาหว้า จ.นครพนม หลังจากมีการร้องเรียนเรื่องการยุติกองทุนสวัสดิการฯ และการจ่ายเงินคืนสมาชิกน้อยกว่าจำนวนเงินที่สมทบเข้ากองทุนฯ เผยผลตรวจสอบพบอดีตประธานกองทุนสวัสดิการฯ นำเงินกองทุนฯ ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์กว่า 1 ล้านบาท และยอมชดใช้แต่ยังชำระไม่หมด ขณะที่กองทุนฯ มีสถานะการเงินเสี่ยงหากดำเนินการต่อ จึงทำประชามติสำรวจความเห็นจากสมาชิก โดยสมาชิกส่วนใหญ่เห็นด้วยให้ยุติกองทุนฯ และนำเงินที่เหลือเฉลี่ยคืนสมาชิก ด้านคณะตรวจสอบกองทุนฯ เสนอดำเนินการตามกฎหมายเพื่อเอาเงินจากอดีตประธานกองทุนฯ มาคืนกองทุน
ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อมวลชนว่า สมาชิกกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนาหว้า (กองบุญเพื่อสวัสดิการองค์การบริหารส่วนตำบลนาหว้า) อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม (บางส่วน) ประมาณ 40 คน ร้องเรียนเพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการดำเนินงานของกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนาหว้าซึ่งได้ยุติการดำเนินงานเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) นาหว้า แจ้งยุบกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนาหว้าอย่างกะทันหัน โดยอ้างว่าขาดทุนไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ทำให้ชาวบ้านจำนวน 1,700 คนที่ส่งเงินสมทบเข้ากองทุนฯ วันละบาท ไม่ได้รับเงินคืน บางรายส่งเงินเข้ากองทุนมานานถึง 12 ปี แต่ได้เงินคืนเพียง 612 บาท บางคนเพิ่งส่งไม่กี่ปีได้เงินคืนแค่ 9 บาท เป็นต้น
ผวจ.นครพนมสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง
หลังจากปรากฏข่าวดังกล่าวในสื่อมวลชน ในวันที่ 20 กรกฎาคม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดนครพนม (ศปก.นพ.) โดยในวาระการประชุมได้มีกรณีสมาชิกกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนาหว้า (กองบุญเพื่อสวัสดิการองค์การบริหารส่วนตำบลนาหว้า) ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนรวมอยู่ด้วย นายสยามจึงมอบหมายให้ น.ส.แสงดาว อารีย์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม (พมจ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามรายละเอียดและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินงานกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนาหว้าโดยเร่งด่วน เนื่องจากมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก
นายอำเภอนาหว้า (นั่งกลาง) นำคณะลงตรวจสอบข้อมูล
ต่อมาในวันที่ 21 กรกฎาคม ช่วงเวลา 14.00 – 17.30 น. นายทินกร ขันแก้ว นายอำเภอนาหว้า พร้อมด้วยพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม ท้องถิ่นจังหวัดนครพนม เจ้าหน้าที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และตัวแทนคณะขับเคลื่อนสวัสดิการชุมชนจังหวัดนครพนม ได้ลงพื้นที่ติดตามข้อข้อเท็จจริง โดยมีปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลนาหว้า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนาหว้า และสมาชิกกองทุนสวัสดิการชุมชนฯ ประมาณ 70 คนเข้าร่วมให้ข้อมูลและสังเกตการณ์
พอช.ภาคอีสานชี้แจงกองทุนสวัสดิการตำบลนาหว้า
ล่าสุดวันนี้ (22 กรกฎาคม) นายสุพัฒน์ จันทนา ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในฐานะหน่วยงานที่สนับสนุนการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชน ชี้แจงรายละเอียดการดำเนินงานของกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนาหว้า (กองบุญสวัสดิการฯ) ว่า กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม ก่อตั้งเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2551 มีสมาชิกแรกเริ่มจำนวน 111 คน โดยมีนายสนั่น บุตรจันทร์ นายก อบต.นาหว้าในขณะนั้น เป็นประธานกองทุนสวัสดิการชุมชนฯ และก่อนยุบกองทุน (ข้อมูล ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2562) มีสมาชิกสะสมรวม 1,754 คน สมาชิกมาจากชาวบ้านตำบลนาหว้า 14 หมู่บ้าน ร่วมกันสมทบเงินเข้ากองทุนวันละ 1 บาท หรือปีละ 365 บาท เพื่อนำเงินกองทุนมาช่วยเหลือสมาชิก
นายสุพัฒน์ จันทนา ผอ.พอช. สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ระหว่างปี 2553 – 2559 กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนาหว้าได้รับสมทบงบประมาณการจัดสวัสดิการชุมชนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ หรือ ‘พอช.’ รวม 3 ครั้ง คือ ในปี 2553 ปี 2555 และปี 2556 รวมงบประมาณ 918,320 บาท และจากการสมทบของ อบต.นาหว้า ตั้งแต่ปี 2554-2559 รวมงบประมาณกว่า 300,000 บาท แต่เกิดข้อร้องเรียนเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณกองทุนสวัสดิการฯ ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ทางคณะกรรมการสนับสนุนการขับเคลื่อนสวัสดิการชุมชนจังหวัดนครพนมจึงได้ตั้งคณะทำงานเพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จในเดือนมิถุนายน 2557
จากการตรวจสอบพบว่า มีการเบิกงบประมาณกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนาหว้าออกมาใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์จริง โดยนายสนั่น บุตรจันทร์ ประธานกองทุนสวัสดิการฯ ยอมรับว่าตนเองเป็นผู้ดำเนินการเอง และจะขอชดใช้เงินตามจำนวนที่มีการเบิกจ่ายไปใช้ผิดวัตถุประสงค์จำนวน 1,061,590 บาทให้แก่กองทุนสวัสดิการฯ หลังจากนั้นนายสนั่นได้นำเงินสดมาชดใช้หลายครั้ง และได้ทำหนังสือยอมรับสภาพหนี้จำนวนที่เหลืออีก 791,890 บาทเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2558
ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 นายสนั่นได้ทำสัญญาผ่อนชำระหนี้ (เลขที่ 1/2560 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560) ยินยอมให้หักเงินเดือนๆ ละ 20,000 บาท เพื่อชำระหนี้กองทุนสวัสดิการฯ ตามจำนวนที่คงเหลือ หลังจากได้ชำระเงินไปแล้ว 16 เดือน นายสนั่นได้รับคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งข้าราชการการเมือง (นายกฯ อบต.) เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 จึงได้ขาดชำระเงินให้แก่กองทุนสวัสดิการฯ นับแต่นั้นมา โดยยังคงมีภาระผูกพันตามจำนวนหนี้คงเหลืออีก 421,590 บาท
กองทุนฯ มีความเสี่ยง-ขอมติจากสมาชิกแก้ไขระเบียบ
นายสุพัฒน์ชี้แจงรายละเอียดต่อไปว่า ตั้งแต่ปี 2557-2563 ได้มีการเปลี่ยนคณะกรรมการกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนาหว้า เพื่อเข้ามาดำเนินการแทนคณะกรรมการชุดเดิม (ชุดนายสนั่น บุตรจันทร์) จำนวน 2 ชุด โดยมีนายคำทูน ประกิ่ง เป็นประธานกองทุนสวัสดิการฯ ชุดปัจจุบัน โดยคณะกรรมการกองทุนฯ ได้ร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลสถานะการเงินของกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนาหว้า ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2563 พบว่า มีเงินคงเหลือทั้งสิ้น 832,089.15 บาท (เงินในบัญชีจำนวนหนึ่ง และบางส่วนนำไปซื้อสลากออมสิน จำนวน 400,000 บาท)
“คณะกรรมการกองทุนฯ ได้ประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถขับเคลื่อนกองทุนสวัสดิการชุมชนต่อไปได้ในระยะยาว เนื่องจากมีการจ่ายเงินช่วยเหลือกรณีสมาชิกเสียชีวิตสูงเกินไป ทำให้เงินกองทุนเหลือน้อย จึงเห็นว่าควรจะทำประชามติสมาชิกกองทุนสวัสดิการ เพื่อแก้ไขกฎระเบียบการจ่ายสวัสดิการให้สอดคล้องกับสถานะการเงินของกองทุนฯ” นายสุพัฒน์กล่าว
กล่าวคือ ตั้งแต่ปี 2557 – มิถุนายน 2563 กองทุนได้จ่ายสวัสดิการช่วยเหลือสมาชิกรวมทั้งสิ้น 4,189,030 บาท แบ่งเป็นสวัสดิการสำหรับนอนโรงพยาบาล จำนวน 381,900 บาท สวัสดิการกรณีเสียชีวิต จำนวน 3,791,400 บาท (ตั้งแต่รายละ 300 – 30,000 บาทตามอายุการเป็นสมาชิก) สวัสดิการแต่งงาน 4,500 บาท สวัสดิการงานบวช 300 บาท และอื่นๆ จำนวน 10,930 บาท
ดังนั้นคณะกรรมการกองทุนฯ จึงมีความเห็นสมควรทำประชามติสอบถามความเห็นสมาชิกกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนาหว้าทุกคนว่า จะมีความประสงค์ให้ 1.คงใช้ระเบียบเดิม หรือ 2.ให้แก้ไขระเบียบ โดยให้กรรมการรายหมู่บ้านลงพื้นที่สำรวจประชามติ เพราะไม่สามารถจัดเวทีประชาคมใหญ่ได้ เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 โดยจะสำรวจประชามติในวันที่ 12 พฤษภาคม และสรุปผลในวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 ที่ห้องประชุม อบต.นาหว้า
ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 คณะกรรมการกองทุนและสมาชิกกองทุนบางส่วนเข้าร่วมประชุมที่ อบต.นาหว้า โดยมีข้อเสนอจากสมาชิกกองทุนฯ บางส่วนว่า ควรเพิ่มเติมข้อคิดเห็นประชามติจาก 2 ข้อ เป็น 3 ข้อ และให้จัดทำประชามติใหม่ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 5 มิถุนายน 2563 โดยมีประชามติให้เลือกรวม 3 ข้อ คือ 1.เห็นควรให้ใช้ระเบียบเดิม 2.เห็นควรให้แก้ไขระเบียบใหม่ และ 3.เห็นควรให้ยุติการดำเนินงานกองทุนฯ
สมาชิกส่วนใหญ่ลงมติให้ยุติกองทุนสวัสดิการฯ เฉลี่ยเงินคืนสมาชิก
ต่อมาในวันที่ 5 มิถุนายน 2563 มีการประชุมคณะกรรมการและสมาชิกกองทุนสวัสดิการฯ อีกครั้ง โดยรวบรวมเอกสารการลงประชามติได้จำนวน 1,479 คน จากสมาชิกทั้งหมด 1,754 คน ผลการลงมติปรากฎว่า มีผู้เห็นชอบให้ใช้ระเบียบเดิม (ข้อ 1) จำนวน 69 คน เห็นควรให้แก้ไขระเบียบใหม่ (ข้อ 2) จำนวน 369 คน และเห็นควรให้ยุติการดำเนินงานกองทุนฯ (ข้อ 3)จำนวน 1,041 คน
ดังนั้นมติที่ประชุมจึงให้ยุติการดำเนินงานกองทุนสวัสดิการชุมชน และให้เฉลี่ยเงินคืนให้สมาชิกทุกคนตามยอดเงินคงเหลือ โดยลดหลั่นกันไปตามระยะเวลาการเป็นสมาชิก โดยให้เจ้าหน้าที่ อบต.นาหว้าช่วยคำนวณเปอร์เซ็นต์ที่สมาชิกจะได้รับคืนจากยอดเงินคงเหลือของกองทุนสวัสดิการชุมชนฯ
ต่อมาในวันที่ 9 กรกฎาคม 2563 มีการประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ และชี้แจงการคำนวณเงินคืนแก่สมาชิก ซึ่งจากการคำนวณ สมาชิกจะได้เงินเฉลี่ยคืนจากเงินที่เหลือคนละ 15.67 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นคณะกรรมการจึงได้ดำเนินการจ่ายเงินคืนแก่สมาชิกให้แล้วเสร็จในวันที่ 17 กรกฎคม 2563 ที่ผ่านมา
วันที่ 18 กรกฎาคม 2563 สมาชิกกองทุนสวัสดิการฯ บางส่วน ประมาณ 40 คน ไม่เห็นด้วยกับการจ่ายคืนเงินจำนวนดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าเป็นจำนวนเงินที่น้อยกว่าที่ตนเองได้สมทบเงินเข้ากองทุนสวัสดิการฯ จึงร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเพื่อเข้ามาตรวจสอบ
ทำประชามติอีกครั้ง-ไล่บี้เอาเงินคืน
นายสุพัฒน์กล่าวในตอนท้ายว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนาหว้าเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม โดยนายอำเภอนาหว้า พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม ท้องถิ่นจังหวัดนครพนม เจ้าหน้าที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตัวแทนคณะขับเคลื่อนสวัสดิการชุมชนจังหวัดนครพนม ฯลฯ คณะผู้ตรวจสอบข้อมูลได้เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาดังนี้
1.ให้คณะกรรมการกองทุนสวัสดิการชุมชนฯ จัดทำรายละเอียดการรับ การจ่ายงบประมาณ พร้อมหลักฐานประกอบ เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับสมาชิกกองทุนสวัสดิการฯ ทั้ง 14 หมู่บ้าน จำนวน 1,754 คน ให้รับทราบโดยทั่วกัน 2.ให้คณะกรรมการกองทุนสวัสดิการฯ ลงพื้นที่ประชุมใหญ่ประจำปี เพื่อขอมติจากสมาชิกให้ยุติการดำเนินงานกองทุนฯ ให้ถูกต้องตามระเบียบของกองทุนฯ โดยให้ลงประชามติเป็นรายหมู่บ้าน แทนการนัดประชุมใหญ่ทั้ง 1,754 คนครั้งเดียว
3. การดำเนินการเกี่ยวกับการใช้เงินกองทุนฯ ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของอดีตประธานกองทุนสวัสดิการฯ นั้น ให้คณะกรรมการกองทุนฯ และนายคำทูน ประกิ่ง ในฐานะตัวแทนสมาชิกผู้เสียหายและผู้รับสัญญา ดำเนินการตามกฎหมายเพื่อนำเงินที่คงเหลือ พร้อมดอกเบี้ยมาชำระคืนกองทุนฯ และ 4.ส่วนผู้สมาชิกกองทุนฯ ผู้เสียหายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำความผิดต่อพนักงานสอบสวนได้
สมาชิกกองทุนสวัสดิการฯ ร่วมให้ข้อมูลและรับฟังการตรวจสอบข้อมูลการดำเนินงานของกองทุนฯ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม