ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่ – ผาจันได ตั้งคำถามหน่วยงานรัฐ “2 มาตรฐาน” กันเขตเหมืองหินปูน แต่ไม่กันเขตทำกินของชาวบ้านออกจากพื้นที่เตรียมประกาศอุทยานแห่งชาติภูหินจอมธาตุ-ภูพระบาท
4 มิ.ย. 2563 ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่ – ผาจันได รายงานว่าเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ว่ามีการติดประกาศเกี่ยวกับการประกาศพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติภูหินจอมธาติ – ภูพระบาท (อุทยานแห่งชาติภูผายาเดิม) ภายหลังมีการสำรวจพื้นที่ของสำนักบริหารพื้นที่ 10 (อุดรธานี) ตั้งแต่ปี 2554 ในเขต 3 จังหวัด คือ ป่าสงวนแห่งชาติป่าเก่ากลอย และป่านากลาง จ.หนองบัวลำภู (พื้นที่หลัก) ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขือน้ำ และป่ากุดจับ จ.อุดรธานี และป่าสงวนแห่งชาติป่าโคกผาดำ ป่าโคกหนองข่า และป่าภูบอบิด จ.เลย
ในประกาศอ้างถึงการจัดการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย ในพื้นที่ที่จะอยู่ในเขตจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2561 แต่อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ พบว่ามีการจัดรับฟังความคิดเห็นมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อปี 2562 ชาวบ้านยืนยันว่าไม่ยินยอมให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อุทยานฯ เพราะทับที่ดินทำกินและเป็นแหล่งหาอยู่หากินของชาวบ้าน ซึ่งในครั้งนั้นเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่มารับฟังฯ ได้รับคำคัดค้านชาวบ้านไปแล้วว่าจะไม่มีอุทยานแห่งชาติเกิดขึ้น
หลังจากนั้น เมื่อประมาณปลายเดือน พ.ค. 2563 กลับมีการแจ้งให้ชาวบ้านที่ทำกินในพื้นที่ที่มีใบ ภบท.5 ไปยืนแปลง ชี้แนวเขตที่ดินทำกินใกล้พื้นที่ป่าสงวนฯ ซึ่งทำให้ชาวบ้านหลายคนหวั่นใจว่าจะถูกหลอกให้ไปชี้พื้นที่ แล้วจะถูกยึดตามนโยบายทวงคืนผืนป่า เหมือนที่ ต.คำป่าหลาย อ.เมือง จ.มุกดาหาร
นอกจากนั้นชาวบ้านยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า ในขณะที่ชาวบ้านต้องหวาดระแวง และกังวลต่อการสูญเสียที่ดินทำกิน สูญเสียพื้นที่สาธารณประโยชน์ที่ช่วยกันดูแลรักษา เพื่อหวังจะได้พึ่งพาอาศัยหาอาหารเลี้ยงปากท้อง แต่กลับมีข้อมูลว่าในฝั่งอุตสาหกรรมเหมืองหินปูน กลับไม่ต้องกังวลใด ๆ เพราะจะมีการกันเขตเหมืองหินปูนออกจากเขตอุทยานฯ โดยกรมป่าไม้ ได้ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ กันเขตพื้นที่ที่ได้อนุญาตให้ภาครัฐหรือเอกชนเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ออกก่อนกำหนดเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ในปี 2554
ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่ – ผาจันได ตั้งคำถามว่า นี่คือการเน้นย้ำว่ากฎหมายและนโยบายของรัฐไม่เคยเอื้อประโยชน์แก่ประชาชน แต่มักจะเอื้อประโยชน์ทุกทางให้กับนายทุนใช่หรือไม่
“ในขณะที่การเรียกร้องสิทธิการเข้าถึงที่ดินทำกินของประชาชน ต้องมาพร้อมกับความเสี่ยงที่จะถูกจับกุมดำเนินคดี ทั้ง ๆ ที่เป็นคนในพื้นที่ ได้อยู่อาศัยและปกป้องรักษาผืนป่าในพื้นที่มาโดยตลอด แต่เมื่อได้รับความเดือดร้อนไม่เคยถูกมองเห็น แต่ฝั่งที่เป็นผู้ตักตวงผลประโยชน์ กลับถูกปกป้อง คุ้มครองโดยรัฐอยู่เสมอ” กลุ่มชาวบ้านตั้งข้อสังเกต
กลุ่มชาวบ้านระบุด้วยว่า กรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ ควรแสดงความจริงใจและความโปร่งใส ในการอนุรักษ์ดูแลป่า หากการประกาศเขตอุทยาน ฯ รอบนี้มีการทวงคืนผืนป่าจากประชาชน ก็ควรทวงคืนผืนป่าจากบริษัทเอกชนด้วยเช่นกัน เว้นเสียแต่ว่าตั้งใจจะเก็บพื้นที่ไว้สำหรับการทำเหมือง ด้วยการอนุญาตให้เหมืองแร่เข้าใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวน ป่าเก่ากลอย และป่านากลางไปอีก 10 ปี
author
