แถลงการณ์เครือข่ายนักกิจกรรมทางสังคมรุ่นใหม่ประเทศไทย
“แด่…ความรักที่บังคับกระชับมิตร”
จากการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้เรียกตัว ๑๒ องค์กรภาคประชาชนในอีสานเข้าไปรายงานตัวเพื่อปรับทัศนะคติ หลังจากได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืน ” ไม่ปฏิรูปใต้ท็อปบู๊ท คสช.” เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา โดยมีสาระสำคัญ คือ ไม่ขอร่วมการปฏิรูปกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เนื่องจากอำนาจไม่ชอบธรรมที่มาจากการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และไม่ยอมรับเครื่องมือและกลไกของรัฐบาล เช่น คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งไม่ได้มีการยึดโยงจากอำนาจประชาชน และได้ส่งผลกระทบกระเทือนถึงสิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชน
จากการที่ ๑๒ องค์กรภาคประชาชนอีสานปฏิเสธไม่เข้าร่วมการปฏิรูปนั้น ด้วยเหตุผลว่า พวกเขารักในสิทธิ เสรีภาพ และประชาธิปไตย ไม่ได้มีความรักให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และไม่ได้มีจิตใจฝักใฝ่ในอำนาจการปกครองที่ได้มาด้วยการยึดอำนาจเอาจากประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของที่แท้จริง พวกเขาทั้ง ๑๒ องค์กร มีความกล้าหาญพอที่จะปฏิเสธในอำนาจที่พวกเขาเห็นว่าไม่ชอบธรรม ภายใต้อำนาจมืดมัวทั่วฟ้าเมืองไทยของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ใช้กฎอัยการศึกในการบีบบังคับเอาความรักจากประชาชน โดยที่ไม่เข้าใจเลยว่าความรักนั้น ไม่ใช่ได้มาด้วยการบังคับ ขู่เข็ญ เพราะความรักมันไม่อาจจะบังคับให้ใครรักใครได้ ไม่อาจบังคับให้รักกลุ่มบุคคลใดได้ หรือแม้แต่บังคับให้รักการปกครองเพียงรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งได้ แต่ความรักต้องเกิดจากความยินยอม ไม่ว่าจะเป็นความรักระหว่างชายกับหญิงหรือรัฐกับประชาชน ต่างต้องมาจากความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย นี่คือพื้นฐานความรักที่มนุษย์พึงมีให้แก่กันและกัน ในระบอบการปกครองก็เช่นกันผู้นำ ต้องถามประชาชนว่าประชาชนต้องการรูปแบบใด หากประชาชนต้องการปกครองด้วยประชาธิปไตยประเทศชาติก็จะต้องเป็นประชาธิปไตย ซึ่งหากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ไม่เข้าใจหลักการพื้นฐานความรักข้อนี้ ก็ไม่อาจ ”คืนความสุขให้ประชาชน” ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ นั่นเท่ากับว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ผิดคำสัญญาของตนเองและผิดสัญญาต่อประชาชน การบีบบังคับจิตใจกันและกันนอกจากจะไม่ได้ความรักกลับคืนมาแล้ว กลับจะทวีความเกลียดชังมากยิ่งขึ้น พวกเรามีความกังวลต่อสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง หากเกิดการลุกฮือจากประชาชนที่แท้จริงและอาจนำไปสู่สงครามกลางเมือง
พวกเราในนามตัวแทนของพลังคนรุ่นใหม่มีข้อเรียกร้อง ดังนี้
- ขอให้ยุติการบังคับหัวจิตหัวใจประชาชนให้รักในบุคคลใด องค์กรใด ระบอบการปกครองแบบใด
- หากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องการเรียกตัวใครไปปรับทัศนะคติ ขอให้เปิดเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบด้วย
- ขอให้คืนอำนาจที่แท้จริงให้กับประชาชนเพื่อฟังเสียงความต้องการที่แท้จริงของประชาชน
ด้วยความเคารพและศรัทธาต่อ
สิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์
๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
องค์กร
๑. เครือข่ายนักกิจกรรมภาคใต้
๒. เชียงรายเรนเจอร์
๓. เพื่อชีวิตฅนเมือง
๔. ตำนานฅนเมือง
๕. สำนักกฎหมายราษฎรประสงค์
๖. บัณฑิตอาสาสมัครปกป้องประชาธิปไตย
๗. กลุ่มเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม(ดาวดิน)
๘. กลุ่มรักเพื่อนมนุษย์
๙. กลุ่มกระพุนไฟ
๑๐. กลุ่มอาปูตาเย
๑๑. กลุ่มกวีไฮกุไร้ชีพ
๑๒. กลุ่มเสรีนนทรี