แนวทางพัฒนาพื้นที่ลานหน้าห้างเมญ่า จ.เชียงใหม่ ที่กลายเป็นประเด็นสาธารณะที่สังคมให้ความสนใจว่าจะลงเอยในทิศทางไหน เมื่อมีกลุ่มประชาชนผู้ขอคืนพื้นที่ลานเพื่อทำเป็นช่องทางจราจร กับผู้ขอคืนพื้นที่แต่คงสภาพลานไว้ให้เป็นลานสาธารณะเพื่อประโยชน์ของการพัฒนาเชื่อมโยงกับย่านใกล้เคียงในอนาคตและสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนเจ้าของเมือง
ที่สุด เมื่อหน่วยงานที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง คือนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายอภิสิทธิ์ พรหมเสน รองอธิบดีกรมทางหลวง มาจัดวงพูดคุยโดยเชิญภาคประชาชนทั้ง 3 ฝ่ายมาร่วมพูดคุยเมื่อ 12 กรกฎาคม 2562 แต่สุดท้าย ข้อสรุปคือ กรมทางหลวง ยืนยันว่าจะต้องทุบรื้อบริเวณลานหน้าห้างเมญ่าก่อน ภายใน 20 กรกฎาคม2562 เพราะหากไม่ทุบรื้อ กรมทางหลวงในฐานะหน่วยงานราชการอาจจะมีความผิดตามกฎหมาย ด้านภาคประชาชนและนักวิชาการยังยืนยัน ค้านการทุบรื้อ ส่วนรูปแบบที่จะก่อสร้างต่อจากนี้ยังไม่มีข้อสรุป แต่มีข้อเสนอให้ปรับเปลี่ยน โดยจะตั้งกรรมการร่วมศึกษาและออกแบบโดยมีผู้เชี่ยวชาญ ภายใน 2 สัปดาห์ต่อจากนี้
โดยสาเหตุที่กรมทางหลวง ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการตามอำนาจหน้าที่ ได้มีการจ้างผู้รับเหมารื้อทิ้งลานในเขตทางหลวงไปก่อนหน้านี้และงบประมาณดำเนินโครงการ ณ ขณะนี้เหลือราว 5 ล้านบาท และยังไม่ชัดเจนว่าหลังรื้อแล้วจะปรับเป็นลานโล่งหรือปรับเป็นผิวถนน
สำหรับที่มาของเรื่องนี้ สืบเนื่องจาก ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2560 กรมทางหลวงมีโครงการปรับปรุงสี่แยกรินคำ โดยขยายผิวจราจรตั้งแต่สี่แยกรินคำถึงแยกวัดเจ็ดยอดเพื่อให้การจราจรคล่องตัวขึ้น แต่ไม่สามารถก่อสร้างให้เสร็จตามสัญญา เพราะในบริเวณการขยายทางมีข้อคัดค้านจากประชาชนทั้งการให้คงสภาพเปิดโล่งทางระบายนั้นในฝั่งตะวันออก และให้คงต้นโพธิ์ และลานหน้าห้างเมญ่าในฝั่งตะวันตกไว้เพื่อให้เป็นพื้นที่สาธารณะและพัฒนาการเดินเท่าเชื่อมโยงกับย่านประวัติศาสตร์ แต่ในครั้งนั้นได้มีการใส่ท่อระบายน้ำและขยายถนนฝั่งตะวันออกไปแล้ว คงเหลือที่ยังเป็นกรณีพิพาทกันคือบริเวณต้นโพธ์และลานหน้าห้ามเมญ่ โดยมีการฟ้องร้องไปยังหน่วยงานต่างๆ เช่น ปปช.และศาลปกครอง ติดปัญหาประชาชนยังมีความเห็นต่าง และทั้งสองมีการฟ้องร้องกรมทางหลวงไปหน่วยงานต่างๆ เช่น ป.ป.ช. ศาลปกครอง ซึ่งเรื่องได้เงียบไป
จนกระทั่งล่าสุด กรมทางหลวงได้ทำหนังสือขอให้ศูนย์การค้าเมญ่าทุบทิ้งลานน้ำพุหน้าศูนย์การค้าและให้ส่งมอบพื้นที่คืนภายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2562 เพื่อจะขยายช่องทางจราจรป็นทางเลี้ยวเพิ่มเติมจากถนนห้วยแก้วก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยอีกครั้ง
“แยกรินคำ” หรือปัจจุบันเรียกว่าแยกเมญ่า เป็นสี่แยกที่สำคัญด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่และเป็นจุดศูนย์กลางเชื่อมต่อระหว่างถนนห้วยแก้ว ถนนนิมมานเหมินทร์ ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง รวมถึงเป็นสถานที่ตั้งของศูนย์การค้าเมญ่าเชียงใหม่ โครงการวันนิมมาน และเป็นเส้นทางไปมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันสี่แยกรินคำเป็นที่กล่าวขานว่ามีการจราจรติดขัด มีปริมาณรถจำนวนมากสี่แยกหนึ่ง
โดยกลุ่ม”ทวงคืนพื้นที่สาธารณะสี่แยกเมญ่า”นำโดยอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้เหตุผลว่า กรมทางหลวง ได้อนุญาตให้ห้างเมญ่า ฯ นำพื้นที่เขตทางหลวงประมาณ 1 ไร่ จัดสร้างเป็นลานน้ำพุ ตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการปรับปรุงภูมิทัศน์เป็นประโยชน์แก่สาธารณะ แต่กลับนำไปใช้เป็นที่จอดรถ จัดงานกิจกรรม ลานเบียร์ คอนเสิร์ตต่างๆ เพื่อธุรกิจ ซึ่งเป็นประโยชน์ให้กับทางห้างมากกว่า รวมไปถึงจุดเป็นปัญหาของการจราจรของรถที่มาจากทางสี่แยกภูคำ โดยมีข้อเสนอให้ทุบพื้นที่ลานน้ำพุของห้างรุกล้ำมาในเขตทางหลวง และเสนอให้ก่อสร้างตามแบบของทางหลวงคือ เป็นลานสาธารณะ 2 เมตร มีพื้นที่ว่างต่างระดับ มีทางเดินเท้า และเป็นถนน 1 ช่องจราจร เพื่อให้รถที่มาทางแยกภูคำ สามารถเลี้ยวซ้ายผ่านเข้าถนนเชียงใหม่-ลำปางได้สะดวกยิ่งขึ้น
ขณะที่ภาคประชาชนและนักวิชาการอีกกลุ่ม ได้ออกมาเคลื่อนไหวจัดเวที “จาวบ้าน จาวเวียง เพื่อเมืองเจียงใหม่ เรื่อง : ข่วงสาธารณะรินคำ จะอนุรักษ์ไว้หรือทุบทำถนน” โดยมีผู้นำชุมชนและนักวิชาการ ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงอธิบดีกรมทางหลวง และประกาศเจตนารมณ์ ในการอนุรักษ์และพัฒนาข่วงรินคำ ให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะอย่างยั่งยืน ซึ่งมีประชาชนชาวบ้านในพื้นที่ เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยเสนอไม่มีการทุบทำลายลาน แต่แบ่งเขตระหว่างพื้นที่ห้างกับพื้นที่สาธารณะและติดตั้งป้ายให้ชัดเจน
ขณะที่ภาคีคนฮักเชียงใหม่เป็นตัวแทนกลุ่มคนที่มีอีกข้อเสนอหนึ่งเกี่ยวกับแยกนี้ เข้ายื่นหนังสือผู้ว่าฯเชียงใหม่ ที่ศูนย์ดำรงธรรม ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ โดยในหนังสือมีข้อเสนอ 6 ข้อคือ
- ขอให้ตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินการของโครงการนี้ว่าถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายหรือไม่อยู่ในแผนแม่บทและแผนประจำปีด้านจราจรและขนส่งของจังหวัดหรือไม่ มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเกินแม่บทหรือไม่
- ขอให้ตรวจสอบการดำเนินการของแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 ซึ่งไม่สอดคล้องและไม่เป็นไปตาม พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 และ ฉบับที่2 (พ.ศ.2562) มาตรา6การดำเนินการของรัฐต้องก่อประโยชน์สุขมีประสิทธิภาพและเกิดความคัมค่ในชิงภารกิจ,มาตรา 8 ก่อนเริ่มดำเนินการส่วนราชการต้องจัดให้มีการวิเคราะห์ผลดีและผลเสียให้ครบถ้วนทุกด้าน กำหนดขั้นตอนการดำเนินงานที่โปร่งสภารกิจใดที่มีผลกระทบต่อประชาชนส่วนราชการต้องตำเนินการรับฟังความเห็นของประชาชน
- โครงการนี้มองว่าการขยายผิวการจราจรที่หัวมุมแยกจะแก้ปัญหาระบายรถได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่าไม่มีผลต่อการแก้ปัญหาที่บริเวณนั้นทั้งยังจะก่อให้เกิดความสับสนตามมาเนื่องจากรถที่ยูเทิร์นจากด้านซุปเปอร์ไฮเวย์ตรงสี่แยกเพื่อจะเลี้ยวเข้หงเมญาหรือรถที่เลี้ยวมาจากถนนห้วยแก้วดันทิศตะวันออกจะตัดไขว้กับแนวของรถที่ขยายผิวการจราจร ไม่เพียงเท่านั้น การออกแบบแนวถนนที่ปรับไปมาหลายรอบยังตัดไขว้กันก่อนถึงทางแยกบริเวณหน้าวัดโพธาราม (เจ็ดยอด)ขอให้ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะอนุกรรมการจัดการจราจรทางบกฯตรวจสอบผลกระทบตามอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมกาจัดการจราจรทางบก(คำสั่งคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก 3/5553-77/2553) และตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
- ขอให้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมที่มีตัวแทนจากภาคธุรกิจเอกชน ผู้ประกอบการค้าย่านนิมมานเหมินทร์ประชาชนย่านเจ็ดยอดนักวิชาการด้านการจราจร ศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบทั้งด้านบวกและลบของโครงการขยายผิวจราจรที่แยกรินคำต่อเศรษฐกิจสังคมชุมชนและอื่นๆไม่ฉพาะด้นการจราจรตามเงื่อนไขและขั้นตอนที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบนเมืองที่ดีพ.ศ. 2546 และฉบับที่2 (พศ.2562) มาตรา 6 และ มาตรา 8
- ขอให้ระงับการดำเนินการใดๆของการก่อสร้างไว้ก่อนจนกว่าการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายรักษาความคุ้มค่าของการใช้งบประมาณรัฐและคุ้มครองผลกระทบต่อประชาชน ให้ปฏิบัติครบถ้วนเสียก่อน
- ให้แขวงทางหลวงเซียงใหม่ที่ 2 ปิดเผยแบบแปลนก่อสร้างการขยายผิวการจราจร วัสดุที่ใช้และเอกสารวิเคราะห์ความคุ้มค่าต่อสาธารณะทันที
นอกจากนั้น เมื่อวันที่10 กรกฎาคม ที่ผ่านมามีกลุ่มคนรุ่นใหม่รวมตัวกันทำกิจกรรม“Rin-Kham for All”พื้นที่สาธารณะของประชาชนออกแบบพื้นที่สาธารณะบริเวณแยกรินคำหรือแยกเมญ่าเพื่อแสดงจุดยืนในการใช้พื้นที่สาธารณะและคัดค้านการรื้อทุบบริเวณลานดังกล่าวโดยเเสดงความคิดเห็นต่อการใช้พื้นที่สาธารณะแห่งนี้ว่าส่วนหนึ่งเพราะพวกเขาได้ใช้ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ในยามว่างอย่างการใช้เป็นลานสเก็ตบอร์ดใช้ซ้อมเต้นหรือใช้เป็นจุดนัดพบปะของผู้คนทั้งชาวไทยและต่างชาติในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งการออกมาแสดงจุดยืนในครั้งนี้ก็มีการแสดงละครการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ร่วมกัน เช่นกิจกรรมการเขียนแสดงความคิดเห็น“ถ้าไม่มีลานตรงนี้อะไรจะหายไปบ้าง” ซึ่งผู้คนที่ผ่านไปมาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
เป็นที่สังเกตุว่า กรณีการตัดสินใจดำเนินงานตามเงื่อนไขของระบบราชการที่รับผิดชอบเฉพาะด้านการขยายทางของกรมทางหลวงในครั้งนี้ นับเป็นการดำเนินการเฉพาะส่วนของบางหน่วยงาน ขณะที่การพัฒนาเมืองเพื่อตอบโจทย์อนาคต โดยเฉพาะกรณีการพัฒนาสี่แยกรินคำหรือแยกเมญ่า ซึ่งเชื่อมโยงกับการพัฒนาเมืองให้เป็นสมาร์ทซิตี้หรือเมืองยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สาธาณะ การส่วนร่วมและอยู่ในหลักการพัฒนาจังหวัด ตามยุทธศาสตร์ชาติ
โดยในงาน Futurising Thailand สร้างอนาคตไทย ให้ทันโลก เมื่อ 5 กรกฎาคม 2562 มีเวทีเสวนา“โลกใหม่ เมืองแบบใหม่ : ยกระดับชีวิตคนไทยในโลก 4.0” ซึ่ง นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมเสวนา และพูดถึงทิศทางการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่โดยเฉพาะการพัฒนาเมือง ซึ่งมี วิสัยทัศน์ว่า “นครแห่งชีวิตและความมั่งคั่ง” หมายความว่า คนเชียงใหม่นั้นต้องพัฒนา คนที่อยู่และมาเยือนต้องมีความสุข จึงจะเป็นนครแห่งชีวิต และภายใต้ยุทธศาสตร์นี้ ก็มีประเด็นที่พัฒนาหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยวในเชิงวัฒนธรรม โดยมองว่า คนเชียงใหม่ต้องช่วยกันออกแบบบ้านเมืองตัวเอง
“สำหรับเชียงใหม่ผมคิดว่า มีอะไรสำคัญที่เชื่อมโยงเชียงใหม่อยู่มากและไม่ได้พัฒนาเฉพาะเชียงใหม่เท่านั้น สามารถพัฒนาเชื่อมโยงทั้งลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน ทั้งภูมิภาคนี้ วันนี้เชียงใหม่กำลังเตรียมตัวพัฒนาสามเหลี่ยมแห่งใหม่ คือเชื่อมโยงเชียงใหม่ ลำพูน และแม่ฮ่องสอน วันนี้กำลังทำเรื่องเกี่ยวกับ Truck Terminal อยู่ที่สารภี เขตติดต่อลำพูน วันนี้กำลังจะปรับปรุงสนามบินให้ดีขึ้น วันนี้กำลังจะจัดเตรียมวงแหวนรอบ 4 วันนี้กำลังทำถนนเลี่ยงเมืองแม่ริม วันนี้กำลังทำถนนเลี่ยงเมืองสันกำแพง วันนี้กำลังพัฒนาต่อยอดคลองแม่แตง เพื่อให้น้ำที่มาจากตะวันตกไม่มาท่วมเมืองเชียงใหม่ สามารถไหลได้ดี ป้องกันน้ำท่วมพื้นที่การเกษตร วันนี้กำลังทำ Smart City ในเขตถนนนิมมานเหมินท์ เอาสายไฟไว้ใต้ดิน จัดระบบจราจรต่างๆ กำลังทำหลายเรื่อง เพราฉะนั้น การออกแบบเมือง การวางผังเมือง การสร้างความเชื่อมโยงเรื่องของการเดินทาง จึงมีความสำคัญต่อการพัฒนาเมืองเชียงใหม่ เมื่อพัฒนาเมืองเชียงใหม่ได้แล้วถือว่าเชียงใหม่ก็จะเป็นส่วนที่เชื่อมโยงลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน ได้ง่าย รวมถึงการพัฒนาที่สนามบินมันก็เกิด logistic ที่ข้ามพื้นที่ไปภูมิภาคต่างๆ รวมถึงเรื่องการพัฒนาที่ให้ความสำคัญคือการดูแลคนในเมืองดูแล ดูแลสังคม ดูแลสุขภาพ โดยใช้ขีดความสามารถที่มีอยู่ สิ่งสำคัญที่ง่ายๆที่สุดเชียงใหม่เหมือนห้องรับแขกของประเทศไทย ของภาคเหนือ
“ห้องรับแขกมีอยู่ 3 เรื่อง เขียว สวย สะอาด ถึงแม้ไม่มีโครงสร้าง ที่ Structure มาแรงๆ แต่ขอให้เชียงใหม่มี เขียว สวย สะอาด สิ่งเหล่านี้เราทำได้ ผมว่าคนเชียงใหม่ช่วยกันทำได้ ถนนสักเส้นหนึ่ง ที่จะไม่ช่วยวางของเกะกะ ถนนสักเส้นหนึ่งที่จะจอดรถตามกฏิกา ผมว่าเชียงใหม่ทำได้ แต่วันนี้เราเริ่มหรือยัง ?”