เทพา 15 คนค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินนอนคุกเหตุเงินไม่พอประกัน ส่วนเยาวชนอายุ 16 ปี ได้ปล่อยตัวชั่วคราว พรุ่งนี้ญาติยื่นขอประกันตัวใหม่ ด้านกลุ่มชาวบ้านแถลงปิดการเดิน…เทใจให้เทพา พ้อนายกฯ มาใกล้จึงอยากไปหาแต่กลับถูกสลายการชุมนุม ยันภาระกิจไม่จบ จะสู้เพื่อปกป้องบ้านเกิดต่อไป ขณะที่นายกฯ ออกประกาศ 5 อำเภอ สงขลา-ปัตตานีเป็นพื้นที่กระทบความมั่นคง บังคับใช้ถึง 30 พ.ย. 2561
28 พ.ย. 2560 ความคืบหน้าการดำเนินคดีกลุ่มชาวบ้านเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินจำนวน 16 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมจากกิจกรรม “เดิน…เทใจให้เทพา หยุดโรงไฟฟ้าถ่านหิน” ซึ่งต้องการเดินทางเข้าหนังสือให้กับนายกรัฐมนตรีที่เดินทางมาประชุม ครม. สัญจรที่ จ.สงขลา เมื่อเย็นวานนี้ (27 พ.ย.2560)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากช่วงบ่ายที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหา 15 คน ส่งศาลเพื่อขออำนาจฝากขังผัดแรกที่ศาลจังหวัดสงขลา ส่วนเยาวชนอายุ 16 ปี ถูกคุมตัวส่งศาลเด็กและเยาวชน จ.สงขลา มีความคืบหน้าระบุเจ้าหน้าที่ตำรวจคัดค้านประกันตัว 15 เครือข่ายคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินอ้างเป็นคดีสำคัญ และเรียกหลักทรัพย์เป็นวงเงินคนละ 90,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,350,000 บาท แต่กลุ่มชาวบ้านไม่สามารถหาเงินประกันได้ทัน ทำให้ทั้งหมดถูกส่งไปควบคุมตัวที่เรือนจำกลาง จ.สงขลา ในวันพรุ่งนี้ทางญาติและทนายจะยื่นขอประกันตัวใหม่อีกครั้ง
ส่วนเยาวชนชายอายุ 16 ปี ศาลเด็กและเยาวชน จ.สงขลา สามารถประกันตัวได้ โดยใช้วงเงินหลักทรัพย์ 5,000 บาท
ด้านประชาชนที่มาร่วมตัวให้กำลังใจและติดตามผลการประกันตัวกลางสายฝนที่หน้าศาลจังหวัดสงขลา ได้อ่านแถลงการณ์ปิดการเดิน… เทใจให้เทพา หยุดโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในเวลาประมาณ16.00น.
เนื้อหาของแถลงการณ์ ระบุดังนี้
แถลงการณ์ปิดการเดิน..เทใจให้เทพา หยุดโรงไฟฟ้าถ่านหิน
เราคือชาวบ้าน ผู้เดือดร้อนจากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาและโครงการท่าเรือน้ำลึกสวนกง เราเดินเท้ามาจากบ้าน เพื่อมาพบมาอธิบายและยื่นหนังสือกับนายกรัฐมนตรี เรามีความหวัง เพราะครั้งนี้นายกมาใกล้เรา ไม่ต้องให้พี่น้องลำบากไปถึงกรุงเทพ เรารู้ว่าหากเราไปลงทะเบียนขอพบ เราจะได้พบเพียงตัวแทนหางแถวซึ่งเราพบมาหลายครั้งแล้ว เราจึงยอมเดินเท้าเพื่อขอความเห็นใจจากท่าน
เราคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาเพราะโครงการนี้จะมีการบังคับโยกย้ายชาวบ้านเป็นพันคนออกจากแผ่นดินเกิด คนอีกนับหมื่นต้องจำใจรัมลพิษอยู่ริมรั้วถ่านหิน โครงการท่าเรือน้ำลึกสวนกงก็เช่นกัน เป็นโครงการทำร้ายทะเล จะนะมีท่าเรือน้ำลึก เทพามีท่าเรือขนถ่ายถ่านหิน แล้วชาวประมงจะนะเทพาจะเหลืออะไรเลี้ยงชีพ อีกทั้งกระบวนการมีส่วนร่วมก็ฉ้อฉล การศึกษา EHIA ก็มีความเท็จปะปนมากมาย ทุกอย่างล้วนไม่เป็นธรรมกับชุมชน เราจึงสละแรงกายแรงใจเดินเท้ามาหานายกรัฐมนตรี
บัดนี้เราพบความจริง ท่านเป็นคนใจดำ ท่านเป็นคนใจแคบ ท่านไฟเขียวให้มีการมาปิดกั้นกลุ่มชาวบ้านที่เดินอย่างสงบ และส่งกำลังมาสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรงได้อย่างไร และยังจับพ่อแม่พี่น้องของเราไปขัง ตั้งข้อหามากมาย ท่านเห็นเราเป็นเพียงผักปลาหรือ เห็นเราเป็นศัตรูต่างชาติหรือ เราเป็นคน เรามีชีวิต เรามาด้วยเหตุผล แต่ท่านไร้น้ำใจ ไม่ควรค่าแก่การนับถือ ไม่เหมาะสมแก่ปกครองบ้านเมือง
เราชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอาวุธ ไม่มีอำนาจใดๆ แต่เรามีใจที่ยิ่งใหญ่ แม้พี่น้องของเราโดนจับ แต่เรายังยืนยันที่จะปกป้องแผ่นดินเกิดของเราจากโครงการที่ฉ้อฉลต่อไป เรายอมตากฝนไม่ได้เพื่อรอท่าน เพราะเรารู้ว่าการยื่นหนังสือไปให้คนที่ไม่มีหัวใจนั้นไร้ประโยชน์ แต่เพื่อฝึกฝนจิตใจของเราเอง และเพื่อเรียกร้องต่อพี่น้องทั่วประเทศให้ร่วมเทใจให้เทพา
บัดนี้ภารกิจการรณรงค์ “เทใจให้เทพา” ได้เสร็จสิ้นบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว พี่น้องประชาชนทั้งประเทศต่างเทใจให้เทพาอย่างไม่ขาดสายในหลากหลายรูปแบบ แม้เราอยากจะขอบคุณท่านนายกที่มีส่วนช่วยอย่างมากในการสร้างกระแสครั้งนี้ให้แก่เราแต่เราขอบคุณไม่ลง เพราะสิ่งที่ท่านทำกับเรานั้นเกินกว่าที่ประชาชนจะรับได้จริงๆ
เราชาวเทพาชาวจะนะและเครือข่ายหลายกลุ่มที่ช่วยกันจัดกิจกรรม เดินเทใจให้เทพา หยุดโรงไฟฟ้าถ่านหิน ขอขอบคุณพี่น้องทั่วประเทศที่ให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง
ภารกิจของเรายังไม่เสร็จสิ้น เรายังต้องช่วยพี่น้องแกนนำ 16 คนที่ถูกฟ้องคดีให้พ้นผิด เรายังต้องสู้เพื่อปกป้องบ้านเกิดจากโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเรือน้ำลึกสวนกงต่อไป และหวังในกำลังใจและการร่วมกันของพี่น้องทั้งประเทศทีจะช่วยให้ภารกิจของเราในครั้งนี้สำเร็จในที่สุดด้วย
นายกฯ ออกประกาศ 5 อำเภอ “สงขลา-ปัตตานี” เป็นพื้นที่กระทบความมั่นคง
ข่าวสดออนไลน์ รายงานวันนี้ (28 พ.ย.2560) ระบุ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ความว่าด้วยสถานการณ์ในเขตพื้นที่อําเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี และอําเภอจะนะ อําเภอนาทวี อําเภอเทพา และอําเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ยังคงปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคง ภายในราชอาณาจักร ซึ่งปรากฏเห็นชัดในรูปแบบของเหตุการณ์รุนแรง ทั้งนี้ ห้วงเวลาที่ผ่านมาได้มีการประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นผลให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถแก้ไขและควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ระดับหนึ่ง
ดังนั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน รวมทั้งการบริหารจัดการรักษาความสงบและ ความปลอดภัยให้มีเอกภาพและเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด จึงมีความจําเป็นอย่างยิ่งที่ยังคงต้องกําหนดมาตรการป้องกันไว้เช่นเดิม เพื่อมิให้สถานการณ์ขยายตัวลุกลาม หรือหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถแก้ไขปัญหาให้ยุติโดยเร็วโดยไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 คณะรัฐมนตรีจึงมีมติ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 ดังต่อไปนี้
1. ให้เขตพื้นที่อําเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี และอําเภอจะนะ อําเภอนาทวี อําเภอเทพาและอําเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
2. ให้กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือหน่วยงานภายในที่กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรมอบหมายให้เป็นศูนย์อํานวยการเป็นผู้รับผิดชอบในการป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และจัดทําแผนการดําเนินการในการบูรณาการ การกํากับ ติดตาม และเร่งรัดหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง ให้ดําเนินการให้เป็นไปตามแผนที่กําหนด
3. เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติ การป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ให้บรรดาประกาศ คําสั่ง หรือการดําเนินการใดที่กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรกําหนดขึ้น หรือการปฏิบัติการใดของศูนย์อํานวยการ หน่วยงาน พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ใดที่ได้รับมอบหมายจากกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคง ภายในราชอาณาจักร ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2559 ซึ่งมีผลใช้บังคับในเขตพื้นที่อําเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี และอําเภอจะนะ อําเภอนาทวี อําเภอเทพา และอําเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ยังคงมีผลใช้บังคับโดยต่อเนื่อง จนกว่าจะมีการกําหนดเป็นอย่างอื่น
ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
ประกาศ ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี