เลื่อนอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์คดีขนแร่ด้วยอำนาจเถื่อน ทนายจำเลยได้ยื่นใบรับรองแพทย์อ้างจำเลยที่ 2 ป่วย ไม่สามารถมาฟังคำพิพากษา
7 ก.ย. 2560 เวลา 09.00 น. ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย ได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดเลย เพื่อร่วมรับฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีขนแร่เถื่อน คดีหมายเลขดำที่ อ.5440/2557 ซึ่งมีพนักงานอัยการเป็นโจทก์ และนายสุรพันธุ์ รุจิไชยวัฒน์ กับพวกรวม 9 คน เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้องพันโทปรมินทร์ ป้อมนาค จำเลยที่ 1 และพลโทปรเมษฐ์ ป้อมนาค จำเลยที่ 2 ในความผิดอาญาข้อหาทำร้ายร่างกาย กักขัง หน่วงเหนี่ยว ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2557 จนถึงเช้าวันที่ 16 พ.ค. 2557 มีชายฉกรรจ์ 200 คน พร้อมอาวุธครบมือ บุกเข้าทำร้ายชาวบ้าน จับมัดมือไขว้หลัง มัดเท้า แล้วให้นอนคว่ำหน้ากับพื้นดิน ทำร้ายชาวบ้านอย่างโหดร้าย เพื่อให้มีการขนแร่จากบริษัทเอกชนผู้ประกอบกิจการเหมืองทองคำออกจากพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตัดสินคดีในวันนี้ (7 ก.ย. 2560) ทนายจำเลยได้ยื่นใบรับรองแพทย์ของจำเลยที่ 2 พลโทปรเมษฐ์ ป้อมนาค ต่อศาล โดยระบุว่าที่ไม่มาฟังคำพิพากษาในวันนี้เนื่องจากป่วย มีแต่จำเลยที่ 1 ผู้เป็นลูก พันโทปรมินทร์ ป้อมนาค มาศาล ศาลจึงได้เลื่อนอ่านคำพิพากษาไปเป็นวันที่ 25 ก.ย. 2560 เวลา 13.30 น.
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2559 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้พันโทปรมินทร์ ป้อมนาค จำเลยที่ 1 จำคุก 2 ปี 12เดือน ส่วนพันโทปรเมษฐ์ ป้อมนาค จำเลยที่ 2 จำคุก 1 ปี 12 เดือน และจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ชาวบ้านซึ่งเป็นโจทก์รวม 9 ราย รวมทั้งมด 165,600 ภายใน 15 วัน จากนั้นจำเลยทั้งสองขอประกันตัวและสู้คดีต่อในชั้นอุทธรณ์
“เรายังจำได้…ไม่ลืม” เสียงกรีดร้อง ตราบน้ำตา กลิ่นคาวเลือดยังคงย้อนกลับมาให้ระลึกถึง ความเจ็บแค้นเคียงใจ คอยตอกย้ำว่า “เราจะสู้เพื่อบ้านเกิดไปจนวันตาย” ชาวบ้านคนหนึ่งได้กล่าว