หลังปีที่แล้วถูกยกเลิกจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ปีนี้กลับมาเรียกเสียงฮือฮาอีกครั้ง จนทำให้สื่อกระแสหลักและสื่อออนไลน์จับจ้องมาที่งานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ จากผลงานแสดงขบวนพาเหรด ของกลุ่มอิสระล้อการเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่แสดงอีกแง่มุม ด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ผ่านมุมมองของนักศึกษากว่า 60 คน วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2558 นักข่าวพลเมืองได้พูดคุยกับ ‘วชิรวิทย์ คงคาลัย’ ประธานกลุ่มล้อการเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงแนวความคิดและเหตุการณ์ในวันนั้น
+ วินาทีเผชิญหน้า
ในส่วนของเจ้าหน้าที่กับผู้จัดงานช่วงก่อนเข้าสนาม เขาก็เข้ามาตรวจสอบว่ามันมีอะไรที่เขาไม่ต้องการไหม ตอนนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่ตอนที่จะเข้าประตูเนี่ยเขาก็มาดึงผ้าออกบางส่วน เราก็พยายามจนสามารถเข้าไปในสนามได้ เราก็รู้สึกแฮบปี้มากครับ เพราะสามารถดำเนินกิจกรรมตามที่เราคาดหวังไปได้ จนกระทั่งออกมา….ทางกลุ่มประเมินว่าอาจเกิดความเสี่ยงระหว่างเจ้าหน้าที่ จึงสั่งสลายตัวแล้วค่อยมาเก็บของ แต่ในส่วนสังคมผลตอบรับวันนั้นก็ค่อนข้างดีพอสมควร คือ คนดูส่วนใหญ่ และสมาคมธรรมศาสตร์เองก็เห็นด้วยกับการแสดงหุ่นล้อการเมือง
+ ความรู้สึก – ความดีใจ –ความกลัว
อารมณ์มันมีสองอย่างอ่ะครับ คือดีใจที่ทำได้แล้ว อย่างที่สอง คือ “กลัว” กลัวว่าหลังจากนี้มันจะมีอะไรเกิดขึ้นเพราะว่าทางเจ้าหน้าที่ก็จับตามองเราว่าเราจะทำอะไรตามที่เขาไม่ต้องการ ซึ่งเราก็เหมือนจะทำ เลยสั่งสลายตัวไว้ก่อน
+ กระแสตอบรับ
ก็มีทั้งสองกระแสอันนี้เป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย คือ การล้อการเมืองก็เป็นการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างหนึ่ง มันไม่มีอะไรที่มันมีความสมบูรณ์ หรือ ถูกต้องในตัวมันเอง เพราะฉะนั้นการที่เรานำเสนอออกมาและมีการวิจารณ์ต่ออันนั้นเป็นสิ่งที่ดี เราไม่ได้กังวลกับมันมาก แต่ประเด็นสำคัญคือ เราจะได้เแสดงไหม อันนั้นสำคัญกว่า เราควรไปตั้งคำถามกับสิ่งนี้มากกว่า ว่าเราจะสามารถมีพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นได้อย่างไร
+ เราเปิดพื้นที่แสดงทัศนะได้
โดยส่วนตัวผมว่ามันสำเร็จแล้ว ในแง่ที่ว่าเราสามารถเปิดพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นทางสังคมและทางการเมือง เศรษฐกิจอะไรก็แล้ว แต่อย่างน้อยที่สุดมันทำให้คนในสังคมตระหนักรู้ว่า อย่างน้อยเราสามารถเปิดพื้นที่ได้เอง
+ ประเมินความเสี่ยง
เราก็ประเมินนะครับว่า อาจมีการโดนเรียกคุยเพื่อปรับความเข้าใจ อันนี้เราประเมินและยอมรับความเสี่ยงแล้ว คนในกลุ่มทุกคนก็พร้อมที่จะเจอกับสถานการณ์อย่างนั้น แต่ว่าดูแล้วอาจจะไม่ได้รุนแรงถึงขนาดนั้น คงจะแค่เรียกตักเตือน
+ ความหมาย “เสรีภาพ”
เสรีภาพเนี่ยเป็นสิ่งที่บางคนอาจมองว่ามันทำให้เกิดความขัดแย้งได้ แต่ผมคิดว่าหากบ้านเมืองมันไปสู่ระเบียบสังคมที่มีความพอดิบพอดี มันอาจจะเป็นไปตามประชาธิปไตยก็ได้ ซึ่งทำให้ทุกคนทุกกลุ่มสามารถแสดงความเห็นได้ นั่นผมคิดว่ามันสามารถทำให้สังคมเกิดอะไรใหม่ๆ และเกิดการยอมรับได้ หากใช้กฏเกณฑ์ตามประชาธิปไตย แต่การปล่อยให้เป็นแบบปิดไว้อย่างนี้ หรือไม่ให้มีการแสดงความคิดเห็น อาจจะนำมาสู่ความขัดแย้งได้ เพราะผู้คนไม่มีพื้นที่ในการแสดงออก
+ บทบาทนักศึกษา ต่อ เสรีภาพทางการเมือง
ผมพูดในฐานะนักศึกษาคนหนึ่งแล้วกัน ผมว่าคนทุกคนหรือแม้แต่นักศึกษาเองควรที่จะมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็น
และผมคิดว่าการแสดงสิทธิเสรีภาพด้วยตัวมันเองมันไม่ได้เป็นเรื่องที่อันตรายแต่ผมคิดว่ายิ่งมีการแสดงความเห็นมากเท่าไร สังคมจะเรียนรู้และมีการพัฒนามากยิ่งขึ้น
+ ขอบเขตของเสรีภาพ
เสรีภาพของผมนะครับ คือ ตราบใดที่มันไม่ทำให้คนอื่นบาดเจ็บ หรือนำไปสู่ความรุนแรง สิ่งเหล่านั้นก็สามารถที่จะทำได้
+ ฝากถึง คสช.
ก็อาจจะขอบคุณเขาก็ได้นะครับ ที่ไม่พยายามยกเลิกงานของเราอย่างจริงจัง อย่างน้อยที่สุดคือทำให้เห็นว่าหากต้องการปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง อย่างน้อยนี่จะเป็นก้าวเล็ก ๆ ที่สามารถทำได้ หากให้ทุกคนมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็น