21 มิ.ย. 2558 ปาตานี ฟอรั่ม เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกในเว็บไซต์ pataniforum.com หวั่นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวฯ บิดเบือนและเข้าใจผิดต่อการทำงานปาตานี ฟอรั่ม สร้างความเสียหายต่อหลักการขององค์กรและผู้เกี่ยวข้องในโครงการ จากกรณีการจัดกิจกรรมเสวนาสร้างการเรียนรู้ และความเข้าใจต่อสถานการณ์ความขัดแย้ง สันติภาพปาตานี/ชายแดนใต้ ในภูมิภาคต่าง ซึ่งเป็นภารกิจที่ขับเคลื่อนมาตลอด 3-4 ปี ที่ผ่านมา ล่าสุดปรากฏว่ามีกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวของภาครัฐได้ติดตามสอบถามจากผู้ร่วมกิจกรรม โดยตั้งข้อสงสัยว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย และมีการเผยแพร่ข้อมูลโจมตีทางออนไลน์
หลังจากในวันเดียวกันนี้ ตูแวดานียา ตูแวแมแง ผู้อำนวยการสำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (LEMPAR) เผยแพร่แถลงการณ์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณี มีการเผยแพร่ข้อมูลทางออนไลน์ใน board.postjung.com ระบุถึงคำพูดของเขาในการเสวนา “พื้นที่พลเมืองสามัญชน เปลี่ยน(ไม่)ผ่าน” ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจัดโดยปัตตานี ฟอรั่ม (คลิกอ่าน: ‘ตูแวดานียา’ แจงข้อมูลบิดเบือนในออนไลน์ ยัน ‘ไม่ได้ประกาศว่าเป็น BRN’)
ปาตานี ฟอรั่ม ระบุด้วยว่า เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อบุคคลที่ร่วมกิจกรรมกับปาตานี ฟอรั่ม และยืนยันในความบริสุทธิ์ใจในกาทำงาน ปาตานี ฟอรั่ม จึงทำจดหมายเปิดผนึก โดยมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้ 1.ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ได้ดำเนินภารกิจด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไร้อคติและชอบธรรมด้วยหลักการสิทธิมนุษยชน 2.ขณะที่เจ้าหน้าที่บางท่านที่ทำการอันให้เกิดความเสื่อมเสีย บิดเบือนข้อเท็จจริงของบุคคลที่ร่วมกิจกรรมกับปาตานี ฟอรั่ม ขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวทันที
3.การทำงานของปาตานี ฟอรั่ม มุ่งเสริมสร้างความเข้าใจของภาคพลเมือง ซึ่งที่ผ่านมาปาตานี ฟอรั่มก็ได้สื่อสารกับเจ้าหน้าทีรัฐในทั้งในระดับพื้นที่ ระดับสูง หรือ ภาคประชาสังคมจากในพื้นที่และนอกพื้นที่ หรือแม้นองค์กรระหว่างประเทศอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งนั่นหมายความว่าความพยายามทำลายภาพลักษณ์องค์กรผ่านผู้ร่วมกิจกรรมปาตานี ฟอรั่มนั้นอาจหมายถึงการทำลายภาพลักษณ์การทำงานของภาครัฐด้วย และ 4.หากอยากทำความเข้าใจหลักคิดของปาตานี ฟอรั่มเพิ่มเติม สามารถเข้าไปในเว็บไซต์ www.pataniforum.com
จดหมายดังกล่าว ระบุเนื้อหาดังนี้
จ.ม.กรณี หวั่นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวฯ บิดเบือนและเข้าใจผิดต่อการทำงานปาตานี ฟอรั่ม จดหมายเปิดผนึกปาตานี ฟอรั่ม กรณี หวั่นเจ้าหน้าทีรัฐ บิดเบือน สร้างความเสียหายต่อหลักการองค์กรและผู้เกี่ยวข้องในโครงการ ถูกเขียนขึ้น ภายหลังจากที่การจัดกิจกรรมเสวนา สร้างการเรียนรู้ และความเข้าใจต่อสถานการณ์ความขัดแย้ง สันติภาพปาตานี/ชายแดนใต้ ในภูมิภาคต่าง ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน หรือปักษ์ใต้ ซึ่งเป็นภารกิจที่เราขับเคลื่อนมาตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้มีแง่มุมที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทั้งมิติวัฒนธรรม ความคิด บทเรียนจากปรากฏการณ์ และความเป็นวิชาการ นับตั้งแต่ ปี 58 เป็นต้นมา ปาตานี ฟอรั่ม ยังคงดำเนินสร้างการเรียนรู้ และการสื่อสารภาคพลเมืองในสังคมไทยมาอย่างต่อเนื่อง แต่ภายใต้มิติที่เป็นปัญหานั้น ต้องยอมรับว่า การแลกเปลี่ยนประเด็นของภาคชาวบ้าน ภาคพลเมือง ค่อนข้างจะมีความแตกต่าง มีการกระทบกระทั่ง ขัดแย้ง จากมุมมองของภาครัฐบาล ไม่มากก็น้อย ซึ่งเป็นมิติที่เกิดขึ้นต่อทุกๆ รัฐบาลทั่วโลก ทั้งนี้ด้วยแนวทางที่ปาตานี ฟอรั่ม สร้างพื้นที่การแลกเปลี่ยน เข้าใจโดยมีความพยายามจะให้เสียงที่มาจากพื้นที่ปาตานี ได้แลกเปลี่ยนเป็นกับเสียงภูมิภาคอื่นๆ เป็นหลัก และมีปาตานี ฟอรั่ม เป็นผู้เชื่อมประสาน และอำนวยบรรยากาศการพูดคุยแลกเปลี่ยนก่อนจะนำเสนอรายงานสู่สาธารณะ เพื่อสร้างความเข้าใจต่อไป ล่าสุดปรากฏว่ามีกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวของภาครัฐ ได้ติดตาม สอบถามจากผู้ร่วมกิจกรรม ระบุว่าถูกตั้งแง่สงสัยว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกี่ยวข้องต่อการก่อการร้าย เมื่อครั้งชวนไปร่วมแลกเปลี่ยนในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งข้อเท็จจริงเช่นไรขณะนี้อยู่ระหว่างการประมวลข้อมูล ทำความเข้าใจกันอยู่ ขณะที่บางท่าน ก็โดนเพจเฟสบุค ที่เชื่อได้ว่าเป็นเพจของเจ้าหน้าที่รัฐในระดับปัจเจกบุคคล นำไปเผยแพร่ บิดเบือนให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลที่เพจดังกล่าวกล่าวอ้าง ดังตัวอย่าง ได้ปรากฏในลิงค์ http://board.postjung.com/887853.html ไม่ระบุชื่อผู้เขียนและวันเวลาการนำเสนอ โดยใช้ชื่อเรื่องว่า “NGOใต้บอกว่าผมนี่แหละBRN” ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน2558ได้มีลิงค์ http://narater2010.blogspot.com/…/06/ngo-brn-lempar-15.html… ขยายความเท็จอีกครั้งด้วยการตั้งชื่อเรื่องของเนื้อหาตามบทความเดิมว่า “เมื่อตูแวดานียา ประกาศผมนี่แหละBRN” ซึ่งขณะนี้ทางผู้เสียหาย ก็ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าไม่ได้พูดตามดังทีเพจดังกล่าว ระบุถึงตามลิงค์ https://www.facebook.com/danial.struggle/posts/10205742629237774 อย่างไรก็ตามเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อบุคคลที่ร่วมกิจกรรมกับ ปาตานี ฟอรั่ม และยืนยันในความบริสุทธิ์ใจในกาทำงาน ปาตานี ฟอรั่ม จึงทำจดหมายเปิดผนึก ทีจะขอย้ำความสำคัญให้เจ้าหน้าที่รัฐที่กำลังทำหน้าปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ดังต่อไปนี้ 1.ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ได้ดำเนินภารกิจด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไร้อคติและชอบธรรมด้วยหลักการสิทธิมนุษยชน 2.ขณะที่เจ้าหน้าที่บางท่านที่ทำการอันให้เกิดความเสื่อมเสีย บิดเบือนข้อเท็จจริงของบุคคลที่ร่วมกิจกรรมกับปาตานี ฟอรั่ม ขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวทันที 3.ทั้งนี้อยากให้สาธารณะเข้าใจว่า การทำงานของปาตานี ฟอรั่ม เป็นที่รู้จักและเข้าใจในเป้าหมายการทำงานว่าเป็นองค์กรทีส่งเสริมสร้างความเข้าใจของภาคพลเมือง ซึ่งที่ผ่านมาปาตานี ฟอรั่มก็ได้สื่อสารกับเจ้าหน้าทีรัฐในทั้งในระดับพื้นที่ ระดับสูง หรือ ภาคประชาสังคมจากในพื้นที่และนอกพื้นที่ หรือแม้นองค์กรระหว่างประเทศ อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งนั่นหมายความว่าการสร้างมีความพยายามทำลายภาพลักษณ์องค์กรผ่านผู้ร่วมกิจกรรมปาตานี ฟอรั่มนั้นอาจหมายถึงการทำลายภาพลักษณ์การทำงานของภาครัฐด้วย” 4.หากอยากทำความเข้าใจหลักคิดของปาตานี ฟอรั่มเพิ่มเติม สามารถเข้าไปในเว็บไซท์ www.pataniforum.com หรือจากลิงค์ต่อไปนี้ http://www.pataniforum.com/single.php?id=483 ทั้งหมดคือกระบวนทัศน์ทางความคิดในปัจจุบันของปาตานี ฟอรั่ม เป็นแนวคิดที่นำเสนอโดยการคำนึงการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาไปตามสถานการณ์ ประสบการณ์และบทเรียนจากการทำงาน ที่ยังยึดมั่นใน หลักการพื้นฐานของการอยู่ร่วมในสังคม หลักการของคนที่มีสิทธิเท่าเทียมกัน มีความรับผิด รับชอบในการตัดสินชะตากรรมตนเอง ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งตัดสินแทนคนอื่นๆ ได้ กระบวนการทางสังคมต้องเกิดจากการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน สิ่งที่ต้องเน้นย้ำให้ขึ้นใจ สำหรับประเด็นปัญหาปาตานีในประเทศไทย คือ การสร้างพื้นที่การแลกเปลี่ยนการพูดคุยหรืออภิปรายที่มีความหมาย ต่อประเด็นเรื่องความขัดแย้งในปาตานี/ชายแดนใต้ โดยเห็นว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุดเพื่อการสร้างสันติภาพ ตามพื้นฐานความเคารพต่ออัตลักษณ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของคนในพื้นที่ เป็นพยายามที่จะนำเสนอมุมมองใหม่ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจ บทวิเคราะห์และหาข้อสรุปต่อประเด็นความท้าทายและโอกาสด้านสันติภาพในพื้นที่ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้และระยะยาวนั้น จะต้องอยู่ในพื้นที่ของเสรีภาพทางความรู้ ความคิด และความจริง และนั่นเองคือ “พื้นที่สาธารณะ พื้นที่แห่งการตื่นรู้” อย่างแท้จริง |