วันนี้ (26 ม.ค.2559) เมื่อเวลา 15.00 น.ตัวแทนพนักงานไทยพีบีเอสประมาณ 10 คน ยื่นหนังสือเปิดผนึกที่ร่วมลงชื่อโดยพนักงานจำนวน 32 คน ตั้งคำถามต่อกระบวนการสรรหาผู้อำนวยการผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือไทยพีบีเอสคนใหม่ ต่อคณะกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) และกรรมการสรรหาฯ ของ ส.ส.ท.
ตัวแทนพนักงานตั้งข้อสังเกตถึงคุณสมบัติของผู้ได้รับคัดเลือกที่อาจจะขัดกับ พ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551 มาตรา 32 (3) ที่ระบุว่า ควรเป็นบุคคลที่มีความรู้ความเข้าใจและความเชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ในกิจการวิทยุกระจายเสียงกิจการวิทยุโทรทัศน์หรือการสื่อสารมวลชน แต่ผู้ได้รับคัดเลือกกลับไม่เคยทำงานในองค์กรสื่อสารมวลชนมาก่อน จึงเรียกร้องให้มีการชี้แจงถึงกระบวนการสรรหาและเหตุผลในการคัดเลือก ผอ.ส.ส.ท.เพื่อลดข้อสงสัยในกระบวนการสรรหาที่เกิดขึ้น
“ฝากคำถามไปถึงท่านคณะกรรมการนโยบายและคณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการว่าท่านจะชี้แจง และเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านคณะกรรมการนโยบายและคณะกรรมการสรรหาฯ ทั้งหมดจะได้มาชี้แจงว่ามีเหตุผลเพียงพอ เราจะได้อุ่นใจว่านี่คือกระบวนการสรรหาผู้อำนวยการที่โปร่งใสพอ ไม่ใช่กระบวนการสีเทาที่เราตั้งคำถาม แล้วก็ไม่มีคำตอบมาให้” โกวิท โพธิสาร ตัวแทนพนักงานไทยพีบีเอสผู้ยื่นหนังสือ
“คำถามมีข้อเดียว และควรต้องตอบคำถาม ถ้าไม่ตอบ ผมก็ไม่สามารถอธิบายตัวเองได้ และถ้าคนข้างในไม่สามารถอธิบายกันเอง ผมคิดว่าคนข้างนอกเองก็มีคำถามประเดประดังเข้ามา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เรื่องนี้เป็นเรื่องคุณสมบัติซึ่งตัวกฏหมายระบุ ซึ่งกฏหมายนี้ผมไม่ได้เขียน พี่ไม่ได้เขียน คนอื่นไม่ได้เขียน มันมีอยู่แล้ว” โกวิทกล่าว
พวงรัตน์ สองเมือง ผู้อำนวยการสำนักรายการ ในฐานะรักษาการตำแหน่ง ผอ.ส.ส.ท.เป็นผู้รับมอบจดหมายและรับว่าจะนำจดหมายเปิดผนึกนี้ส่งต่อให้ทางกรรมการนโยบายฯ และคณะกรรมการสรรหาฯ โดยกระบวนการยื่นหนังเอกสารดังกล่าห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าวจากภายนอกทำข่าวและถ่ายภาพ
ทั้งนี้ ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ประธานคณะกรรมการนโยบาย ส.ส.ท.ได้ลงนามประกาศแต่งตั้ง ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ เป็น ผอ.ส.ส.ท. ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. เป็นต้นไป มีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี
‘ณรงค์’ ยืนยัน คกก.สรรหาเห็นว่า ‘กฤษดา’ มีคุณสมบัติเหมาะสม
ไทยพีบีเอสออนไลน์ รายงานว่า โกวิทให้สัมภาษณ์ หลังยื่นจดหมายเปิดผนึกว่า หลังจากนี้จะรอดูท่าที่ของฝ่ายบริหารและคณะกรรมการสรรหา แต่ส่วนตัวคิดว่าฝ่ายผู้บริหารคงไม่นิ่งนอนใจ เนื่องจากเริ่มมีกระแสการตั้งคำถามเกิดขึ้นแล้ว
“เรายังไม่อยากกดดันเพื่อให้ฝ่ายบริหารชี้แจง แต่ถ้าฝ่ายบริหารยังนิ่งเฉยก็ต้องหารือกับกลุ่มเพื่อนพนักงานอีกครั้ง เพราะถ้ากระบวนการสรรหาครั้งนี้ผิดกฎหมาย ก็คงไม่ใช่ผมคนเดียวที่จะเคลื่อนไหวในเรื่องนี้” นายโกวิทกล่าว
“ไทยพีบีเอสกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน ถ้าไม่สร้างบรรทัดฐานให้ดี แต่กลับมีการอะลุ่มอล่วย มันก็ไม่แฟร์ และไม่เคลียร์”
ขณะที่ ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ประธานกรรมการนโยบาย ส.ส.ท.กล่าวว่า ทางคณะกรรมการนโยบายทุกคนไม่ได้รังเกียจที่จะตอบคำถาม ตามที่จดหมายเปิดผนึกของพนักงานที่เรียกร้องมา แต่ไม่รู้ว่าจะชี้แจงอะไรเพิ่มได้อีก เนื่องจากที่ผ่านมาได้ออกเป็นเอกสารและประกาศตามขั้นตอนการสรรหา ผอ.ส.ส.ท.ไปหมดแล้ว อีกทั้งไม่เข้าใจว่า ทำไมพนักงาน 32 คนที่ลงชื่อไม่เข้าใจ แต่เพื่อนพนักงานอีกพันกว่าคนเข้าใจหมดถึงกระบวนการหา ผอ.ส.ส.ท.
“ในส่วนคำถามที่ระบุว่าคุณสมบัติของนายกฤษดาตรงตาม พ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551 หรือไม่นั้น ต้องเรียนว่าคณะกรรมการสรรหาทั้ง 5 คน ล้วนแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายระดับประเทศ รวมถึงด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งเมื่อทั้ง 5 คนตีความคุณสมบัติของนายกฤษฎาว่าไม่มีปัญหา ทางกรรมการนโยบาย ส.ส.ท.จะบอกว่ามีปัญหาได้อย่างไรกัน” ประธานกรรมการนโยบาย ส.ส.ท.ชี้แจง
ณรงค์กล่าวเพิ่มเติมว่าคณะกรรมการนโยบายจะประชุมกันอีกครั้งตามระเบียบวาระวันที่ 29 ม.ค.2559 ซึ่งอาจมีการหารือกันว่าจะมีการชี้แจงหรือไม่ อย่างไร ระหว่างนี้ หากพนักงานคนใดมีข้อสงสัยขอให้ถามผู้อำนวยการสำนักของตนเองหรือหัวหน้างานตัวเองก่อน
‘กฤษดา’ งดแจง ชี้ยังไม่ได้เริ่มทำงาน
ด้าน บีบีซีไทย – BBC Thai รายงานว่า ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ ทพ.กฤษดา เรืองอารีรัชต์ ผู้ได้รับการคัดสรรให้ดำรงตำแหน่ง ผอ.ส.ส.ท.ถึงประเด็นที่พนักงานไทยพีบีเอสมีความกังวลต่อคุณสมบัติดังกล่าว แต่ ทพ.กฤษดากล่าวว่ายังไม่ขอแสดงความเห็น เนื่องจากขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มทำงานกับทางไทยพีบีเอส และอยู่ระหว่างเคลียร์งานที่คั่งค้างอยู่ โดยคาดว่าจะเริ่มการทำงานกับสถานีไทยพีบีเอสในสัปดาห์หน้า
ก่อนที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นผู้อำนวยการ ส.ส.ท. นั้น ทพ.กฤษดา เคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2559 ทพ.กฤษฎาได้ให้สัมภาษณ์ ไทยพีบีเอสออนไลน์ ภายหลังเข้าสัมภาษณ์ เพื่อสมัครเข้ารับตำแหน่ง ผอ.ส.ส.ท.ว่า ไม่กังวลเรื่องคุณสมบัติส่วนตัว ที่อาจทำให้ไม่ได้เข้ารับตำแหน่ง ผอ.ส.ส.ท.เพราะแม้ไม่เคยทำงานอยู่ในสถานีโทรทัศน์โดยตรง แต่มีประสบการณ์ในเรื่องการออกแบบการสื่อสารมานานกว่า 14 ปี เห็นได้จากผลงานแคมเปญใหญ่ๆ ที่ผ่านมา เมื่อครั้งทำงานอยู่ใน สสส. เช่น งดเหล้าเข้าพรรษา สวดมนต์ข้ามปี ให้เหล้าเท่ากับแช่ง ฯลฯ ซึ่งทุกประเด็นใช้การสื่อสารทั้งนั้น อีกทั้งช่วงที่ผ่านมา ได้สนับสนุนการผลิตรายการต่าง ๆ กว่า 150 รายการ ฉะนั้น จึงเข้าใจวิธีการเลือกคอนเทนต์และมุมมองการเสนอข่าว
นายกฤษดากล่าวต่ออีกว่า ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป คนทำสื่อไม่ได้หมายความว่าต้องอยู่ในวงการสื่ออย่างเดียว เพราะทุกวันนี้ผู้บริโภคเป็นคนเลือกคอนเทนต์ ซึ่งเป็นมุมมองสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์สื่อ การมาสัมภาษณ์ครั้งนี้ ต้องการนำเสนอมุมมองใหม่ในด้านสื่อให้กับไทยพีบีเอส เพราะถ้าไทยพีบีเอสไม่สามารถมีมุมมองที่แตกต่างจากสื่ออื่นได้ ก็คงไม่ต่างจากสถานีโทรทัศน์อื่นที่เหมือนกันไปหมดในปัจจุบัน ฉะนั้น ไทยพีบีเอสต้องกล้ามองให้หลุดกรอบ และบูรณาการระบบการทำงาน
ผู้สมัครชิงตำแหน่ง ผอ.ไทยพีบีเอส 1.นายพัฒนะพงศ์ จันทรานนทวงศ์
คณะกรรมการสรรหา ผอ.ไทยพีบีเอส 1. เดชอุดม ไกรฤทธิ์
คณะกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. 1.รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ประธานกรรมการ |