โผล่เพจเฟซบุ๊กกำลังใจสู่”ฐปณีย์” หลังท่านผู้นำเรียกรายงานตัว เหตุเกาะติดประเด็นลูกเรือไทยในอินโดฯ

หลังสื่อมวลชนตีข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่พอใจ ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้ช่วยบรรณาธิการข่าว และผู้ประกาศข่าว รายการข่าว 3 มิติ ทางช่อง 3 เตรียมเรียกเข้าพบเจ้าหน้าที่ หลังเสนอข่าวแรงงานประมงไทยในอินโดนีเซีย โดยระบุอาจถูกลดความน่าเชื่อถือด้านการค้ามนุษย์ อาจกระทบการค้า มีการสร้างแฟนเพจในเฟซบุ๊กชื่อ กำลังใจสู่”ฐปณีย์” เปิดเพียง 8 ชั่วโมงก็มีผู้มากดไลค์ติดตามถึงกว่า 3,000 คน

“ผมบอกจริงๆ ฐปณีย์ เอียดศรีไชย  มาหาเจ้าหน้าที่เสียพูดอยู่ข้างนอกมันได้อะไรขึ้นมา ถ้าผมทำผมไม่ได้ทำเพราะฐาปณีย์ ผมทำเพราะผมอยากจะทำ รู้หมดว่าใครอยู่ที่ไหนอย่างไร ผมถามว่ามันง่ายหรือไม่ และผิดกฎหมายหรือเปล่า ไม่ยอมรับอะไรซักอย่างแล้วจะเอาแต่สิทธิเสรีภาพ จะไปไหนก็ได้หรือจะไปประเทศนู้นประเทศนี้ ได้โดยที่ไม่ต้องมีใบอนุญาตหรือเปล่า เรือสี่ห้าลำชื่อเดียวกันได้หรือไม่ วันนี้รัฐบาลกำลังขึ้นทะเบียนเรือ และติดจีพีเอสบนเรือ จับปลาที่ไหนมาต้องแสดงให้เห็นว่าจับมาจากไหน ไม่ใช่นอกน่านน้ำ ต้องไปในพื้นที่ถูกต้อง คนงานต้องมีใบอนุญาต ไม่เช่นนั้นจะถูกหลอกอย่างที่ว่า และผมถามว่าถูกหลอกสมัยผมหรือเปล่า ซึ่งวันนี้ก็แก้ทุกอัน แล้วมันแก้ได้ไวหรือไม่” บันทึกคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในหน้าสื่อมวลชน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 มี.ค.กรุงเทพธุรกิจ รายงาน ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์กรณีแรงงานไทยในอินโดนีเซียถูกหลอกไปเป็นลูกเรือและกลายเป็นคนตกเรือเนื่องจากถูกปลอมเอกสาร หลักฐานจนไม่มีตัวตนว่า รัฐบาลดำเนินการมาตลอด ครั้งที่ผ่านมาก็สามารถช่วยเหลือมาได้ 26 ราย เรื่องนี้อย่าเพิ่งขยายความกันมากเพราะบางข่าวเป็นอันตรายกับประเทศ ในเรื่องความมั่นคง และอยากถามว่ารัฐบาลที่ผ่านมาทำไมไม่ทำ จะให้ทำทุกอย่างเสร็จในเวลาแป๊บเดียวแล้วไล่ตนไป มันได้ที่ไหน รัฐบาลพยายามเจรจาพูดคุยมาโดยตลอด

นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า หากสื่อตีข่าวนี้ออกไปรู้หรือไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไร จะเกิดเรื่องการค้ามนุษย์เข้ามาทันที และถ้าเขาไม่ซื้อปลาสองแสนกว่าล้านตัน พวกตีข่าวจะต้องรับผิดชอบ มีอะไรตนรับฟังอยู่แล้วขอให้มาพูดและบอกเจ้าหน้าที่ วันนี้รัฐบาลรับฟังปัญหาแต่ต้องมาพูดก่อน ถ้าไปตีข่าวอยู่อย่างนี้คนไทยทั้งประเทศเสียหาย ฉะนั้นนักข่าวได้ข่าวมาแล้วต้องตรวจสอบ

ด้าน ฐปณีย์ ยังคงโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Thapanee Ietsrichai รายงานสถานการณ์ความคืบหน้ากรณีแรงงานไทยจากเกาะเบนจินาว่า ขณะนี้ทั้งคนไทยทั้ง 5 คน อยู่ในสถานที่ปลอดภัย ภายในท่าเรือของบริษัท ซึ่งอยู่ในเกาะฝั่งตรงข้ามที่ตัวเธอเองพักอยู่ในท่าเรือฝั่งหมู่บ้าน แม้ทั้งหมดจะอยู่ภายในบริษัท แต่ขอให้ครอบครัวสบายใจได้ว่า ทุกคนจะปลอดภัย เพราะเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ทางวรวิทย์ ภัทรนิตย์ เลขานุการเอก สถานทูตไทย ณ กรุงจากาตาร์ ประสานผู้บริหารบริษัทเรือชาวอินโดนีเซีย เพื่อให้เธอได้พบกับแรงงานไทย ทั้ง 5 คน

ทั้งนี้ ในหน้าเฟซบุ๊กดังกล่าวพบว่ามีผู้มาโพสต์ให้กำลังใจ และแสดงความห่วงใยเธอเป็นจำนวนมาก

 

 

ฐปณีย์ ยังเขียนชี้แจงด้วยว่า ที่มาการขอความช่วยเหลือคนไทยทั้ง 5 คน เริ่มต้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 มี.ค. เธอและปฏิมา ตั้งปรัชญากุล ผู้จัดการมูลนิธิ LPN เดินทางไปที่เกาะเบนจินา เพื่อตรวจสอบกรณีมีข้อมูลว่า บนเกาะนี้ มีหลุมฝังศพคนไทย มีคุกขังแรงงาน และปัญหาเรือติดค้าง เมื่อไปถึงพบหลุมฝังศพคนไทยที่มีป้ายชื่อไทยแลนด์ 64 ราย ไม่มีป้ายชื่อ 12 ราย และหลุมใหม่ ที่เป็นศพนิรนาม รวมแล้วชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 100 ศพ จึงไปสอบถามข้อมูลกับตำรวจเกาะเบนจินา ซึ่งยอมรับว่ามีศพนิรนาม ไม่มีชื่อจริง ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวน และพาเธอไปที่ท่าเรือเพื่อสอบถามจากผู้บริหารเรื่องศพ ทางบริษัทระบุว่ามีการแจ้งให้ญาติทราบและจ่ายเงินเยียวยา

จากนั้นเธอได้รับข้อมูลจากแรงงานคนหนึ่งให้ไปดูคุกที่กักขังแรงงาน ที่อยู่ด้านหลัง รปภ. และพบคนไทย 5 คน คนพม่าอีกจำนวนหนึ่ง ร้องขอความช่วยเหลือต้องการกลับประเทศไทยโดยด่วน เธอจึงเดินทางกลับเกาะอัมบน ในวันที่ 23 มี.ค. และเปิดเผยข่าวนี้ ขณะที่ทีม LPN ส่งรายชื่อคนไทยที่ร้องขอกลับบ้าน ทั้ง 5 คน และ 17 คน มีทั้งที่ป่วยและถูกสวมชื่อหลอกมาทำงาน 

ทางสถานทูตได้ทำหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย และทางบริษัท ขณะที่เธอและทีม LPN กลับมาติดตามการช่วยเหลือที่เกาะโดโบ เมื่อวานนี้ (24 มี.ค.) จนช่วงบ่ายทราบว่าทั้ง 5 คนได้รับการปล่อยตัว แต่ด้วยปัญหาการประสานงานและอุปสรรคบางอย่าง ทำให้ต้องใช้เวลาถึง 2 วันกว่าจะได้เจอทั้ง 5 คนและได้รับคำยืนยันว่าจะได้รับการส่งกลับประเทศไทย

ขณะที่ในส่วนของช่อง 3 และรายการต้นสังกัด ยังคงให้ฐปณีย์รายงานสดทางโทรศัพท์ ถึงสถานการณ์ลูกเรือไทยในอินโดฯ 

ส่วนการรายงานข่าว ในประเด็นแรงงานอุตสาหกรรมประมงไทยในทะเลอินโดนีเซียนั้นก็มีสื่อต่างประเทศติดตามอยู่ โดยเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าว AP รายงานข่าวสืบสวนสอบสวนเรื่อง Slave Caught Fish Found. AP tracked the supply chain of slave caught fish to top U.S. retailers. ที่เอพีติดตามห่วงโซ่อุปทานของทาสจับปลาที่ถูกส่งไปค้าปลีกในสหรัฐ  

เอพีใช้ทีมข่าว 3 คนทำเรื่องนี้มา 1 ปี สัมภาษณ์แรงงานทาสชาวพม่า 40 ราย ที่ถูกล่อลวง/หลอก ไปทำงานบนเรือไทย และติดอยู่บนเกาะเบนจินา ในหมู่เกาะเครื่องเทศในอินโดนีเซีย ทีมข่าวทำข้อมูล ลงพื้นที่เกาะติดห่วงโซ่ supply chain ของอาหารทะเล จากแรงงานทาสตามเรือประมงกลางทะเล ส่งปลาขึ้นเรือแช่แข็ง และตามรถขนอาหารทะเลเข้าโรงงาน ตามว่าโรงงานเหล่านั้นผลิตอาหารทะเลยี่ห้ออะไร ส่งขายไปทั่วโลก โดยเฉพาะอเมริกาและยุโรป

 

 

author