แนวโน้มการเติบโตของราคายางพารา (Embedding disabled, limit reached)
ในตอนนี้ราคาตลาดกลางของน้ำยางสดอยู่ที่ 120 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคายางแผ่นดิบอยู่ที่ 127 บาทต่อกิโลกรัม และคาดว่าภายในปีนี้ราคายางจะสูงขึ้นถึง 200 บาทต่อกิโลกรัมเลยทีเดียวและหาซื้อได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากเหตุการณ์น้ำท่วมได้สร้างความเสียหายกระทบถึงแปลงปลูกจำนวนมาก[/size]
[/size]สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง ได้คิดราคาเฉลี่ยยางแผ่นดิบคุณภาพ 3 ตั้งแต่ปี 2546 – ปัจจุบัน ได้ดังนี้ ปี 2546 เฉลี่ยได้ 40.19 บาท , ปี 2547 เฉลี่ยได้ 46.65 บาท , ปี 2548 เฉลี่ยได้ 55.23 บาท , ปี 2549 เฉลี่ยได้ 71.35 บาท , ปี 2550 เฉลี่ยได้ 72.14 บาท , ปี 2551 เฉลี่ยได้ 79.90 บาท , ปี 2552 เฉลี่ยได้ 59.46 บาท , ปี 2553 เฉลี่ยได้ 106.29 บาท และปี 2554นี้ เฉลี่ยได้ 148.96 บาท[/size]
[/size] เมื่อดูสรุปจากกราฟจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ปี 2546 – 2551 ราคาของยางพาราแผ่นดิบมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มากนัก และในปี 2552 ราคาได้ตกลงมาถึงประมาณ 10 บาท แต่ในปี 2553 และ 2554นี้ ราคายางแผ่นดิบได้เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมประมาณ 1 เท่าตัวเลยทีเดียว[/size]
[/size]นายธวัชชัย สิทธิวีระกุล หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์และสารสนเทศ สำนักงานเกษตรจังหวัดพะเยา ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ เดี๋ยวนี้คิดว่ายางพาราเป็นการซื้อขายล่วงหน้า การเก็งกำไรที่ขายซื้อพาดพิงตลาดโลก ราคาเมื่อก่อนที่ทางเหนือยังไม่ปลูกยาง ทางใต้ได้ประมาณ 20- 30 บาท เขาก็อยู่ได้และทางเหนือดีอย่างหนึ่งคือ เวลาปลูกนานขึ้นกรีดได้ถึง 8 เดือน แต่ทางใต้เพียงแค่ 4 เดือนเพราะจะมีฝนประมาณ 8 เดือน แต่ทางภาคเหนือกลับกันเวลากรีดมากขึ้นและปริมาณน้ำฝนมีไม่มากทำให้เวลากรีดยางมาก เมื่อเวลากรีดมากขึ้นถึงแผลผลิตอาจจะน้อยกว่า มันก็สามารถเพิ่มมูลค่าขึ้นได้ อีกอย่างหนึ่งภาคเหนือไม่มีการปลูกยางจริงๆ คือมีการทำนา ทำสวน ทำไร่ เพราะฉะนั้นถึงแม้เขาจะกรีดไปเรื่อยๆแต่ก็มีข้าวกิน แต่ทางใต้เขาต้องซื้อข้าวทำให้ถึงแม้ภาคเหนือไม่กรีดยางก็ไม่มีปัญหา ”