เผยข้อมูลบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ใน จ.สมุทรสาคร ประกาศเปิดโครงการ “ร่วมใจจาก” ให้ลูกจ้างสมัครใจลาออกจำนวน 100 คน อ้างสภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำกระทบต่อเศรษฐกิจไทย รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ชะลอตัว จำเป็นต้องลดต้นทุนการผลิตให้บริษัทยังอยู่ได้ ด้านผู้นำแรงงานยานยนต์จับตากระแสเลิกจ้างในเครือผลิตรถยนต์ เตือนสมัครใจลาออกเสียสิทธิว่างงาน
2 ก.ค. 2559 นักสื่อสารแรงงาน รายงานผ่าน voicelabour.org ว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2559 แหล่งข่าวแจ้งว่าบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร ได้ประกาศเปิดโครงการ “ร่วมใจจาก” ให้กับลูกจ้างในฝ่ายผลิตที่สมัครใจลาออกจำนวน 100 คน โดยอ้างหลักการเหตุผล เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศไทย รวมถึงขณะนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ชะลอตัว ทำให้มีความจำเป็นต้องลดต้นทุนการผลิต เพื่อการแข่งขันให้บริษัทคงอยู่ต่อไป
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า บริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทผลิตชิ้นยานยนต์ประเภท (ยาง) ส่งขายให้กับผู้ประกอบกิจการประกอบรถยนต์ ซึ่งบริษัทอ้างถึงความจำเป็นที่ต้องการปรับนโยบายการดำเนินงานใหม่ เพื่อให้องค์กรเกิดประสิทธิภาพการทำงานสูงยิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านมา มีมาตรการในการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง ลดชั่วโมงการทำงานล่วงเวลา ลดของเสียในกระบวนการผลิต ลดกำลังคนด้วยการเปิดโครงการร่วมใจจากให้ลาออกด้วยความสมัคร และยุบเลิกสายพานการผลิตที่มีต้นทุนสูงเป็นต้น
แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า ทางบริษัทมีข้อเสนอในการจ่ายเงินให้กับลูกจ้างเทียบเท่าอายุงานที่ทำมา และบวกเพิ่มให้อีก 2 เดือน เพื่อเป็นน้ำใจให้กับลูกจ้างที่สมัครใจเข้าโครงการ ซึ่งขณะนี้มีข่าวลือในบริษัทถึงสถานะของบริษัทว่าอาจมีการย้ายฐานการผลิตหรือปิดกิจการ ส่งผลให้ลูกจ้างเกิดความระส่ำระสาย ในส่วนของตัวแทนลูกจ้างจึงมีการนำข้อมูลการส่งออกให้เป็นความรู้กับทางสมาชิกเพื่อการตัดสินใจ
ด้านวิสุทธิ์ เรืองฤทธิ์ รองประธานสหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย (สยท.) กล่าวว่า ยังมีบริษัทผลิตยานยนต์ยักษ์ใหญ่ที่เตรียมการเลิกจ้างลูกจ้างเหมาค่าแรงอีกจำนวนมาก โดยได้เข้ามาขอคำปรึกษาเพื่อการเฝ้าระวังอยู่ขณะนี้ กรณีที่บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์กับบริษัทผลิตรถยนต์ที่มีการเปิดสมัครใจให้คนงานลาออกและเลิกจ้างนั้น หากมองในแง่ของข้อมูลการเติบโตของเศรษฐกิจรถยนต์มีการปรับตัวเรื่องของการใช้แรงงานฝีมือทักษะเพิ่มขึ้น และมีการผลิตรถรุ่นใหม่
แม้ว่าแรงงานที่ทำงานมานานมีทักษะฝีมือ และปรับตัวได้เมื่อมีเครื่องจักรใหม่มาก็ตาม แต่การที่เลิกจ้างหรือให้คนเก่าที่เงินเดือนสูงออก และมีการจ้างเด็กรุ่นใหม่เข้ามาทำงานแทนและยังสามารถที่จะฝึกงานได้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ได้ นายจ้างเห็นว่าให้คนที่เงินเดือนสูงและอายุก็มากแล้วออกไปหนึ่งคนสามารถจ้างเด็กใหม่ได้ตั้งคนครึ่งทีเดียว ซึ่งตรงนี้ในส่วนของบริษัทผลิตชิ้นส่วนที่สมุทรสาครก็มีการเตรียมที่จะเปลี่ยนคนและเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ด้วยพร้อมกัน
ส่วนผลิตภัณฑ์เดิมเครื่องจักรเดิมที่ต้องผลิตเพื่อส่งสินค้าให้กับตลาดก็มีหลายบริษัทหันไปใช้บริษัทรับเหมาช่วง หรือย้ายฐานไปยังประเทศใน CLMV คือกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพดี เช่น ประเทศกัมพูชา ลาว พม่า เวียดนามที่ค่าจ้างยังต่ำอยู่ เป็นต้น ส่วนประเทศไทยจะใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้นกว่าเดิมและต้องการลดต้นทุนเรื่องค่าจ้างคนเก่าซึ่งมีค่าจ้างและสวัสดิการที่สูงออก
ตรงนี้เองมองว่านายจ้างยังคงมองลูกจ้างเป็นสินค้าพอหมดค่าก็ทิ้ง ไม่ได้ดูว่าสังคมต้องแบกรับภาระคนเหล่านี้อย่างไรหลังจากต้องตกงาน
วิสุทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า การที่นายจ้างใช้วิธีการให้ลูกจ้างสมัครใจลาออกนั้น อยากฝากให้ลูกจ้างหรือผู้ใช้แรงงานดูเรื่องข้อมูลให้ดี เพราะการที่สมัครใจลาออกนั้นกระทบต่อสิทธิประกันสังคมกรณีว่างงานที่หากนายจ้างเลิกจ้างจ่ายค่าชดเชยให้ตามกฎหมาย ตามอายุงานแล้ว ลูกจ้างต้องไปแจ้งประกันสังคมเพื่อรับสิทธิกรณีว่างงานร้อยละ 50 ของเงินเดือนเป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือ 180 วัน แต่หากลูกจ้างสมัครใจลาออกสิทธิกรณีว่างงานจะเหลือเพียงร้อยละ 30 ของเงินเดือน ในระยะเวลา 3 เดือน หรือ 90 วัน
ทั้งนี้ คงต้องจับตาดูการเลิกจ้างลูกจ้างเหมาค่าแรงของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ว่าในวันที่ 4 ก.ค.นี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ที่ อ.สำโรง จ.สมุทรปราการ