เปลี่ยนวิธีคิดเกรดเข้ามหา'ลัยใหม่ (Embedding disabled, limit reached)
เปลี่ยนอีกแล้ว !!! วิธีคิดเกรดเข้ามหา’ลัย
เป็นข่าวสารที่ต้องรีบเอามาบอกต่อให้รู้โดยทั่วกัน สำหรับเด็กม.6 กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ผมเห็นในทวิตเตอร์ของพี่ลาเต้ แห่งเด็กดีด็อทคอม พาดหัวว่า ม.6 งานเข้า!! ศธ.ปรับวิธีคิด "เกรดเฉลี่ยเข้ามหาลัย" ใหม่ ผมอ่านข่าวนี้แล้วจับประเด็นได้ว่า
“ตามปกติการคิดเกรดก็จะคิดแต่เพียงที่เราเรียนในห้องเรียนกัน เป็นเกรดที่คุณครูเป็นคนประเมินให้เท่านั้น แต่ต่อจากนี้การคิดเกรดจะไม่ได้คิดแต่เพียงในห้องเรียน จากโรงเรียนเพียงอย่างเดียว แต่จะรวมเอาคะแนนสอบโอเน็ตมาด้วย”
การคิดเกรดแบบใหม่นี้ก้จะมีการแบ่งสัดส่วนเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแรกจากในห้องเรียน ที่ออกโดยโรงเรียนคิดเป็น 80 เปอร์เซ็นของเกรดทั้งหมด ส่วนที่สองอีก 20 เปอร์เซ็นจะมาจากคะแนนสอบโอเน็ต
แน่นอนว่าต่อจากนี้ถ้าเด็กม.6 คนไหนไม่สอบโอเน็ต ก็จะไม่จบม.6 สมัยก่อนก็จะมีกรณีเด็กติดสอบตรงเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเอาคะแนนสอบโอเน็ตไปแอดมิดชั่น ทำให้เด็กบางคนสอบ โอเน็ตแบบชิวๆ ทิ้งดิ่งบ้าง กามั่วบ้าง หรือบางคนอาจไม่เข้าสอบบ้าง เพราะคะแนนโอเน็ตไม่มีผลกระทบต่อชีวิตตัวเองอีกแล้ว มาถึงยุคนี้ก็จะทำแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไป
มีเสียงบ่นมากพอสมควรจากนักเรียนที่ได้รับผลกระทบว่า “เกรดก็แย่อยู่แล้ว ยิ่งมาเอาคะแนนสอบโอเน็ตไปบวกรวมคิดเกรดด้วยอีก ซึ่งคะแนนสอบโอเน็ตก็รู้อยู่แก่ใจว่าจะทำได้ไม่ดี ก็ยิ่งฉุดเกรดลงไปอีก โอกาสที่จะเข้ามหาวิทยาลัยรัฐดังๆ ก็ยิ่งมีน้อยลงไปอีก”
เท่านั้นยังไม่พอ มีข่าวแว่วจากทางผู้ใหญ่ว่า เมื่อปีนี้เป็นปีแรกที่นำคะแนนโอเน็ตมาคิดเกรดร่วมกันกับเกรดในห้องเรียน ในสัดส่วน ห้องเรียน 80% โอเน็ต20% ในปีถัดไปก็จะขยับขึ้นอีกเป็น ห้องเรียน 70% โอเน็ต30%และขยับสัดขึ้นปีละ 10% จนกระทั้งมีสัดส่วนอยู่ที่ห้องเรียน 50% โอเน็ต 50%
ตอนนี้เท่าที่ผมทำการสืบค้นยังไม่พบข้อมูลว่า เหตุใดจึงต้องปรับวิธีคิดเกรดเข้ามหาวิทยาลัยใหม่โดยนำคะแนนสอบโอเน็ตมาคิดร่วมด้วย ถ้าให้วิเคราะห์ก็คงเป็นเพราะ คะแนนโอเน็ตเป็นตัวชี้วัดคุณภาพสถานศึกษา และที่ผ่านๆมาคะแนนสอบโอเน็ตของเด็กไทยก็ต่ำลงเรื่อยๆ นี่อาจจะเป็นมาตรการกดดันให้โรงเรียนปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนให้ดีขึ้น และแน่นอนย่อมส่งผลกระทบมายังเด็กม.6 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อีกด้านหนึ่งการคิดคะแนนโอเน็ตรวมกับเกรดในห้องเรียน ยิ่งเป็นการผูกขาดอำนาจการจัดการศึกษาจากส่วนกลาง ทำให้การศึกษาไทยไม่พ้นจากกรอบเดิมเสียที กรอบเดิมๆที่ต้องแข็งขันกัน กรอบเดิมๆที่ต้องกวดวิชา กรอบเดิมๆที่ต้องเดินเข้ามาเรียนกระจุกตัวที่ในเมืองหลวง
เด็กนักเรียนไทยคงจะเป็นเด็กที่น่าสงสารที่สุดในโลกมังครับ เพราะต้องเผชิญกับความวุ่นวาย ความไม่แน่นอน ความไม่เสถียร ไม่ลงหลักปักฐานของการศึกษาไทย ไม่เพียงแต่จะทำให้การศึกษาในบ้านเราถอยหลัง แต่เด็กนักเรียนไทยก็จะท้อแท้ สิ้นหวังตามไปด้วย …