8 เม.ย.2558 เฟซบุ๊กกลุ่มลูกชาวบ้าน ม.บูรพา บางแสน เผยแพร่ภาพและระบุข้อมูลว่าเวลาประมาณ 12.23 น. เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจสนธิกำลังเข้าระงับงานเสวนา “ทำไมต้องนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ” ของกลุ่มลูกชาวบ้าน ซึ่งจัดขึ้นในมหาวิทยาลัยบูรพา โดยได้เข้าคุมตัวนิสิตผู้มาร่วมงานจำนวน 2 คนเอาไว้สอบสวน
รายงานเบื้องต้นทราบว่านิสิต 2 คนได้รับการปล่อยตัวแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามสมาชิกกลุ่มลูกชาวบ้านรายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า วันนี้ (8 เม.ย.58) เวลา 13.00 น.กลุ่มลูกชาวบ้านจัดบรรยายสาธารณะ หัวข้อ “ทำไมต้องนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ” ที่บริเวณหน้ากองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยบูรพา ขณะที่เตรียมงานมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบราว 15 คน เข้ามายังบริเวณที่จัดงาน ทางกลุ่มจึงแยกย้ายกัน
อย่างไรก็ตาม มีน้องนิสิต 2 คน ชาย 1 คน และหญิง 1 คน ซึ่งจะมาร่วมงานและมาช่วยเตรียมงานยังอยู่ในบริเวณดังกล่าว จึงถูกเจ้าหน้าที่เข้ากักตัวและสอบถามว่าเป็นผู้จัดงานหรือไม่ เป็นใคร มาจากไหน และเกี่ยวข้องกับการจัดบรรยายสาธารณะครั้งนี้หรือไม่ อีกทั้งยังมีการถ่ายรูปนิสิตไปด้วย
สมาชิกกลุ่มลูกชาวบ้าน ให้ข้อมูลด้วยว่า จากการสอบถามนิสิตภายหลังถูกปล่อยตัวแล้วทราบว่า เจ้าหน้าที่อ้าง มาตรา 44 ในการห้ามจัดกิจกรรม โดยเจ้าหน้าที่สอบถามว่า “รู้จักมาตรา 44 ไหม คสช.ประกาศใช้แล้ว” และกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ทำอะไรก็ได้ หากเห็นว่าไม่มีความปลอดภัย
ส่วนเหตุผลในการห้ามจัดงานในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่อ้างว่าเนื่องจากเกรงว่าจะเลยเถิดไปเป็นเรื่องการเมือง จึงต้องการจะมาฟังด้วย และระบุว่าการจัดกิจกรรมต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ แต่กิจกรรมวันนี้ไม่มีการขออนุญาต อีกทั้งตามมาตรา 44 แล้วไม่ให้มีการชุมนุม
สมาชิกกลุ่มลูกชาวบ้าน กล่าวว่า ขณะนี้คงไม่สามารถจัดงานต่อไปได้ เพราะทีมจัดงานได้แยกย้ายกันแล้ว เหลือเพียงอุปกรณ์ที่ใช้เตรียมจัดกิจกรรมซึ่งยังคงอยู่บริเวณหน้ากองกิจการนิสิต และทราบว่าเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบยังคงกระจายกำลังอยู่ในบริเวณดังกล่าว จึงเกรงอาจต้องการรวบตัวกลุ่มผู้จัดงาน
ด้านนิสิตหญิงที่ถูกกักตัวให้ข้อมูลว่า หลังจากเจ้าหน้าที่กักตัวเพื่อให้ข้อมูลเธอได้แยกกับนิสิตรุ่นพี่ซึ่งถูกกักตัวอีกคนหนึ่ง และได้ทราบภายหลังว่ารุ่นพี่คนดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่เดินติดตามขณะที่จะกลับเข้าเรียน โดยถูกขอถ่ายสำเนาบัตรประชาชน และขอเบอร์โทรด้วย
“หนูไม่อยากให้ถ่ายรูป เค้าไม่มีสิทธิที่จะทำอย่างนี้กับหนู รู้สึกว่าเป็นการคุกคาม และยังคุกคามกับการเดินตามเราด้วย” เธอบอกเล่าถึงความรู้สึก