เคลื่อนแล้ววันนี้ กะเหรี่ยงภาคเหนือขนข้าวดอยไปมอบให้กะเหรี่ยงแก่งกระจาน ผ่านผู้ว่าฯ

เคลื่อนแล้ววันนี้ กะเหรี่ยงภาคเหนือขนข้าวดอยไปมอบให้กะเหรี่ยงแก่งกระจาน ผ่านผู้ว่าฯ

เคลื่อนแล้ววันนี้  เครือข่ายกะเหรี่ยงภาคเหนือขนข้าวดอยไปมอบให้กะเหรี่ยงแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ระหว่างทางแวะรับมิตรไมตรีจากเพื่อน เตรียมส่งมอบข้าวผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด

   
วันนี้ (11 มกราคม 2555) ตั้งแต่เวลา 4.00 น. กลุ่มเครือข่ายกะเหรี่ยงภาคเหนือ ที่ระดมข้าวดอย เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และอาหารตามโครงการ " “สร้างบุญ รวมใจ เรียกขวัญ พี่น้องกะเหรี่ยงบางกลอย-โป่งลึก จังหวัดเพชรบุรี”เริ่มออกเดินทางจากสำนักงานคกน.จ.เชียงใหม่ สู่อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรีแล้ว โดยมีกะเหรี่ยงจากหลายพื้นที่ในภาคเหนือร่วมเดินทางพร้อมรถบรรทุกพ่วงขนาดใหญ่ บรรทุกข้าวกว่า 24 ตัน ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของข้าวดอยที่ระดมช่วยกันรวบรวมมาได้กว่า 42 ตันและทะยอยส่งไปยัง จ.เพชบุรีก่อนหน้านี้

กำหนดการเดินทางในวันนี้ ระหว่างทางจะแวะพักที่ จ.ลำปาง จ.กำแพงเพชร โดยมีพี่น้องร่วมเครือข่ายมาให้กำลังใจและสนับสนุนดูแลให้ความช่วยเหลือและคาดว่าจะถึงที่พัก  ณ ศูนย์ฝึกอบรมเยาวชน อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรีในช่วงค่ำ ก่อนจะพักผ่อนและออกเดินทางจากศูนย์ฝึกอบรมฯ สู่หมู่บ้านบางกลอย-โป่งลึกในเช้าวันที่ 12 มกราคม

         

โดยก่อนหน้านี้เมื่อค่ำวันที่ 10 ม.ค.2555 คืนก่อนออกเดินทางกลุ่มกะเหรี่ยงภาคเหนือได้ร่วมกันประกอบกิจกรรมพิธีกรรมอธิฐาน โดยผู้อาวุโสกะเหรี่ยงภาคเหนือ,ผู้นำทางศาสนา  พิธีเจริญพระพุทธมนต์  ขอบคุณผู้บริจาคข้าวเปลือก ข้าวสารทุกเม็ด  พร้อมชี้แจงทำความเข้าใจการเดินทางไปอำเภอแก่งกระจาน  จังหวัดเพชรบุรี เนื่องจากเป็นการเดินทางไกลของหลายคนซึ่งต่างตั้งใจจะไปให้กำลังใจพี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์

   

พระปลัดสุชาติ  สุวฑฒโก ประธานกลุ่มกะเหรี่ยงภาคเหนือกล่าวว่า  ตั้งใจที่จะนำข้าวทุกเม็ดที่ได้รับบริจาคมาไปมอบให้ถึงมือกระเหรี่ยงผู้เดือดร้อน  เพราะจากการไประดมขอความช่วยเหลือจากชุมชนกะเหรี่ยงต่างๆ ได้พบเห็นความตั้งใจช่วยเหลือในสิ่งที่ทุกคนมีอยู่และแบ่งปันกันได้ และเมื่อได้พูดคุยถึงความจำเป็นของกะเหรี่ยงแก่งกระจานแล้ว เราต่างเห็นพ้องตามความเชื่อของกะเหรี่ยงว่า เรามีพี่น้องไม่กี่คน  ฟ้าจะถล่มเราต้องพยุงกันไว้ 

"ความลำบาก หรือทุกข์ทางกายนั้น กะเหรี่ยงไม่ว่าที่ไหนรู้่ซึ้งกันทั้งนั้น เพราะพวกเราอดอยากกันมาก่อน   แต่เพื่อนของเราทุกข์ทั้งกาย และทุกข์ใจด้วย   จึงต้องการไปแบ่งเบาความทุกข์ เริ่มจากบรรเืทาทุกข์ทางกายให้ปากท้องกินอิ่ม เขาจะมีกำลังที่คิดออกว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป"

ป้ามานี  กระเหรี่ยงจากบ้านคาปู ต.บอแล อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ที่ร่วมเดินทางไปครั้งนี้บอกว่า ยังไม่เคยไปแก่งกระจาน แต่ได้รับทราบว่าคนที่นั่นทุกข์มาก   พวกเราเองมีความทุกข์ด้านสิทธิในที่ทำกินไม่มีก็ทุกข์ใจอยู่แล้ว แต่ที่โน่นทุกข์ไม่มีอะไรกินและลำบากเรื่องอื่นด้วยก็เลยอยากไปให้กำลังใจ
ด้านป้าตะเน้อ บอกว่าจะไปให้กำลังใจ และไม่ได้เตรียมอะไรมาก นอกจากก่อนหน้านี้ได้สมทบข้าวมาแล้ว 1 ถัง

                 

นายสรศักดิ์      เสนาะพรไพร ผู้ประสานงานกลุ่มกะเหรี่ยงภาคเหนือกล่าวว่า ในเช้าวันที่ 12 มกราคม เมื่อเดินทางไปถึงหมู่บ้านบางกลอย-โป่งลึกแล้ว จะได้ไปร่วมงานเปิดศูนย์เด็กเล็กโรงเรียนบ้านโป่งลึก และส่งมอบข้าวเปลือก เครื่องอุปโภคบริโภค ให้พี่น้องบางกลอย-โป่งลึกจำนวน ๔๖,๐๐๐ กิโลกรัม ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี  และมอบอุปกรณ์การเรียนแก่นักเรียนโรงเรียนโป่งลึกจากนั้นจะมีกิจกรรมแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นโดยตัวแทนชาวบ้าน, ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี, นายอำเภอแก่งกระจาน, ตัวแทนศูนย์ศึกษาชาติพันธุ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ตัวแทนศูนย์มนุษย์วิทยาสิรินธร,ตัวแทนจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, ตัวแทนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(พอช.), ตัวแทนพระสงฆ์, ตัวแทนกลุ่มกะเหรี่ยงภาคเหนือประเทศไทย, ช่วงค่ำมีเวทีแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม กวี ดนตรีและเพลงพื้นบ้านให้กำลังใจพี่น้องบางกลอย-โป่งลึก และพี่น้องกะเหรี่ยงในประเทศไทยและพี่น้องชาวไทยผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคน

ส่วนเช้าวันที่ 13 มกราคม 2555  ชาวบ้าน และกลุ่มกะเหรี่ยงภาคเหนือประเทศไทยและผู้เข้าร่วมร่วมทำบุญตักบาตร อธิฐานให้กับบรรพบุรุษเจ้าที่เจ้าทาง เจ้ากรรมนายเวร ทำพิธีเรียกขวัญคนสู่ขวัญข้าว/ สู่ขวัญ มอบข้าวเปลือก ข้าวสาร เสื้อผ้าของใช้ ให้กับพี่น้องกะเหรี่ยงแก่งกระจาน  จากนั้นเดินทางร่ำลาพี่น้องกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย-โป่งลึก รับการอวยพรจากปู่คอฮี้และผู้อาวุโสชุมชนบางกลอย-โป่งลึก

       

อนึ่ง  ชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อาศัยอยู่บริเวณป่าแก่งกระจานบริเวณลำห้วยของลุ่มน้ำเพชรบุรี และลุ่มน้ำบางกลอย จนกระทั่งในปีพ.ศ.2524 กรมป่าไม้ได้ประกาศพื้นที่นี้เป็นอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานครอบคลุมเนื้อที่ 1,821,687.84 ไร่ เป็นอุทยานที่มีพื้นที่มากที่สุดของประเทศไทย ผลจากการประกาศดังกล่าวนี้ ทำให้ในปีพ.ศ.2539 ได้มีโครงการอพยพ ผลักดันให้ชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่บริเวณใจแผ่นดิน-พุระกำ มาอยู่อาศัยบริเวณบ้านบางกลอยหมู่ 1 และบ้านโป่งลึกหมู่ 2 จำนวน ๑๙๒ หลังคาเรือน ประชากร ๑,๐๔๘ คน  โดยระบุว่าได้จัดหาที่ดินทำกินพร้อมที่อยู่อาศัยให้แก่ชาวกะเหรี่ยง แต่ในสถานการณ์จริงพบว่า ที่ดินที่ราชการให้นั้นมีผู้อื่นทำกินอยู่แล้ว หรือไม่ก็ที่ดินเหล่านั้นไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก จึงเป็นเหตุให้ชาวกะเหรี่ยงเหล่านี้อพยพกลับไปอยู่ในบริเวณเดิมที่ตนเองเคยอาศัย
 
                ปีพ.ศ.2552-2554 อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานพบว่า มีชนกลุ่มน้อยเข้ามาบุกรุก ตัดไม้ ถางไร่ และเผาป่าตามแนวชายแดนไทย-พม่า จึงได้จัดทำโครงการขยายผลการอพยพ/ผลักดันชุมชนกลุ่มน้อยกลับถิ่นฐานเดิมขึ้น ได้เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่เดือนเมษายน ถึงเดือน กรกฎาคม 2554 รวมทั้งสิ้น 6 ครั้ง ในครั้งที่ 6 นี้เฮลิคอปเตอร์ที่ใช้ในปฏิบัติการนี้ได้ประสบอุบัติเหตุตกลงมา ดังปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ มีการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตจากปฏิบัติการครั้งนี้ ขณะที่ชาวกะเหรี่ยงที่ถูกเผายุ้งข้าว เผาบ้านและถูกยึดสิ่งของไป ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือเท่าที่ควรและยังถูกกล่าวหาว่าเป็นกะหร่าง เป็นชนกลุ่มน้อยไม่ใช่คนไทย และยังอ้างเหตุผลการเผาไล่ว่า เป็นชนกลุ่มน้อยที่เข้ามาปลูกพืชเกษตรเพื่อเป็นเสบียงบำรุงแก่ฝ่ายพม่า   

ทำให้ชาวกะเหรี่ยงโป่งลึก-บางกลอยต้องประสบกับความยากลำบากในการดำเนินชีวิต ไม่มีข้าว และอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการ   ด้วยเหตุนี้ทางกลุ่มกะเหรี่ยงภาคเหนือ ได้ระดมข้าวสาร อาหารแห้ง เสื้อผ้า เพื่อเอื้ออำนวยความสะดวกในการดำรงชีพโดยการรับบริจาคข้าวเปลือกและข้าวสารจากชาวกะเหรี่ยงภาคเหนือและให้แก่ชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอยในขณะนี้

 
ภาพจาก  นักข่าวพลเมืองกลุ่มเครือข่ายกะเหรี่ยงภาคเหนือ 
     

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ