เครือข่ายประชาสังคมเพื่อสันติภาพ จี้รัฐหาความจริงกรณีวิสามัญฯ 4 ศพ ทุ่งยางแดง

เครือข่ายประชาสังคมเพื่อสันติภาพ จี้รัฐหาความจริงกรณีวิสามัญฯ 4 ศพ ทุ่งยางแดง

เครือข่ายประชาสังคมเพื่อสันติภาพ ชี้กรณีวิสามัญฯ 4 ศพ ทุ่งยางแดง กระทบบรรยากาศสันติภาพ จี้รัฐเร่งแจงข้อเท็จจริงสาธารณะ ร้องสื่ออย่าทำตัวเสมือนเป็นโฆษก กอ.รมน.นำเสนอข้อมูลด้านเดียว

31 มี.ค. 2558 wartani.com เผยแพร่แถลงการณ์เครือข่ายประชาสังคมเพื่อสันติภาพ ฉบับที่ 1 กรณีวิสามัญฆาตกรรม 4 ศพ กับอีก 22 คนถูกควบคุมตัวที่ทุ่งยางแดง ระบุ ข้อสรุปของภาครัฐและประชาชนต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ต่างกันสุดขั้วนั้น จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าได้เกิดแรงกระเพื่อมขยายสร้างและเพิ่มเงื่อนไขหล่อเลี้ยงความขัดแย้งยืดเยื้อโดยปริยาย คือ

1.บั่นทอนบรรยากาศของกระบวนการสันติภาพสันติสุขที่กำลังเป็นกระแสสูงและยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของประชาชนว่าไม่สามารถไว้วางใจต่อนโยบายหรือข้อตกลงหรือการรณรงค์ใดๆ ซึ่งคาบเกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพสันติสุขที่มาจากภาครัฐ

2.ส่งผลกระทบต่อมาตรฐานกระบวนการยุติธรรมหรือหลักนิติรัฐแห่งประเทศไทยโดยตรง หากปลายทางของการตรวจสอบข้อเท็จจริงซึ่งมาจากกลไกที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่นั้นสรุปว่า เจ้าหน้าที่รัฐมีความผิดจริง แต่กระบวนการยุติธรรมไม่สามารถลงโทษทางอาญาได้ 

เพื่อเป็นการลดทอนน้ำหนักการเป็นเงื่อนไขหล่อเลี้ยงความขัดแย้ง ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เครือข่ายประชาสังคมเพื่อสันติภาพจึงมีข้อเรียกร้องต่อภาครัฐ ดังนี้

1.ระดับนโยบายของภาครัฐต้องแสดงความจริงจังต่อการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อกระบวนการสันติภาพสันติสุข โดยการเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฏต่อสาธารณและหากผลสรุปตรงตามข้อมูลข้อเท็จจริงของชาวบ้าน คือ เจ้าหน้าที่รัฐมีความผิดจริงนั้น รัฐต้องลงโทษทางอาญาอย่างไม่มีข้อยกเว้นใดๆ

2.หากกลไกการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับของประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ มีผลสรุปออกมาว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ปะทะกับผู้ก่อเหตุรุนแรงจริง อีกทั้งผู้เสียชีวิตทั้ง 4 คน และผู้ถูกควบคุมตัว 22 คน ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับอาวุธปืนทั้ง 4 กระบอกดังกล่าว ขอให้ภาครัฐระดับนโยบายทำการแถลงข่าวชี้แจงเพื่อแก้ข่าวให้ตรงตามความเป็นจริงด้วยในทันที

3.ขอเรียกร้องต่อสื่อ อย่าทำตัวเสมือนเป็นโฆษก กอ.รมน. เสียเอง เมื่อมีเหตุการณ์อ่อนไหวที่สร้างความสูญเสียชีวิตต่อประชาชนดังเช่นเหตุการณ์ในครั้งนี้ ขอความกรุณาอย่านำเสนอข้อมูลจาก กอ.รมน. เพียงด้านเดียว มิเช่นนั้นสื่อเสียเองที่จะสร้างเงื่อนไขหล่อเลี้ยงความขัดแย้งระหว่างรัฐกับประชาชน

แถลงการณ์
เครือข่ายประชาสังคมเพื่อสันติภาพ ฉบับที่ ๑/๒๕๕๘
กรณีวิสามัญฆาตกรรม ๔ ศพกับอีก ๒๒ คนถูกควบคุมตัวที่ทุ่งยางแดง

เนื่องด้วยเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๘ เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น.ได้เกิดเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงและขัดกับหลักมนุษยธรรมสากลอย่างปฏิเสธไม่ได้นั่นคือเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าได้ปิดล้อมจับตายเยาวชน ๔ คน ซึ่ง ๒ ใน ๔ คน ที่เสียชีวิตนั้น เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาฟาฏอนี และควบคุมตัวชายฉกรรจ์จำนวนทั้งหมด ๒๒ คน ที่บ้านโต๊ะชูด ตำบลพิเทน อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสสูงของกระบวนการสันติภาพสันติสุข ซึ่งส่งผลให้อารมณ์ความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่มีความคาดหวังสูงว่าสันติภาพสันติสุขคงเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ แต่ความคาดหวังสูงดังกล่าวก็ต้องมาติดลบอีกครั้งด้วยเหตุการณ์สลดใจสะเทือนขวัญในครั้งนี้

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เหตุการณ์ครั้งนี้ได้กลายเป็นตัวแปรสำคัญของการขยายตัวเป็นเงื่อนไขหล่อเลี้ยงความขัดแย้งจนส่งผลกระทบต่อบรรยากาศของกระบวนการสันติภาพสันติสุขนั้น คือ การสรุปและมองเหตุการณ์ในครั้งนี้ของทางภาครัฐและประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะญาติๆ ผู้สูญเสียและเพื่อนพ้องน้องพี่ตลอดจนบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยฟาฏอนีนั้น สรุปและมองเหตุการณ์ครั้งนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง

ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวการสรุปเหตุการณ์ของภาครัฐ โดยผ่านการชี้แจงเบื้องต้นหลังเหตุการณ์เกิดขึ้นได้ ๑ วัน ของโฆษก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค ๔ ส่วนหน้า) ดังนี้

พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค ๔ ส่วนหน้า เผยกับคลื่นข่าว ๑๐๐.๕ ว่า “จากการที่เจ้าหน้าที่ปะทะผู้ก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ ตำบลพิเทน อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี วานนี้ คนร้ายเสียชีวิต ๔ คน สามารถควบคุมแนวร่วมได้ ๒๒ คน ยึดอาวุธปืน ๔ กระบอก เป็นปืนอาก้า ๓ กระบอก ปืนพก ๑ กระบอก ระบุ เหตุดังกล่าวเป็นไปตามปฏิบัติการทุ่งยางแดงโมเดล หลังประชาชนแจ้งเบาะแสพบความเคลื่อนไหว ของผู้ก่อเหตุความรุนแรงเตรียมเข้ามาโจมตีฐานปฏิบัติในพื้นที่ โดย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้วยความระมัดระวัง”

แต่ข้อสรุปของบรรดาญาติๆ และชาวบ้านต่อเหตุการณ์นี้ คือ ผู้เสียชีวิตทั้ง ๔ คนนั้นไม่ใช่คนร้าย และไม่ใช่แนวร่วมขบวนการฯแต่อย่างใด อีกทั้ง ๒ ใน ๔ คน ที่เสียชีวิตนั้นยังเป็นนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาด้วยซ้ำ

เมื่อข้อสรุปของภาครัฐและประชาชนต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ต่างกันสุดขั้วนั้น จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าได้เกิดแรงกระเพื่อมขยายสร้างและเพิ่มเงื่อนไขหล่อเลี้ยงความขัดแย้งยืดเยื้อโดยปริยาย กล่าวคือ

๑.เหตุการณ์ครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบไปบั่นทอนบรรยากาศของกระบวนการสันติภาพสันติสุขที่กำลังเป็นกระแสสูงและยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของประชาชนว่าไม่สามารถไว้วางใจต่อนโยบายหรือข้อตกลงหรือการรณรงค์ใดๆ ซึ่งคาบเกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพสันติสุขที่มาจากภาครัฐ

๒.เหตุการณ์ครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบต่อมาตรฐานกระบวนการยุติธรรมหรือหลักนิติรัฐแห่งประเทศไทยโดยตรง หากปลายทางของการตรวจสอบข้อเท็จจริงซึ่งมาจากกลไกที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่นั้นสรุปว่า เจ้าหน้าที่รัฐมีความผิดจริง แต่กระบวนการยุติธรรมไม่สามารถลงโทษทางอาญาได้ ยิ่งทำให้ประชาชนเพิ่มความไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมและยิ่งเพิ่มความรู้สึกร่วมกับขบวนการปลดปล่อยปาตานีอย่างเข้าใจว่า ที่ขบวนการฯได้ใช้กิจกรรมทางอาวุธต่อสู้กับรัฐนั้นเป็นสิ่งที่ชอบธรรมโดยภาวะวิสัยตามสภาพความเป็นจริงแล้ว

เพื่อเป็นการลดทอนน้ำหนักการเป็นเงื่อนไขหล่อเลี้ยงความขัดแย้ง ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากเหตุการณ์ในครั้งนี้และเชื่อว่าภาครัฐเองก็คงเห็นด้วยที่จะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเงื่อนไขหล่อเลี้ยงความขัดแย้งเสมือนเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีเป็นอันแน่

เครือข่ายประชาสังคมเพื่อสันติภาพจึงมีข้อเรียกร้องต่อภาครัฐ ดังต่อไปนี้

๑.ระดับนโยบายของภาครัฐต้องแสดงความจริงจังต่อการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อกระบวนการสันติภาพสันติสุข โดยการเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฏต่อสาธารณและหากผลสรุปตรงตามข้อมูลข้อเท็จจริงของชาวบ้าน คือ เจ้าหน้าที่รัฐมีความผิดจริงนั้น รัฐต้องลงโทษทางอาญาอย่างไม่มีข้อยกเว้นใดๆ

๒.หากกลไกการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับของประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ มีผลสรุปออกมาว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ปะทะกับผู้ก่อเหตุรุนแรงจริง อีกทั้งผู้เสียชีวิตทั้ง ๔ คน และผู้ถูกควบคุมตัว ๒๒ คน ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆกับอาวุธปืนทั้ง ๔ กระบอกดังกล่าว ขอให้ภาครัฐระดับนโยบายทำการแถลงข่าวชี้แจงเพื่อแก้ข่าวให้ตรงตามความเป็นจริงด้วยในทันที

๓.ขอเรียกร้องต่อสื่อ อย่าทำตัวเสมือนเป็นโฆษก กอ.รมน. เสียเอง เมื่อมีเหตุการณ์อ่อนไหวที่สร้างความสูญเสียชีวิตต่อประชาชนดังเช่นเหตุการณ์ในครั้งนี้ ขอความกรุณาอย่านำเสนอข้อมูลจาก กอ.รมน. เพียงด้านเดียว มิเช่นนั้นสื่อเสียเองที่จะสร้างเงื่อนไขหล่อเลี้ยงความขัดแย้งระหว่างรัฐกับประชาชน

ด้วยจิตรักสันติภาพและประชาธิปไตย
เครือข่ายประชาสังคมเพื่อสันติภาพ
๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘

ที่มาแถลงการณ์และภาพ: สำนักสื่อวาร์ตานี 

 

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ