อาซูรอ

อาซูรอ


อาซูรอ
อับดุลลอฮ์ อัส-ซะอฺดี สำนักข่าวอัลจาซีร่า
แปลโดย ฟาตอนีออนไลน์

      อาชูรอ ถูกจัดขึ้นโดยชาวมุสลิมทั้งหมดในวันที่สิบของเดือนมุฮัรรอม เดือนแรกในปฏิทินอิสลาม
      มันเป็นวันที่นูฮ์ (โนอา) ลงจากเรือ และเป็นวันที่มูซา (โมเสส) ได้รับการปกป้องจากพระเจ้าให้พ้นจากฟาโรห์ของอียิปต์ ศาสดามุฮัมมัดเคยถือศีลอดในวันอาชูรอในเมืองมักกะฮ์ ซึ่งเป็นธรรมเนียมโดยทั่วไปสำหรับชาวมุสลิมในยุคแรกเริ่ม  แต่สำหรับชีอะฮ์ มันยังเป็นเทศกาลสำคัญทางศาสนาเพื่อรำลึกถึงการพลีชีพของ ฮุเซน หลานชายของศาสดามุฮัมมัด ผู้ซึ่งเสียชีวิตในสงครามกัรบะลาเมื่อปี ค.ศ.680
      ทุกปีตั้งแต่นั้นมา มุสลิมจำนวนมากทำการรำลึกถึงวันอาชูรอด้วยการไปเยือนสุสานของอิหม่ามฮุเซน ซึ่งอยู่ที่เมืองกัรบะลา
      มุสลิมซุนนีรำลึกถึงวันนี้ด้วยการถือศีลอดอาสา
 
สงครามกัรบะลา
       ประวัติศาสตร์อิสลามในช่วงต้น มุสลิมจำนวนหนึ่งสนับสนุนอะลี ลูกพี่ลูกน้องของศาสดาและเป็นคอลีฟะฮ์ (ผู้ปกครองทั้งศาสนจักรและอาณาจักร) คนที่สี่ของประชาชาติมุสลิม
       การสนับสนุนของพวกเขามีพื้นฐานอยู่บนความปรารถนาที่จะให้ตำแหน่งคอลีฟะฮ์ดำรงอยู่ภายในตระกูลวงศ์ของศาสดา
      พวกเขาถูกเรียกว่าชีอะฮ์ ซึ่งหมายถึง “ผู้สนับสนุน” ในภาษาอาหรับ
      อะลีถูกฆาตกรรมในปี 661 และมุอาวียะฮ์ บิน อะบีซุฟยาน ผู้ต่อต้านคนสำคัญของเขาได้ขึ้นเป็นคอลีฟะฮ์
      มุอาวียะฮ์ถูกสืบทอดโดยยาสีด ลูกชายของเขา ด้าน ฮุเซนบุตรชายของอะลี ปฏิเสธไม่ยอมให้สัตยาบันกับยาสีด และการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายจึงเกิดขึ้น
      ฮุเซน พร้อมกับครอบครัวของเขาและนักรบเพียงไม่กี่คน เผชิญหน้ากับกองทัพของยาสีด
      ฮุเซนปฏิเสธไม่ยอมแพ้ถึงแม้จะรู้ว่าฝ่ายของตนมีกำลังน้อยกว่า
      ภายหลังการต่อสู้ในเวลาอันสั้น เขาและผู้ติดตามก็ถูกสังหาร

พิธีกรรมของชีอะฮ์
      พิธีกรรมและการปฏิบัติในวันอาชูรอประกอบด้วยการแสดงออกถึงความเศร้าโศกเสียใจต่อสาธารณะ
      ชีอะฮ์บางกลุ่มใช้วิธีการหวดตัวเองด้วยโซ่และสันดาบ เพื่อแสดงตัวอย่างความเจ็บปวดที่อิหม่ามฮุเซนได้รับก่อนที่จะถูกตัดศีรษะ
      การเสียชีวิตของอิหม่ามฮุเซนสำหรับชาวชีอะฮ์ถือว่าเป็นเครื่องหมายของการต่อสู้ของมนุษยชาติต่อความอยุติธรรม, ผู้ปกครองที่กดขี่ และการกดขี่
      อย่างไรก็ตาม หลายปีมานี้ ผู้รู้ของชีอะฮ์ได้ห้ามปรามการทำให้หลั่งเลือด เพราะมันจะสร้างภาพลักษณ์ที่ล้าหลังและเป็นลบให้กับกลุ่มของพวกเขา ผู้นำบางคนสนับสนุนให้ทำการบริจาคเลือดให้แก่คนป่วยที่ต้องการเลือดแทน
      ชาวอิรักจำนวนมากทำอาหารตลอดทั้งคืน และนำข้าวกับเนื้อและถั่วเขียวมาบริการให้แก่ผู้เข้าร่วมในพิธีนี้

 แหล่งที่มา :http://www.aljazeera.com/news/middleeast/2007/01/2008525172518879666.html 
[/size]

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ