ภายหลังที่จังหวัดกาฬสินธุ์ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงผลกระทบการสำรวจขุดเจาะปิโตรเลียม ของบริษัทแทแท็กไทยแลนด์ III แอลแอลซี หลุมเจาะ TEW-K ที่ตั้งฐานขุดเจาะใกล้ชุมชนบ้านคำไผ่ – โนนสง่า ต.หนองกุง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้รวมตัวกันร้องเรียนและคัดค้านการขุดเจาะ เพราะได้รับผลกระทบทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อมตามมาหลังจากที่ได้สูดดมกลิ่นก๊าซซึ่งคาดว่าจะเป็นก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือ ก๊าซไข่เน่านั้น
มีรายงานแจ้งว่าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ตรวจสอบขอเท็จจริงเสร็จสิ้นและมีการรายงานผลแล้วเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2558 โดยสรุปว่า การขุดเจาะดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนในพื้นที่จริง ตั้งแต่การได้รับกลิ่น ผลกระทบต่อตา การระคายเคืองต่อผิวหนัง แต่ประชาชนไม่ขอรับการเยียวยาใดๆ และให้เป็นโมเดลหรือกรณีตัวอย่างหากจะมีการดำเนินงานในลักษณะเดียวกันในพื้นที่อื่นอีก 5 หลุม ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่อาจเกิดกรณีแบบนี้หรือมีผลที่รุนแรงกว่า ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ได้ ดังนั้นหากจะมีการดำเนินการในพื้นที่อื่นควรจะพิจารณาให้ถี่ถ้วน และให้หน่วยงานราชการทุกหน่วยทั้งภาคราชการ ภาคเอกชนและนักวิชาการร่วมกันตรวจสอบ รวมทั้งขอให้มีการติดตั้งระบบแจ้งเตือนมลพิษหรือภัยที่เสี่ยงต่อคนในพื้นที่ ทั้งนี้ นายภุชงค์ โพธิกุฎสัย ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ได้ลงนามรับรองและแจ้งผลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาเป็นกรณีศึกษาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่อื่นที่จะมีการขุดเจาะในลักษณะเดียวกันต่อไป
นอกจากนั้นยังมีรายงานว่าทางบริษัทแทแท็กไทยแลนด์ III แอลแอลซี ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานปิโตรเลียม แปลงสัมปทานบนบกหมายเลข L16/50 บริเวณจังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2551 ได้ขอคืนแปลงสัมปทานแล้ว ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2558 โดยให้เหตุผลว่าจากการตรวจสอบอัตราการไหลของก๊าซไม่มีสมรรถนะในเชิงพาณิชย์
นักข่าวพลเมืองมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ รายงาน