สมัชชาคนจนร้องหยุดดำเนินคดี บารมี-นักศึกษา-คนจนผู้ปกป้องสิทธิ์

สมัชชาคนจนร้องหยุดดำเนินคดี บารมี-นักศึกษา-คนจนผู้ปกป้องสิทธิ์

สมัชชาคนจนร้องหยุดดำเนินคดี บารมี-นักศึกษา-คนจนผู้ปกป้องสิทธิ์ ด้านที่ปรึกษาสมัชชาคนจนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมทนาย ก่อนได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเหตุไม่มีท่าทีหลบหนี ชาวบ้านสมัชชาคนจนจัดบายศรีสู่ขวัญให้หน้า สน.สำราญราษฎร์ มีภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมในพิธี

5 ส.ค. 2558 สน.สำราญราษฎร์ เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. บารมี ชัยรัตน์ ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน และกรรมการองค์การ Armnestry International ประเทศไทย พร้อมทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เดินทางเข้าพบพนักงานตำรวจเจ้าของคดี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาที่ถูกแจ้งดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 หรือข้อหา “ยุยงปลุกปั่น” คาดว่าสืบเนื่องจากกิจกรรมการรณรงค์เรียกร้องประชาธิปไตยของนักศึกษานักกิจกรรมขบวนการประชาธิปไตยใหม่ เมื่อวันที่ 24-26 มิ.ย.ที่ผ่านมา

20150508121043.jpg

ก่อนหน้านี้บารมีเคยให้สัมภาษณ์ว่า หมายเรียกดังกล่าวออกที่ สน.สำราญราษฎร์ ลงวันที่ 3 ก.ค. 2558 โดยส่งเป็นจดหมายทางไปรษณีย์มาที่บ้านพักของเขา โดยผู้กล่าวหาคือ พ.ท.พงศฤทธิ์ ภวังค์คะนันท์ ผบ.พัน.ร.ศสร. โดยต้องไปรายงานตัวกับ พ.ต.ท.มานิตย์ ทองขาว พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.สำราญราษฎร์ ในวันที่ 10 ก.ค. 2558 เวลา 09.00 น. ต่อมามีการเลื่อนนัดรายงานตัวมาเป็นวันที่ 5 ส.ค. 2558 เวลา 10.00 น.

ทั้งนี้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 บัญญัติไว้ว่า

“มาตรา ๑๑๖ ผู้ใดกระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต

(๑) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย

(๒) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ

(๓) เพื่อให้ประชาชน ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี”

 

20150508121030.jpg

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการมารับทราบข้อกล่าวหาในครั้งนี้มีชาวบ้านและสมาชิกสมัชชาคนจนมาร่วมถือป้ายผ้าให้กำลังใจราว 50 คน 

ด้านสมัชชาคนจนออกแถลงการณ์ให้รัฐบาลยุติการดำเนินคดีกับบารมี 14 นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ และคนจนผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชนโดยทันทีอีกทั้งมีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลทหารยุติการใช้กำลังและกฎหมายอย่างไม่เป็นธรรมต่อคนจนที่ปกป้องสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน และอนุรักษ์ทรัพยากรชุมชนด้วยแนวทางสันติวิธี และเรียกร้องให้รัฐบาล คสช. คืนอำนาจให้กับประชาชนโดยทันทีไม่มีเงื่อนไข

สมัชชาคนจนให้ความเห็นว่าการออกหมายเรียกให้บารมีเข้ารายงานตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาครั้งนี้เป็นการกลั่นแกล้งอย่างไร้เหตุผล เพราะที่ผ่านมาบารมีได้ดำเนินการตามแนวทางสันติวิธีเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยที่คนจนมีส่วนร่วม และปกป้องสิทธิมนุษยชนของคนจนมาโดยตลอด

“การกล่าวหาด้วยข้อหาดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อคนจนอย่างรุนแรง เพราะได้สร้างความหวาดกลัว ให้ยอมจำนนต่อการกดขี่ข่มเหง โดยไม่กล้ายืนหยัดต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในฐานะพลเมืองซึ่งเป็นความมุ่งหมายของรัฐบาลเผด็จการโดยทั่วไป” แถลงการณ์ระบุ

แถลงการณ์ยังบอกด้วยว่า ภายใต้การยึดอำนาจของคณะรัฐประหาร “คสช.” มานานกว่า 1 ปี คนจนที่ประสบปัญหาจากนโยบายของรัฐ ได้รับการกดขี่อย่างหนัก ต้องสูญเสียเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ไม่มีพื้นที่ส่วนร่วมทางการเมือง ไม่มีส่วนในการกำหนดนโยบายใดๆ ทั้งที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและการทำมาหากินอย่างรุนแรง 

การเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เคยดำเนินการสมัยรัฐบาลระบอบประชาธิปไตยก็หยุดชะงักลงไป รัฐบาลทหารไม่เพียงจะไม่ยอมรับฟังเสียงของคนจนที่ได้รับความเดือดร้อน หากแต่ยังเลือกที่จะใช้กำลัง ข่มขู่คุกคาม ขับไล่ ทำลายทรัพย์สิน เรียกตัว กักขัง โดยใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม มาละเมิดสิทธิมนุษยชน และสิทธิชุมชน เพียงเพื่อให้บรรลุนโยบายของตน ซึ่งหลายครั้งนโยบายเหล่านั้นก็เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของนายทุน

ประชาไทรายงานว่า ต่อมาเวลา 11.20 น. เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนเสร็จ และไม่ได้มีการฝากขัง ด้านพูนสุข ทนายความ กล่าวว่า ผู้ต้องหาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่ามารายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหา จึงไม่ควบคุมตัวหรือฝากขัง โดยทนายความจะทำบันทึกคำให้การเพิ่มเติมส่งให้พนักงานสอบสวนภายใน 30 วันและจะมีการประสานนัดหมายกับเจ้าพนักงานสอบสวนอีกครั้ง

ส่วนเพจเฟซบุ๊กสมัชชาคนจน ระบุว่า บารมี เดินลงมาจาก สน.สำราญราษฎร์ หลังให้ปากคำเจ้าหน้าที่ กรณีถูกแจ้งความข้อหาขัดคำสั่งตามประกาศ คสช.และมาตรา 116 โดยบารมีปฏิเสธข้อกล่าวหาและจะขอชี้แจงด้วยเอกสาร ซึ่งเจ้าหน้าที่เห็นว่าไม่มีท่าทีหลบหนีจึงสั่งปล่อยตัวชั่วคราว และหลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวชาวบ้านสมัชชาคนจนได้จัดบายศรีสู่ขวัญบารมีที่หน้า สน.สำราญราษฎร์

 

หลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ชาวบ้านสมัชชาคนจนจัดบายศรีสู่ขวัญ บารมี ชัยรัตน์ ที่หน้าสน.สำราญราษฎร์ 5 ส.ค.58

Posted by สมัชชาคนจน on Tuesday, August 4, 2015

 

ทั้งนี้ แถลงการณ์สมัชชาคนจน มีรายละเอียดดังนี้

แถลงการณ์สมัชชาคนจน

ให้รัฐบาลทหารยุติการดำเนินคดีใดๆ กับ นายบารมี ชัยรัตน์ ผู้ประสานงานสมัชชาคนจน นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ 14 คน และคนจนผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชนโดยทันที

ภายใต้การยึดอำนาจของคณะรัฐประหาร “คสช.” มานานกว่า 1 ปี คนจนที่ประสบปัญหาจากนโยบายของรัฐ ได้รับการกดขี่อย่างหนัก พวกเราสูญเสียเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ไม่มีพื้นที่ส่วนร่วมทางการเมือง ไม่มีส่วนในการกำหนดนโยบายใดๆ ทั้งที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและการทำมาหากินของเราอย่างรุนแรง การเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เคยดำเนินการสมัยรัฐบาลระบอบประชาธิปไตย ก็หยุดชะงักลงไป รัฐบาลทหารไม่เพียงจะไม่ยอมรับฟังเสียงของคนจนที่ได้รับความเดือดร้อน หากแต่ยังเลือกที่จะใช้กำลังต่อเรา ข่มขู่คุกคาม ขับไล่ ทำลายทรัพย์สิน เรียกตัว กักขัง โดยใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม มาละเมิดสิทธิมนุษยชน และสิทธิชุมชน เพียงเพื่อให้บรรลุนโยบายของตน ซึ่งหลายครั้ง นโยบายเหล่านั้นก็เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของนายทุน

ไม่เพียงแต่คนจนเท่านั้น นักศึกษาและประชาชนที่ได้ต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน ตามแนวทางประชาธิปไตย ต่างก็เห็นว่า คณะรัฐประหารไม่มีความชอบธรรมใดๆ ในการเข้ามาบริหารประเทศ ดังนั้น จึงมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์โดยสงบ เพื่อประท้วงการรัฐประหารอยู่หลายครั้ง อันนำมาซึ่งการบุกเข้าจับกุมนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ 14 คน เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2558 ที่สวนเงินมีมา กรุงเทพฯ และผลสืบเนื่องจากการจับกุมดังกล่าว ขณะนี้ นายบารมี ชัยรัตน์ ผู้ประสานงานของสมัชชาคนจน ได้รับหมายเรียกด้วยข้อหาฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ที่ว่าด้วยการ “ยุยงปลุกปั่น” และต้องเข้ามารายงานตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 5 สิงหาคม นี้

สมัชชาคนจนเห็นว่า การออกหมายเรียกให้เข้ามารายงานตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในครั้งนี้ เป็นการกลั่นแกล้งอย่างไร้เหตุผล เพราะที่ผ่านมานายบารมี ชัยรัตน์ ผู้ประสานงานของสมัชชาคนจน ได้ดำเนินการตามแนวทางสันติวิธีเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย ที่คนจนมีส่วนร่วม และปกป้องสิทธิมนุษยชนของคนจนมาโดยตลอด การกล่าวหาด้วยข้อหาดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อคนจนอย่างรุนแรง เพราะได้สร้างความหวาดกลัว ให้ยอมจำนนต่อการกดขี่ข่มเหง โดยไม่กล้ายืนหยัดต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในฐานะพลเมือง ซึ่งเป็นความมุ่งหมายของรัฐบาลเผด็จการโดยทั่วไป

สมัชชาคนจน จึงมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้

1. ให้รัฐบาลทหารยุติการจับกุมดำเนินคดีต่อนายบารมี ชัยรัตน์ ผู้ประสานงานสมัชชาคนจน และนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ทั้ง 14 คน ในข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 โดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข
2. ให้รัฐบาลทหารยุติการใช้กำลังและการใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรมต่อคนจนที่ปกป้องสิทธิมนุษยชน, สิทธิชุมชน และอนุรักษ์ทรัพยากรชุมชนด้วยแนวทางสันติวิธี โดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข
3. รัฐบาลทหารต้องคืนอำนาจอธิปไตยให้แก่ประชาชน โดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข

“ประชาธิปไตยที่กินได้ การเมืองที่เห็นหัวคนจน”

สมัชชาคนจน
5 สิงหาคม 2558

 

ที่มาภาพ: เพจเฟซบุ๊กสมัชชาคนจน 

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ