28 มิ.ย. 2559 เวลาประมาณ 09.00 น. บริเวณลานพ่อขุน มหาวิทยาลัยรามคำแหง กลุ่มภาคีนักศึกษาและนักกิจกรรมเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยรามคำแหง แถลงการณ์แสดงบทบาทปกป้อง 7 นักศึกษา ที่ถูกควบคุมตัวจากการไปร่วมรณรงค์ประชามติ ซึ่ง 5 ใน 7 คน เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ที่มาภาพ: ภาคีนักศึกษาและนักกิจกรรมเพื่อสังคมมหาลัยรามคำแหง
จากกรณีเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2559 นักศึกษาและกรรมการสหภาพแรงงานจำนวนหนึ่งจัดกิจกรรม เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญและรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติ ในย่านนิคมอุตสาหกรรมบางพลี ถูกเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจจับกุม จำนวน 13 คน และถูกตั้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 3/2558 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 ต่อมา 6 คน ได้รับการประกันตัว
กลุ่มภาคีนักศึกษาฯ มีข้อเรียกร้องไปยังองค์กรที่บังคับใช้กฏหมาย มหาวิทยาลัยรามคำแหง และองค์กรนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง 2 ข้อ คือ 1.ขอให้เปิดพื้นที่การรณรงค์ และการแสดงออกเกี่ยวกับกระบวนการประชามติร่างรัฐธรรมนูญ โดยสามารถให้ทั้งสองฝ่ายที่เห็นต่างสามารถรณรงค์ได้ เพื่อประโยชน์ในการรับรู้ของประชาชน
2.ขอให้มหาวิทยาลัยรามคำแหง และองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ออกมาแสดงบทบาทปกป้องนักศึกษาของมหาวิทยาลัย เช่นกับที่ครูอาจารย์ และองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยอื่นได้ปฏิบัติให้เห็นเป็นแบบอย่าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะกลุ่มภาคีนักศึกษาฯ อ่านแถลงการณ์มีเจ้าหน้าที่จากกองกิจการนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงมาร่วมสังเกตุการณ์ และหลังการอ่านแถลงการณ์ ได้เข้าพูดคุยกับกลุ่มกิจกรรมว่า ทางอธิการบดีเป็นห่วงในเรื่องนี้อยู่ และคิดว่าจะไปเยี่ยมนักศึกษาที่ถูกจับกุมในวันนี้ (28 มิ.ย. 2559) ด้วย
“เรามองว่ากิจกรรมที่ให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ เรื่องประชามติคือเรื่องที่สำคัญ การที่คนได้รับรู้ข้อมูลเบื้องต้นในร่างรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่ทุกคนควรได้รับรู้ รัฐธรรมนูญคือกรอบกติกาที่มีผลต่ออนาคตของเรา พวกเราต้องได้รู้ถึงข้อดีและข้อเสีย และจากสถานการณ์ในมหาวิทยาลัยรามคำแหงเวลานี้ช่าง เราอยากให้มหาวิทยาลัยเปิดพื้นที่ให้นักศึกษาได้ทำกิจกรรม ในการประชาสัมพันธ์ รณรงค์ให้คนรุ่นใหม่ในมหาวิทยาลัยได้เข้าใจสิทธิได้อย่างเสรี” ผู้เข้ารร่วมกิจกรรมรายหนึ่งระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิมเติมว่า ในวันนี้ (28 มิ.ย. 2559) ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (New Democracy Movement : NDM) ได้เดินทางไปทำกิจกรรมปล่อยลูกโป่ง “รณรงค์ไม่ผิด” ที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพฯ อีกครั้ง บริเวณหน้าป้ายนอกรั่วเรือนจำ ซึ่งกิจกรรมดำเนินไปได้ด้วยดี โดยมีเจ้าหน้าที่กองกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหงเดินทางเข้าร่วมเยี่ยมนักศึกษาและศิษย์เก่ารามคำแหงที่ถูกคุมขังอยู่ด้วย
ด้านศิษย์เก่า และอดีตนักกิจกรรมมหาวิทยาลัยรามคำแหง เผยแพร่แถลงการณ์ ต่อกรณีการจับกุมดำเนินคดีต่อนักศึกษาที่จัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ให้คนไปใช้สิทธินอกเขตจังหวัด และแจกเอกสารแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญว่ายังขาดการไตร่ตรอง พร้อมมีข้อเรียกร้องดังนี้
1.หยุดการใช้กฎหมายประชามติ เพื่อดำเนินการจับกุม กับบุคคลทุกคน และเปิดให้มีการแสดงออกต่อร่างรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่
2.หยุดใช้คำสั่งหัวหน้า คสช.เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เห็นต่าง และให้เจ้าหน้าที่รัฐทบทวนบทบาทการทำงานในเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย ตลอดจนให้หยุดใช้ความรุนแรงในการเข้าจับกุม
3.ให้ปล่อยกลุ่มนักศึกษาทั้ง 7 คน ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ โดยไม่มีเงื่อนไข เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการให้ข้อมูลต่อการทำประชามติ ที่สามารถทำได้ตามหลักสากล
แถลงการณ์ศิษย์เก่า และอดีตนักกิจกรรมมหาวิทยาลัยรามคำแหง จากกรณีที่มีการจับกุมนักศึกษาที่จัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ให้คนไปใช้สิทธินอกเขตจังหวัด และแจกเอกสารแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ถึงข้อดี ข้อเสียของร่างรัฐธรรมนูญ และให้ประชาชนตระหนักถึงสิทธิตัวเองเพื่อกำหนดอนาคตประเทศ แต่เจ้าหน้าที่รัฐ ได้อ้างคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2558 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เข้าดำเนินคดี จับกุมคุมขังกลุ่มนักศึกษาดังกล่าว และส่งดำเนินคดีในศาลทหาร จนถูกจองจำขาดอิสระภาพ การดำเนินกิจกรรมเพื่อกระตุ้นเตือนให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิในกระบวนการประชามติ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ถือว่าเป็นกระบวนการที่จะทำให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมทางการเมือง และประชาชนต้องได้รับรู้ข้อมูลที่รอบด้านเพียงพอ ต่อการตัดสินใจในครั้งนี้ การใช้อำนาจรัฐเข้าจับกุม โดยขาดการไตร่ตรองของเจ้าหน้าที่ ซึ่งกฎหมายประชามติ ยังคงมีปัญหาความชอบด้วยกฎหมาย อยู่ระหว่างการตีความของศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งการจะระบุว่า ใครทำผิดกฎหมายประชามติ ต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้วินิจฉัย แต่ครั้งนี้กลับไม่ได้มี กกต.เข้าร่วมในการสอบสวน แต่เจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งข้อกล่าวหากับนักศึกษา /ส่วนคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 3 ก็เห็นได้ว่า เป็นคำสั่งที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งในบรรยากาศที่อยู่ในช่วงก่อนทำประชามติ ควรที่จะเปิดให้ประชาชนได้แสดงออกอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นประโยชน์อันสูงสุด พวกเราในนามศิษย์เก่า และอดีตนักกิจกรรมมหาวิทยาลัยรามคำแหง เห็นว่าการดำเนินคดีกับนักศึกษา ยังขาดการไตร่ตรอง จึงมีข้อเรียกร้องดังนี้ 1.หยุดการใช้กฎหมายประชามติ เพื่อดำเนินการจับกุม กับบุคคลทุกคน และเปิดให้มีการแสดงออกต่อร่างรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ 2.หยุดใช้คำสั่งหัวหน้า คสช.เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เห็นต่าง และให้เจ้าหน้าที่รัฐทบทวนบทบาทการทำงานในเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย ตลอดจนให้หยุดใช้ความรุนแรงในการเข้าจับกุม 3.ให้ปล่อยกลุ่มนักศึกษาทั้ง 7 คน ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ โดยไม่มีเงื่อนไข เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการให้ข้อมูลต่อการทำประชามติ ที่สามารถทำได้ตามหลักสากล เชื่อมั่นศรัทธาพลังคนรุ่นใหม่ บารมี ชัยรัตน์ |