เพจเฟซบุ๊คในนาม “หยุด เขื่อนไซยะบุรี (stop Xayaburi Dam)” รายงานภาพ และแปลจดหมาย ที่ระบุว่าเป็นต้นฉบับของจดหมายจากวุฒิสภากัมพูชา ขอให้ไทยยกเลิกสัญญาซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนไซยะบุรี เพราะ “โครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีถือว่าเป็นเขื่อนที่มีผลกระทบร้ายแรงสุดแห่งหนึ่งด้านสิ่งแวดล้อมที่มีการก่อสร้างในโลก”
ภาพความคืบหน้าการก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรีล่าสุดจากเพจ หยุดเขื่อนไซยะบุรี ขณะที่ชิ้นงานวีดิโอประกอบเป็นผลงานข่าวพลเมืองจากกลุ่มสื่อสร้างสรรค์เพื่อความเข้มแข็งภาคพลเมือง ที่รายงานข้อห่วงใยและผลกระทบจากผู้ที่อยู่ในลำน้ำโขง บริเวณแขวงหลวงพระบาง
จดหมายดังกล่าว ลงวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 มีเนื้อหาว่า
เรียน ฯพณฯ
ด้วยความตระหนักว่าชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน 60 ล้านคนในกัมพูชา ลาว ไทย และเวียดนามกำลังถูกคุกคามโดยโครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีและดอนสะโฮง ซึ่งจะเป็นเขื่อนแห่งแรกที่สร้างขึ้นในตอนล่างของลำน้ำโขงสายหลัก พวกเราซึ่งเป็นสมาชิกรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งของชาวกัมพูชาจึงได้ร้องขออย่างจริงใจให้ ฯพณฯ พิจารณาปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนดังต่อไปนี้
• ให้ชะลอโครงการที่กล่าวถึงโดยทันที เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการของรัฐบาลเวียดนามที่มีต่อกระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้าของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2554 โดยเวียดนามได้ร้องขออย่างจริงจังให้ “ชะลอการก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรีรวมทั้งโครงการไฟฟ้าพลังน้ำอื่น ๆ ในตอนล่างของลำน้ำโขงสายหลักออกไปอีกอย่างน้อย 10 ปี… “
• ให้ยกเลิกความตกลงจัดซื้อไฟฟ้าจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีของรัฐบาลไทย ทั้งนี้เป็นไปตามข้อคัดค้านของทั้งประชาชนขาวกัมพูชาและรัฐบาลเวียดนาม และสืบเนื่องจากที่ผ่านมาทางโครงการยังไม่ปฏิบัติตามกระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้าและกระบวนการตามความตกลงของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นไปตามความตกลงแม่น้ำโขง พ.ศ. 2538 ที่มีการลงนามโดยประเทศที่สี่
พวกเราที่เป็นประชาชนชาวกัมพูชาและวุฒิสมาชิกเชื่อมั่นว่าจำเป็นต้องมีปฏิบัติการเหล่านี้ และถือเป็นเรื่องที่ชอบธรรมหากท่านยอมรับซึ่งข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
1. โครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีถือว่าเป็นเขื่อนที่มีผลกระทบร้ายแรงสุดแห่งหนึ่งด้านสิ่งแวดล้อมที่มีการก่อสร้างในโลก
2. โครงการนี้จะก่อให้เกิดภัยคุกคามข้ามพรมแดนครั้งใหญ่สุดเท่าที่มีมาต่อความมั่นคงด้านอาหาร สิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพ การพัฒนาที่ยั่งยืน และความร่วมมือในภูมิภาคในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง
3. การประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีไม่เป็นไปตามมาตรฐานซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
4. ยังไม่มีมาตรการบรรเทาผลกระทบจากเขื่อนไซยะบุรีซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลและเป็นไปได้ในทางเทคโนโลยี เพราะการบรรเทาผลกระทบต่อการอพยพของปลาและการหลากของตะกอน ซึ่งย่อมส่งผลร้ายต่อแหล่งประมงในชายฝั่งซึ่งมีคุณค่ามากสุดในโลก รวมทั้งส่งผลกระทบต่อบูรณภาพของบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ
ฯพณฯ เราเชื่อว่ายังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการ เนื่องจากตามข้อมูลของผู้พัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี การก่อสร้างเขื่อนกั้นขวางลำน้ำโขงสายหลัก จะไม่เริ่มต้นขึ้นจนกระทั่งต้นปี 2558 โดยการก่อสร้างดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลกระทบด้านนิเวศวิทยาและอุทกวิทยาที่ไม่สามารถแก้ไขกลับคืนต่อระบบลุ่มน้ำโขงตอนล่างทั้งหมด
ในนามตัวแทนประชาชนขาวกัมพูชาทุกคน และในนามพี่น้องที่อาศัยอยู่ตลอดทั่วลุ่มน้ำโขงตอนล่าง เราขอกระตุ้นให้ท่านดำเนินการโดยทันที
สำเนา ประธานและกรรมการบริหารธนาคารไทยสี่แห่งที่ให้ทุนสนับสนุนโครงการเขื่อนแห่งนี้
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 333 ถนนสิลม กรุงเทพฯ 10500
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบมจ. ธนาคารกสิกรไทย1 ซอยราษฎร์บูรณะ 27/1 ถนนราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ 10140
ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด มหาชน โซนบี 9 ถนนรัชดาภิเษก
จตุจักร กรุงเทพฯ 10900
ฯพณฯ เหงียน เติ๊น สุง นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ฯพณฯ ทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ที่มา ภาพและเรื่อง https://www.facebook.com/Stopxayaburidam