9 เม.ย. 2558 เมื่อเวลา 11.00 น. เครือข่ายครอบครัว เครือข่ายผู้บริโภค เครือข่ายสื่อเพื่อเด็ก และเครือข่ายชุมชน กว่า 20 คนเข้ายื่นหนังสือต่อ นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช) เพื่อขอให้ตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของมติที่ประชุม กสทช. ครั้งที่ 11/2558 กรณีผู้มีผลประโยชน์ร่วมกันของผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล
สืบเนื่องจากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เสนอให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เห็นชอบในกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริง การเป็นผู้มีผลประโยชน์ร่วมกันของบริษัท Solution Corner (SLC) ที่เข้ามาถือหุ้นใน บริษัท Nation Multi-media Group (NMG) ว่า เป็นผู้ที่มีผลประโยชน์ร่วมกันของผู้รับใบอนุญาตฯ ซึ่งขัดต่อประกาศ กสทช.เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ พ.ศ.2556 และเสนอให้ กสท.พิจารณา ออกคำสั่งทางปกครองไปยังผู้รับใบอนุญาตให้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องปรับลดสัดส่วนการถือครองหุ้น เพื่อแก้ไขมิให้มีความสัมพันธ์ในลักษณะการเป็นผู้ที่มีผลประโยชน์ร่วมกันของ ผู้รับใบอนุญาตฯ ในการประชุม กสท. ครั้งที้ 11/2558 เมื่อวันที่ 23 มี.ค.2558
ผลของการลงมติ มีดังนี้
2 คะแนน เห็นชอบกับข้อเสนอสำนักงาน กสทช. โดย กสทช. ผู้ช่วยศาตราจารย์ ดร.ธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ และ กสทช.สุภิญญา กลางณรงค์
1 คะแนน ไม่เห็นชอบกับข้อเสนอสำนักงาน กสทช. โดย พลโท ดร.พีระพงษ์ มานะกิจ
2 คะแนน งดออกเสียง โดย พ.อ.นที ศุกลรัตน์ และ พ.ต.อ. ทวีศักดิ์ งามสง่า
ต่อมา ในวันที่ 30 มี.ค.2558 ที่ประชุม กสท. ได้พิจารณารับรองมติที่ประชุม กสท. ครั้งที่ 11/2558 (วันที่ 23 มี.ค. 2558) ในวาระดังกล่าว ซึ่งมีการสรุปผลการลงมติโดยนำเอา “การงดออกเสียง” ทั้งสองเสียงมานับเป็นคะแนนเสียงในที่ประชุม โดยระบุว่า การงดออกเสียงเท่ากับมติไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของสำนักงาน กสทช.
ผลมติจึงถูกสรุปว่า กสท.เสียงข้างมากมีมติไม่เห็นชอบกับข้อเสนอสำนักงาน กสทช. ด้วยเสียง 3:2 และมีการรับรองมตินี้ว่าชอบด้วยกฎหมาย
เครือข่ายผู้บริโภคสื่อประกอบด้วยเครือข่ายครอบครัว เครือข่ายผู้บริโภค เครือข่ายสื่อเพื่อเด็ก และเครือข่ายชุมชน เห็นว่ากระบวนการลงมติ สรุปมติ และการรับรองมติครั้งนี้ อาจเป็นการบิดเบือนกฎระเบียบ และอาจเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากระเบียบ กสทช. ว่าด้วยข้อบังคับการประชุม กสทช. พ.ศ.2555 และ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2556 มิได้กำหนดให้นำการงดออกเสียงมานับเป็นคะแนนเสียงไปในทางใดทางหนึ่งได้
ทางเครือข่ายฯ จึงขอร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ปปช. เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ว่ากระบวนการลงมติ สรุปมติ และกระบวนการรับรองมติดังกล่าวว่าเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบหรือไม่ เนื่องจากมติดังกล่าว มีผลต่อการออกคำสั่งทางปกครองเพื่อกำกับดูแลการประกอบกิจการฯ ตามอำนาจหน้าที่ของ กสทช. ซึ่งจะกระทบสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนที่รับรองโดยรัฐธรรมนูญอย่างรุนแรง เพราะเป็นการเปิดทางให้เกิดการควบรวมสื่อ ซึ่งนำมาสู่การครอบงำความคิดของประชาชน และขัดต่อเจตนารมณ์กฎหมายตามมาตรา 31 และ 32 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551
เครือข่ายฯ จึงเสนอให้ คณะกรรมการ ปปช.พิจารณาเพื่อชี้มูลความผิดเป็นกรณีเร่งด่วน เพื่อธำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธ์ของกฎหมาย ธรรมาภิบาลผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการองค์การอิสระ และความเป็นธรรมในสังคม มิให้มติที่อาจมิชอบด้วยกฎหมายนี้ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะได้