รมว.คมนาคม เข้าก.วันแรก คุยสื่อเรื่องร้อนๆ ทั้งค่าโดยสาย/เรื่องเร่งด่วน/ปลัดใหม่
เวลา 6.00น. วันนี้(24ม.ค.2555) นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่ พร้อมด้วยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคนใหม่ เดินทางเข้ากระทรวงคมนาคม เป็นครั้งแรกก่อนเดินทางไปร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีพลอากาศเอกสุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อดีตรมว.คมนาคม เดินทางมาทำพิธีส่งมอบตำแหน่ง โดยพล.อ.อ.สุกำพล ได้ฝากงานเกี่ยวกับโครงการที่อยู่ระหว่างผลักดัน ได้แก่โครงการรถไฟฟ้า 10 เส้นทาง / โครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิระยะที่ 2 เป็นต้น
ขณะที่นายจารุพงศ์ ให้สัมภาษณ์ว่า แม้่ได้เปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แต่ยืนยันจะสานต่อโครงการของกระทรวงคมนาคมที่รัฐบาลได้รายงานต่อรัฐสภา โดยโครงการเร่งด่วนคือการซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัยในช่วงปี 2554 เฉพาะในส่วนกระทรวงคมนาคม มีมุลค่าความเสียหายประมาณ 3 หมื่ีนล้านบาท ที่ต้องเร่งรัดและจะเคร่งครัดการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างโปร่งใสมากที่สุด ซึ่งนายกรํฐมนตรี ได้กำชับเป็นพิเศษ สว่นกรณีทีี่ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือสตง. ตรวจสอบพบว่ามีเส้นทางถนนของกรมทางหลวงจำนวน 10 เส้นทาง มีการใช้จ่ายงบประมาณที่อาจส่อว่าไม่โปร่งใสนั้น นายจารุพงศ์ ยืนยันว่า ได้รับทราบและสั่งให้ฝ่ายเกี่ยวข้องไปตรวจสอบและรายงานให้ทราบเร่งด่วนแล้ว ซึ่งยอมรับว่าการซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน เป็นงานที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนควบคู่กับการให้งานออกมาแบบมีคุณภาพ
"ทีมงานรับเรื่องไปดูแลแล้ว แนวทางผมเบื้องต้นการใช้จ่ายงบประมาณต้องเป็นไปตามแผน การกำหนดเสปคถูกต้อง ไม่ช่สักแต่ถูกเสป็ค ส่วนของที่จะนำมาใช้ ไม่ใช่ดูแต่ประหยัดอย่างเดียว แต่จะต้องมีคุณภาพ และมีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงโครงการต่างๆ ที่มีแผนจะปฎิบัติจะต้องตรงต่อเวลา ไม่ใช่ติดป้ายโครงการบอกจะเสร็จปีนี้ ไม่ใช่ผ่านไปอีกปียังไม่เสร็จ แต่ถ้าไม่เสร็จจริงๆ ก็ต้องบอกกับประชาชน"
สำหรับแนวทางการปรับขึ้นค่าโดยสารรถขสมก./บขส. /รถร่วม และเรือโดยสาร ที่ราคาน้ำมันปรับเพิ่มกว่า 31 บาทต่อลิตรในขณะนี้ จะยังไม่ปรับขึ้นในช่วงนี้ เพราะต้องการตั้งคณะกรรมการไตรภาคีก่อน เนื่ื่องจากยังมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาร่วม เช่น ราคาน้ำมัน /อัตราเงินเฟ้อ /ค่าครองชีพ/อะไหล่รถ รวมถึงผลกระทบกับที่จะเกิดกับผู้ประกอบการ และประชาชน
ส่วนกรณีผลสอบสวนนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะขอหารือกับนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานสอบสวนข้อเท็จจริง ที่กระทรวงคมนาคมแต่งตั้งขึ้นในสมัยพล.อ.อ.สุกำพล เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้า นอกจากนี้ จะโทรศัพท์หารือกรับนายกล้าณรงค์ จันทิก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช. เพื่อสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับรายละเอียดสำนวนการสอบสวน เพราะส่วนตัวมีความสนิทสนมกัน เพื่อจะได้รับทราบว่า จำเป็นต้องตั้งปลัดกระทรวงคมนาคม คนใหม่แทนนายสุุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรีหรือไม่
"เมื่อวานก็ได้คุยกับท่านธงทองสั้นๆบ้างแล้ว จากนี้ก็จะขอคุยกับอ.ธงทอง อีก เกี่ยวกับเรื่องสอบวินัย นอกจากนี้ก็จะคุยกับท่านกล้าณรงค์ (ป.ป.ช.) ด้วย ก็คิดว่าน่าจะได้อะไรเชิงลึกพอสมควรจากทั้ง 2 คน ซึ่งผมมีสายสัมพันธ์ทีเกี่ยวข้องกับทั้ง 2 คนนี้ที่จะมาเป็นกุนซือให้ผมว่าจะมีทิศทางกับเรื่องนี้อย่างไรต่อไป ตอนนี้ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงยังไม่ออก จึงยังไม่ไปพิจารณาถึงเรื่องผลสอบทางวินัย ส่วนทางป.ป.ช.นั้น ถือเป็นองค์กรอิสระ ก็จะคุยกันว่าป.ป.ช.ตั้งทิศทาง หรือมีแนวทางอย่างไร"รมว.คมนาคม กล่าว
ขณะที่แผนการลดสัดส่วนหุ้นบริษัท การบินไทย ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคมนั้น ส่วนตัวจะขอใช้เวลาสักระยะศึกษาเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน เพราะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่
ส่วนเรื่องความปลอดภัยในเส้นทางคมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่า หลังจากปฎิบัติหน้าที่แล้ว จะผลักดันให้การเดินทางของประชาชนเกิดความปลอดภัยมากที่สุด พร้อมย้ำว่าจะไม่ให้มีสี่แยกร้อยศพเกิดขึ้นอีก ส่วนความปลอดภัยทางน้ำ ก็จะเคร่งครัดเกี่ยวกับเรื่องชุชีพ ทั้งส่วนของกรมเจ้าท่า และเอกชน ที่ต้องปฎิับัติเคร่งครัดและเป็นสิ่งที่เริ่มทำได้ทันที
