เสียงจากขบวนองค์กรชุมชน 5 ภาคถึงรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดิน-ที่อยู่อาศัยคนจนทั่วประเทศ

เสียงจากขบวนองค์กรชุมชน 5 ภาคถึงรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดิน-ที่อยู่อาศัยคนจนทั่วประเทศ

ผู้แทนเครือข่ายประชาชนยื่นหนังสือถึงผู้แทน UN ประจำประเทศไทย  บริเวณหน้าที่ทำการ UN ถนนราชดำเนินนอก เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม  เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก

5 ภูมิภาค / เครือข่ายขบวนองค์กรชุมชน ‘บ้านมั่นคงชนบท 5 ภาค  เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาที่ดิน-ที่อยู่อาศัยคนจนทั่วประเทศ  เนื่องในโอกาส ‘วันที่อยู่อาศัยโลก 2566’  หรือ ‘World Habitat Day 2023’

               ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยหรือมีที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้คนทั่วโลก  UN-Habitat หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’  เริ่มรณรงค์ให้ประเทศสมาชิกทั่วโลกให้ความสำคัญกับปัญหานี้ตั้งแต่ปี 2528  โดยกำหนดให้วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมทุกปีเป็น ‘วันที่อยู่อาศัยโลก’ หรือ ‘World Habitat Day’  เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ในโลกให้ความสำคัญกับสถานการณ์การขาดแคลนที่อยู่อาศัย  ตลอดจนตระหนักถึงสิทธิพื้นฐานของการมีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมของประชากรทุกคนบนโลก

นายละอองดาว  สีลาน้ำเที่ยง  ผู้แทนเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชน 5 ภาค   กล่าวว่า  วันที่อยู่อาศัยโลกปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม  เครือข่ายขบวนองค์กรชุมชน 5 ภาค  ประกอบด้วย  เครือข่ายบ้านมั่นคงเมือง-ชนบทภาคเหนือ  เครือข่ายบ้านมั่นคงเมือง-ชนบทภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  เครือข่ายบ้านมั่นคงเมือง-ชนบทภาคกลางและตะวันตก  เครือข่ายบ้านมั่นคงเมือง-ชนบทภาคกรุงเทพฯ ปริมณฑลและตะวันออก  และเครือข่ายบ้านมั่นคงเมือง-ชนบทภาคใต้  ได้จัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ให้มีการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชนที่มีรายได้น้อยในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ  โดยมีข้อเสนอที่รวบรวมมาจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ  เพื่อให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาดังนี้

1.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ  ให้บรรจุประเด็นการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นจัดการตนเอง  สิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัยของชุมชน 

2.ให้รัฐบาลกำหนดประเด็นการแก้ไขปัญหาและพัฒนาที่ดินและที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย เป็นวาระสำคัญของชาติ  โดยมีนโยบายหรือสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแผนปฏิบัติการและสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการที่ชัดเจนและต่อเนื่อง

3.ให้มีนโยบายการแบ่งปันที่ดินรัฐทุกประเภท เพื่อแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบท ร่วมกับโครงการบ้านมั่นคง 

4.ให้สนับสนุนให้เกิดการขับเคลื่อนปฏิบัติการนโยบายการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินสำหรับผู้มีรายได้น้อยในทุกระดับ และส่งเสริมให้เกิดการกระจายอำนาจในการดำเนินการไปยังกลไกระดับท้องถิ่น ให้ชุมชนมีส่วนร่วม

5.ให้จัดทำแผนงานและงบประมาณสนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่ดิน ที่อยู่อาศัยและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยทุกระดับ ในโครงการพัฒนาของภาครัฐทุกโครงการ ต้องมีส่วนร่วมของชุมชนผู้เดือดร้อน  6.ให้เพิ่มงบประมาณสนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัย และคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยให้เพียงพอและเหมาะสมกับการแก้ไขปัญหา

7.ให้จัดทำแผนงานและมาตรการสนับสนุน ช่วยเหลือที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม สำหรับชุมชนผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาของภาครัฐ เช่น ชุมชนในที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการพัฒนาระบบราง ชุมชนริมคูคลองทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการจัดระเบียบที่อยู่อาศัยริมคูคลอง

ผู้แทนกระทรวงคมนาคม (ซ้าย)มอบสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟฯ ให้ผู้แทนสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ (ขวา) เพื่อให้ชุมชนปลูกสร้างที่อยู่อาศัยใหม่  บริเวณหน้ากระทรวงคมนาคม 2 ตุลาคม

8.ให้มีนโยบายส่งเสริมการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่ป่าชายเลน โดยป่าชุมชนชายเลนควรได้รับการรับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และได้รับสิทธิประโยชน์  

9.ให้มีกลไกร่วม ทั้งระดับชาติ  ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และระดับท้องถิ่น ในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาด้านที่ดิน ที่อยู่อาศัย ที่มีหน่วยงานภาครัฐ และขบวนองค์กรชุมชนเป็นองค์ประกอบ และให้กลไกดังกล่าวมีอำนาจในการขออนุญาตใช้ที่ดินรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย  เช่น คณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติระดับจังหวัด คณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย และการกำหนดผังเมืองตามสภาพข้อเท็จจริงในปัจจุบัน

10.ให้องค์กรชุมชน มีส่วนร่วมในการกำหนด กำกับ ติดตาม ประเมินผล การบังคับใช้กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ที่มีผลกระทบต่อที่ดินทำกิน ป่าชุมชน วิถีชีวิตของคนในชุมชนท้องถิ่น  11.ให้บูรณการการสำรวจข้อมูลระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานเจ้าของที่ดิน เพื่อกำหนดเป้าหมายด้านจำนวนและระยะเวลาที่ชัดเจน ในการดำเนินการอนุมัติพื้นที่ คทช. (คทช. คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ-มีหน้าที่อนุมัติ  จัดสรรที่ดินรัฐ  เช่น  ที่ดิน ส.ป.ก.ให้ประชาชนเข้าไปอยู่อาศัยและทำกิน)

ขบวนรณรงค์วันที่อยู่อาศัยโลก  2 ตุลาคม 2566  หน้ากระทรวงคมนาคม

12.ให้ทบทวน แก้ไขการออกกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ในทุกประเภทที่ดินที่ไม่เอื้อต่อสิทธิการอยู่อาศัย ทำกินของชุมชน และการใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น พ.ร.บ.และ ร่างอนุบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562  พ.ร.บ.ป่าชุมชน  พ.ศ.2562

13.ให้รัฐบาลผ่อนผันกฎหมายการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราคงที่ขั้นต่ำสำหรับผู้มีรายได้น้อยในโครงการบ้านมั่นคง 

14.ให้กรมเจ้าท่ากำหนดเขตที่ดินให้ชัดเจน มีนโยบายอนุญาตให้องค์กรชุมชนใช้ที่ดินในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาที่อยู่อาศัย สิ่งแวดล้อม และจัดการทรัพยากร และกำหนดค่าเช่าในอัตราขั้นต่ำที่เหมาะสมกับผู้มีรายได้น้อย

15.ให้เร่งออกกฎหมายลูก มาตรา 64 , 65 เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการรับรองสิทธิและบังคับใช้กฎหมายสำหรับพื้นที่อนุรักษ์  ในระหว่างนี้ควรมีมาตรการป้องกันการบุกรุกเพิ่ม ไม่ควรกำหนดอนุบัญญัติที่ขัดแย้งกับกฎหมายแม่ และมอบอำนาจในการอนุมัติแก่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ซึ่งมีความเข้าใจบริบทพื้นที่และสามารถดำเนินงานได้รวดเร็ว

16.ให้มีการปรับปรุงกฎหมายทางทะเล ซึ่งมีส่วนที่จำกัดสิทธิของประชาชนมากเกินไป ควรยกเลิกโครงการก่อสร้างที่ทำลายระบบนิเวศชายฝั่ง และแก้ไขพระราชบัญญัติอุทยานทางทะเล มาตรา 65 ซึ่งไม่เอื้อให้ชุมชนสามารถเก็บหาทรัพยากรที่ทดแทนได้

17.ให้รัฐสนับสนุนให้องค์กรชุมชนจัดทำแผนการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิต  รวมทั้งการสร้างพื้นที่นำร่องแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการ ในระดับท้องถิ่น ระดับอำเภอ และระดับจังหวัด พร้อมสนับสนุนงบประมาณการพัฒนาด้านต่าง ๆ ให้แก่สถาบันการเงินชุมชนหรือกลุ่มองค์กรชุมชนโดยตรง  โดยเฉพาะงบประมาณการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที

รอ.ธรรมนัส  พรหมเผ่า  รมว.เกษตรและสหกรณ์เจรจากับขบวนรณรงค์วันที่อยู่อาศัยโลก  ประเด็นการสนับสนุนการจัดตั้งสหกรณ์เพื่ออยู่อาศัยและทำกินในที่ดิน ส.ป.ก.

18.ให้สนับสนุนการจัดตั้งสหกรณ์ในกลุ่มองค์กรที่จะดำเนินโครงการบ้านมั่นคง และเพิ่มวัตถุประสงค์ ระเบียบสหกรณ์บริการในสหกรณ์เคหสถาน เพื่อให้สามารถดำเนินแผนธุรกิจที่นอกเหนือจากเรื่องที่อยู่อาศัย  19.ให้สนับสนุนเพื่อยกระดับกลุ่มออมทรัพย์บ้านมั่นคงเป็นสถาบันการเงินชุมชน โดยรัฐสนับสนุนงบประมาณ

20.ให้มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากจากความหลากหลายทางชีวภาพ มีการใช้เทคโนโลยีและยกระดับสู่วิสาหกิจในท้องถิ่น  21.ให้มีการยกเว้นโครงการคาร์บอนเครดิต ที่ทำลายความหลากทางชีวภาพและการฟอกเขียว กำกับให้ภาคธุรกิจลดคาร์บอน จากการผลิตของตนเองก่อนที่จะใช้ภาคป่าไม้ชดเชยทางเดียว รวมถึงสร้างความเป็นธรรมในการแบ่งปันผลประโยชน์ และมีการปรึกษาหารือชุมชน

22.ให้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนแผนการจัดการป่าโดยมีกองทุนในการสนับสนุนชุมชนให้สามารถดำเนินการตามแผนได้ และงบประมาณต้องสามารถตรวจสอบได้  23.ให้พัฒนาศักยภาพด้านความรู้กฎหมายและการจัดการป่าชุมชน แก่บุคลากรทั้งภาครัฐ คณะกรรมการป่าชุมชนระดับจังหวัดและระดับชุมชน โดยสร้างกลไกการทำงานร่วมกับเครือข่ายภาคประชาสังคม

นายสมคิด  เชื้อคง (เสื้อขาว) รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีออกมารับข้อเสนอจากภาคประชาชนเนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลกบริเวณถนนราชดำเนินนอก (2 ตุลาคม)

***********

เรื่องและภาพ  :  สำนักพัฒนานวัตกรรมชุมชนจัดการความรู้และสื่อสาร  สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ