ข่าวประจำวันที่ 8 เดือนสิงหาคม 2559
บรรยากาศการปิดหีบบัตรและการนับคะแนน ของเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการออกเสียงประจำหน่วยออกเสียงประชามติ ในเขตพื้นที่อำเภอแม่สอด
ที่บริเวณ เขตเทศบาลนครแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก ผู้อำนวยการประจำหน่วยออกเสียง กรรมการประจำหน่วยออกเสียงและ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ของแต่ละหน่วยการออกเสียงประชามติในเขตพื้นที่อำเภอแม่สอด ได้ร่วมกันปิดหีบบัตรเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย แล้วจึงทำการเจาะเล่มบัตรออกเสียงมัดเตรียมนำส่ง จากนั้นได้เปิดหีบบัตรเพื่อนับคะแนนประจำหน่วยออกเสียง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการขานคะแนนของบัตรแต่ละใบให้แก่ผู้ที่มารอดูการนับคะแนนได้รับทราบ ทางเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการขีดคะแนนบนกระดานที่เตรียมไว้ โดยบัตรที่ขานคะแนน มีทั้งบัตรดี เห็นชอบทั้งสองประเด็น ไม่เห็นชอบทั้งสองประเด็น ประเด็นที่หนึ่งเห็นชอบ และประเด็นที่สองไม่เห็นชอบ รวมถึงบัตรเสีย และการเก็บอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อนำไปส่งยังที่ว่าการอำเภอแม่สอดในการนับคะแนนรวมอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งผลการนับคะแนนออกมาดังนี้ จำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงตามบัญชีรายชื่อในเขตพื้นที่อำเภอแม่สอดทั้งหมด 81,957 คนผู้มีสิทธิ์ที่มาแสดงตนใช้สิทธิ์เป็นจำนวน 21,969 คน ผลการออกเสียงประเด็นที่ 1 ร่างรัฐธรรมนูธเห็นชอบ เป็นจำนวน 15,294 เสียง ไม่เห็นชอบเป็นจำนวน 4,673เสียง ประเด็นที่ 2 คำถามเพิ่มเติมเห็นชอบเป็นจำนวน 13,747 เสียงและไม่เห็นชอบเป็นจำนวน 4,990 เสียงด้วยกัน / //////////////////////////////////
ภาพและข่าว โดย วรภา พันลุตัน
โรงพยาบาลแม่สอด จัดกิจกรรมสัปดาห์เภสัชกรรมภายใต้คำขวัญ “ดูแลผู้สูงวัย ใช้ยาปลอดภัย และเป็นสุข”เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559
ที่ห้องโถงอาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลแม่สอด กลุ่มงานเภสัชกรรม ได้จัดกิจกรรมสัปดาห์เภสัชกรรมครั้งที่ 17 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 ภายใต้คำขวัญการจัดงานสัปดาห์เภสัชกรรม “ดูแลผู้สูงวัย ใช้ยาปลอดภัย และเป็นสุข” โดยมีนายแพทย์สุชาติ พรเจริญพงศ์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่สอด เป็นประธานในการเปิดงาน
เภสัชกร บุญศักดิ์ อ่อนลิ้ม รักษาการหัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม กล่าวว่า การจัดงานสัปดาห์เภสัชกรรม ได้มีการดำเนินการต่อเนื่องกันมา ในปี 2559 นี้เป็นครั้งที่ 17 และมีความพิเศษโดย สภาเภสัชกรรมและเครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรม ได้ร่วมกันจัดงานสัปดาห์เภสัชกรรม เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สภาเภสัชกรรม ได้พิจารณาแล้วพบว่าปัญหาพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยา และผลข้างเคียงของยาที่เกิดขึ้นในกลุ่มผู้สูงวัย เกิดจากการที่ผู้สูงวัยจำนวนมากไม่สามารถมาโรงพยาบาล เพื่อขอรับคำปรึกษาในการใช้ยาจากเภสัชกร เนื่องจากข้อจำกัดในด้านต่างๆ อาทิ เช่น ข้อจำกัดในเรื่องค่าใช้จ่าย ข้อจำกัดทางด้านร่างกายที่เคลื่อนไหวไม่สะดวกทำให้การเดินทางมาโรงพยาบาลเป็นไปอย่างยากลำบาก นอกจากนี้แล้วผู้สูงวัยมักมีโรคเรื้อรังหลายชนิดทำให้อาจได้รับยาหลายรายการ ผู้ป่วยบางรายอาจจะเก็บสะสมยาไว้โดยไม่ได้รับประทานหรือรับประทานไม่หมดและเก็บรวม ๆ กันไว้ โดยยานั้นอาจจะหมดอายุแล้วหรือเสื่อมคุณภาพ โดยไม่ทราบถึงข้อห้ามใช้ยาและข้อบ่งใช้ของยาในขณะนั้น จึงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากใช้ยาได้ เภสัชกรที่เป็นผู้ที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษาเรื่องยาโดยตรง จึงมีหน้าที่ในการสร้างความรู้ ความเข้าใจ การให้คำปรึกษา เพื่อสร้างทัศนคติที่ถูกต้อง เพิ่มความร่วมมือในการใช้ยาอย่างปลอดภัย
นายแพทย์สุชาติ พรเจริญพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่สอด กล่าวว่า ปัญหาการใช้ยาของผู้สูงอายุ เมื่ออายุมากขึ้น ก็มีโอกาสในการที่จะเป็นโรคต่างๆมากขึ้น ทำให้ต้องมีการใช้ยาหลายชนิด หากไม่ได้รับการดูแลการใช้ยาอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดอันตรายจากการใช้ยาได้ จากข้อจำกัดหลายอย่างทั้งจากสภาพร่างกาย และองค์ความรู้ด้านยาในการดูแลรักษาตนเอง บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนแพทย์ เภสัชกร เจ้าหน้าที่ที่ดูแล และคนสำคัญอีกคนหนึ่งก็คือ ญาติหรือผู้ที่ดูแลใกล้ชิดก็จะมีส่วนช่วยให้ท่านผู้สูงอายุใช้ยาได้อย่างเหมาะสมปลอดภัย
//////////////////////////////////////////////////////////
ชาวชุมชนในเขตเทศบาลนครแม่สอดร่วมกันพัฒนาชุมชนเนื่องในวันแม่แห่งชาติ
ชาวบ้านในแต่ละชุมชนเขตพื้นที่เทศบาลนครแม่สอด อาทิชุมชนร่วมใจนำโดยประธานชุมชนร่วมใจ นายเปง อินลวง ชุมชนอินทรคีรีโดยประธานชุมชนอินทรคีรี นายมงคล เกตุวงษ์และชุมชนประชารักษ์โดยประธานชุมชนประชารักษ์ นายสุนทร สันธิศิริ ได้ร่วมกันนำคณะกรรมการชุมชน ชาวบ้านและแรงงานต่างด้าว ออกพัฒนาชุมชน เก็บกวาด เช็ดถู บริเวณอาคารที่ทำการชุมชน ปรับภูมิทัศน์สถานที่ ตัดหญ้าที่ขึ้นรกร้างบริเวณไหล่ทางในเขตชุมชนของตน บริเวณหน้าที่ทำการชุมชนและลำห้วยรางระบายน้ำ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ภูมิพลอดุลยเดช ทรงเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนม พรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ วันแม่แห่งชาติ อีกทั้งได้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีเศษขยะ ดินโคลน สกปรก ชาวบ้านในแต่ละชุมชนต่างเห็นพ้องต้องกันในการร่วมพัฒนาบริเวณชุมชนเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ภูมิพลอดุลยเดช ทรงเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนม พรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ วันแม่แห่งชาติ ในวันนี้
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เทศบาลนครแม่สอดประชุมหารือร่วมเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษเพื่อหาแนวทางการกำจัดขยะ
ที่ห้องประชุมเออีซี ชั้น 2 สำนักงานเทศบาลนครแม่สอด ดร.เทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีนครแม่สอดมอบหมายหน้าที่ให้ นายกุล เครือวีระ รองนายกเทศมนตรีพร้อมว่าที่ร้อยตรี ประเสริฐ ปวงละคร รองนายกเทศมนตรี นายชาตรี สุขารมณ์ ปลัดเทศบาล ว่าที่พันตรี ธีรยุทธ วุฒิอรรถสาร รองปลัดเทศบาลนายเฉลิมเกียรติ ปัญญาสว่าง ผู้อำนวยการกองช่างสุขาภิบาล ว่าที่พันตรี ไพฑูรย์ ปริญญาธรรมกุล ผู้อำนวยการกองงานวิชาการและแผนงานนำเจ้าหน้าที่พนักงานเทศบาลเข้าประชุมหารือแนวทางในการกำจัดขยะมูลฝอยในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตาก โดยมีคณะเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมมลพิษนำโดยนาย พรเทพ กลีบลำไย นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพร้อมคณะเจ้าหน้าที่กรมควบคุม มลพิษ
ปัจจุบันขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นจะถูกคัดแยกและจัดส่งไปกำจัดด้วยวิธีฝังกลบ ณ บริเวณหลุมกลบขยะของทางเทศบาลนครแม่สอด ซึ่งสถานที่ฝังกลบขยะของทางเทศบาลนครแม่สอดมีเนื้อที่เป็นบ่อเพื่อทำการฝังกลบทั้งหมด 23 ไร่ โดยใช้เป็นที่รองรับขยะที่เกิดขึ้นทั้งในเขตและนอกเขตเทศบาลนครแม่สอด เป็นเวลามากกว่า 10 ปี ปัจจุบันมีปริมาณขยะมากเกินกว่าที่พื้นที่ฝังกลบจะสามารถรองรับได้ โดยสังเกตเห็นได้อย่างได้อย่างชัดเจน จากปริมาณขยะที่สูงล้นเกินกว่าพื้นที่ 3 เมตร ในอนาคตหากได้มีการพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแล้ว ย่อมต้องมีการพัฒนาในด้านต่างๆ ทั้งทางด้านการค้าและการท่องเที่ยว อีกทั้งต้องรองรับปริมาณขยะมูลฝอยจากประเทศสหภาพเมียนม่าร์ ที่ต้องพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองคู่ขนานเช่นกัน อีกทั้งประชากรแฝงที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ต้องเพิ่มขึ้นอีกมากมายในทั้งสองฝั่งประเทศ ก่อให้เกิดขยะปริมาณมหาศาล ที่จำต้องได้รับการกำจัดอย่างถูกวิธี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทางด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อม และสร้างผลกระทบต่อประชากรในพื้นที่
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////